ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 772 ขบคิดการกระทำของตัวเอง + บทที่ 773 ความตื่นเต้นของเหยียนหมิงซุ่น
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 772 ขบคิดการกระทำของตัวเอง + บทที่ 773 ความตื่นเต้นของเหยียนหมิงซุ่น
บทที่ 772 ขบคิดการกระทำของตัวเอง
เมื่อคุณย่าได้ยินคำว่าเลอะเลือน ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ แต่ก็ยังจะเบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อที่จะได้ฟังถนัด ๆ
ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้มีคำพูดอะไรดีๆ ยิ่งฟังยิ่งโกรธแต่ก็อดที่จะฟังไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องใส่ตัวเองเลย!
“พวกเธอรู้หรือเปล่า หวงอวี้เหลียนและสามีคนปัจจุบันของเธอคบกันได้อย่างไร?” มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างสงสัย
“รู้สิ ตอนนั้นหวงอวี้เหลียนทำงานอยู่ที่แผนกต้อนรับ แล้วยังคลุกคลีอยู่กับพวกผู้ชายทั้งวัน โอหยางเซี่ยงหมิงก็นับเป็นหนึ่งในนั้น ช่างโง่จริงๆ ไม่รู้เลยว่าหล่อนผ่านมาแล้วกี่มือ!”
“มือหนึ่งคงไม่ต้องสงสัยเพราะคือลูกชายคนโตของตระกูลจ้าว ส่วนหลังจากนั้นก็ผ่านมาอีกหลายมือ เกรงว่าแม้แต่ตัวของหวงอวี้เหลียนเองยังไม่รู้เลยมั้ง?”
“เพราะงั้นถึงได้บอกว่าโอหยางเซี่ยงหมิงเป็นคนโง่ยังไงล่ะ บนหัวถูกสวมเขาหรืออย่างไร ถึงเอาคนอย่างหวงอวี้เหลียนมาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจได้อีก จึๆ…น่าหงุดหงิดเสียจริง ผู้ชายเก้าในสิบคนคงตาบอดไปแล้ว!”
“เธอหงุดหงิดอะไร? ไม่ใช่เพราะตอนนั้นโอหยางเซี่ยงหมิงไม่สนใจเธอหรอกหรือ!” มีคนตั้งใจพูดแดกดัน ทำให้หญิงคนที่พูดขึ้นก่อนหน้านั้นเกิดโมโหขึ้นมา แต่ก็ใช่ว่าหล่อนจะเป็นคนยอมโดนรังแกง่ายๆ จึงโต้ตอบกันไปมาอย่างดุเดือดอย่างไม่มีใครยอมใครทั้งนั้น
คนอื่นๆ ต่างพากันดูอย่างสนุกสนาน อย่ามองเพียงแค่ตอนที่พวกหล่อนดูรักกันราวกับเป็นพี่น้อง แต่พอลับหลังกลับเป็นคนละคน นั่นก็อาจจะเป็นแค่เพียงการรักษาภาพพจน์ก็เท่านั้น
คุณย่าที่ได้ฟังผู้หญิงพวกนี้ถกเถียงกัน เธอไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของคนพวกนั้นแม้แต่น้อย ไม่คิดว่าผู้หญิงที่ดูบริสุทธิ์งดงาม อ่อนโยน และใจกว้างอย่างหวงอวี้เหลียน จะเป็นคนเดียวกับคนที่พวกนั้นพูด จะให้เธอปักใจเชื่อได้อย่างไรกัน
แต่คนพวกนี้ก็พูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริง อีกทั้งไม่ใช่แค่คนเดียวที่พูดแบบนี้ แต่กลับเป็นทุกคน หรือว่าเธอจะดูผิดไปจริงๆ?
คุณย่าใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก แน่นอนว่าเธอไม่ได้เลอะเลือนจริงๆ เพราะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอมองไม่เห็นธาตุแท้ของหวงอวี้เหลียนนั้นมีอยู่หลายปัจจัย
หนึ่งคือเธอรู้สึกละอายใจต่อหวงอวี้เหลียน ถ้าพูดให้ถูกเธอโดนหวงอวี้เหลียนปั่นหัวเข้าแล้ว ตอนนั้นจ้าวอิงต๋าไม่ได้ร่วมหอกับหวงอวี้เหลียน เขารักษาความเป็นสุภาพบุรุษมาโดยตลอด แต่เป็นเพราะจ้าวอิงต๋าเกิดรู้สึกอาย จึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับคุณย่ามาโดยตลอด
คุณย่าที่เข้าใจมาตลอดว่าหวงอวี้เหลียนและจ้าวอิงต๋านั้นเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามประเพณี เพราะงั้นเวลาที่หวงอวี้เหลียนร้องไห้เล่าเรื่องที่ว่าผู้ชายที่มาดูตัวกับเธอนั้นรังเกียจเธอ มองว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ จึงไม่ได้เจอกับคู่ที่เหมาะสม ต้องจำใจแต่งงานกับพ่อหม้ายอย่างโอหยางเซี่ยงหมิง
โอหยางเซี่ยงหมิงรูปร่างหน้าตาไม่เป็นที่ดึงดูดนัก เขาทั้งตัวเล็กและเตี้ย ความสามารถในการทำงานก็ดูจะธรรมดา ทั้งยังอายุมากกว่าหวงอวี้เหลียนตั้งสิบกว่าปี แถมยังมีลูกติดจากภรรยาคนก่อนอีกสองคน มิหนำซ้ำลูกชายคนโตยังอายุน้อยกว่าหวงอวี้เหลียนเพียงแค่หกปี
สิ่งเดียวที่เป็นข้อดีของเขาก็แค่แซ่โอหยางเท่านั้น นอกนั้นแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะคู่ควรกับสาวสวยอย่างหวงอวี้เหลียนแม้แต่น้อย
คุณย่าเองก็นึกเสียดายที่หวงอวี้เหลียนแต่งงานกับโอหยางเซี่ยงหมิง ทำให้ความรู้สึกผิดในใจยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น อีกทั้งชีวิตหลังแต่งงานไม่กี่ปีมานี้ของหวงอวี้ก็ไม่ดีนัก อันที่จริงนั้นเป็นเพราะสาเหตุอื่น แต่หวงอวี้เหลียนกลับมาร้องไห้ตัดพ้อต่อหน้าของคุณย่าว่าที่คุณย่าโอหยางรังเกียจเธอ เพราะมองว่าเธอไม่บริสุทธิ์ นั่นยิ่งทำให้คุณย่ารู้สึกละอายใจ
อีกทั้งอีกหนึ่งสาเหตุก่อนที่จ้าวอิงต๋าจะไปสนามรบ เป็นสิ่งที่เขาฝากฝังกับคุณย่าให้ช่วยดูแลหวงอวี้เหลียน
คุณย่ารู้สึกผิดต่อลูกชาย จึงเป็นธรรมดาที่จะใส่ใจต่อสิ่งที่เขาฝากฝังไว้เป็นพิเศษ ด้วยหลายๆสาเหตุรวมกันแล้วจึงทำให้คุณย่าเอาใจใส่และห่วงใยหวงอวี้เหลียนมาตลอดสิบปีจนทุกอย่างฝังใจเธอไปแล้ว
ในตอนที่เธอได้ยินผู้หญิงกลุ่มนี้พูดคุยกัน รวมกับสิ่งที่คุณปู่และหลานชายทั้งหลายของเธอตำหนิ จึงทำให้เธอเริ่มที่จะฉุกคิดได้ถึงการกระทำที่เกิดขึ้น
แต่ก็เป็นแค่การฉุกคิดเพียงชั่วครู่ เพราะถึงอย่างไรความรู้สึกที่ฝังใจมานานนับสิบปีก็มิอาจลบล้างออกไปได้ง่าย ๆ
………………………………………
บทที่ 773 ความตื่นเต้นของเหยียนหมิงซุ่น
เหมยเหมยไม่ได้มีเรื่องที่ค้างคาใจอะไรเหมือนกับคุณย่า ในตอนนี้คงไม่ต้องพูดว่าเธอดีใจแค่ไหนที่ได้นั่งอยู่เบาะหลังจักรยาน โดยมีเหยียนหมิงซุ่นจูงรถให้ ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่ต้องเดิน แบบนี้สบายจะตายไป
“พี่หมิงซุ่น คุณตาคุณยายของพี่รู้เรื่องที่พี่จะไม่สอบเข้ามหาลัยไหม?” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง
เหยียนหมิงซุ่นนิ่งเงียบไม่กี่วินาที จึงค่อย ๆพยักหน้ารับ “รู้แล้ว รู้ก่อนที่จะมาที่นี่ พี่บอกกับพวกเขาไปตรง ๆแล้ว”
เหมยเหมยรู้ดีว่าพวกเขาที่บอกนั้นหมายถึงใคร จึงปรบมือและพูดขึ้นอย่างชื่นชม “บอกไปตรง ๆถึงจะดี พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสบาย ทำเรื่องน่าละอายไว้ตั้งเยอะ ต้องถูกคนอื่นจับกลุ่มนินทาอยู่ทุกวี่วัน”
ที่สำคัญไปกว่านั้น ไม่ควรปล่อยให้คนน่าขยะแขยงพวกนั้นมาพึ่งใบบุญของพี่หมิงซุ่นอีกแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นที่หันหน้ากลับมา เห็นท่าทีโกรธเคืองของสาวน้อยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่า เขาเองก็รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย ไม่ไปนึกถึงสองคนในบ้านนั้นอีก เหมยเหมยพูดถูก คนที่ทำผิดไว้คือพวกเขาสองคน คนที่ควรจะมีชีวิตที่ย่ำแย่ต้องเป็นพวกเขาทั้งสองคน ไม่ใช่ตัวเขาเอง
เขาจะต้องมีความสุขในทุกๆ วัน จะต้องไม่ทำให้ตัวเองทุกข์ทรมาน!
คุณย่าถือโอกาสที่ผู้หญิงพวกนั้นไม่ทันสังเกตเห็นเธอ แอบย่องออกมาจากที่ตรงนั้น กลับถึงบ้านด้วยเรื่องค้างคาใจที่มากล้น ขนาดโทรทัศน์ก็ไม่อยากจะเปิดดู นั่งนิ่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา
วันนี้คุณปู่จ้าวตั้งใจกลับมาให้เร็วขึ้น กำชับกับเชฟหยวนว่ามื้อค่ำนี้ให้ทำอาหารเพิ่มหลายๆเมนู เพื่อต้อนรับเพื่อนของหลานสาว
เขาเหลือบมองคุณย่าที่มีท่าทีประหลาดเพียงครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างระอา เบื่อที่จะสนใจเธอแล้ว
ยายแก่จอมเลอะเลือน คำพูดของคนในครอบครัวกลับไม่เชื่อแต่ไปเชื่อคำพูดของคนนอก แล้วยังจะมาทำห่างเหินกับหลานสาวตัวเองอีก เบื่อวันเวลาดี ๆ แล้วหรือไง ถึงรั้นคิดจะหาวันตาย!
“ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ เย็นนี้เพื่อนของเหมยเหมยจะมากินข้าวที่บ้าน ถึงตอนนั้นเธอก็อย่าทำหน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนี้ล่ะ!”
แม้ว่าไม่ได้ต้องการจะพูดคุยกับยายแก่สักเท่าไหร่ แต่อย่างไรคุณปู่จะต้องกำชับเธอไว้สักหน่อย เพราะนับวันก็ยิ่งเลอะเลือนขึ้นไปทุกที!
คุณย่ากลอกตามองเขาไปที ในใจใช่ว่าจะรู้สึกดี ออกฤทธิ์แค่วันเดียว ก็ทำเอาคนในบ้านพากันเมินเฉยใส่เธอ แม้ว่าจะมีทักทายบ้าง แต่ก็ดูเหินห่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด เธอเองไม่ใช่คนโง่ ทำไมจะไม่รู้สึกล่ะ?
เจ้าพวกนี้มันจงใจ ลำเอียงเลือกเข้าข้างฝ่ายหลานสาว!
ไอ้พวกใจดำอำมหิต!
แม้ว่าคุณย่าจะรู้สึกอึดอัดใจ แต่เธอก็คาดหวังกับการมาของเหยียนหมิงซุ่นไม่น้อย ต้องบอกว่าเธอเองก็ปฏิบัติต่อเหมยเหมยจากใจจริง มีแค่บางครั้งเท่านั้นที่เธอเกิดอาการเลอะเลือน เด็กผู้ชายที่จะมาบ้านในวันนี้ในอนาคตอาจจะกลายเป็นหลานเขยก็เป็นได้ คุณย่าแค่ต้องการจะช่วยหลานสาวสอดส่องดู เพื่อไม่ให้เธอต้องไปทนทุกข์ทรมานในอนาคต
คุณย่าที่มีความคาดหวังนั้นก็เริ่มรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว มีสติเปี่ยมล้น ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่มีท่าทีดูท้อแท้หมดความหวัง
ช่วงพลบค่ำเหยียนหมิงซุ่นกลับมาบ้านพร้อมเหมยเหมย ในมือถือของฝากพะรุงพะรังเต็มไปหมด ก็ฝ่ายตรงข้ามที่เขาจะมาเยี่ยมเยียนเป็นถึงหัวหน้ากองที่น่าเกรงขาม และยังเป็นญาติผู้ใหญ่ของเด็กผู้หญิงที่เขารัก ใจของเหยียนหมิงซุ่นที่สงบนิ่งมาโดยตลอด นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
แต่เขาสามารถเก็บอาการได้เป็นอย่างดี สีหน้าท่าทางจึงยังคงเรียบนิ่ง จังหวะการก้าวเดินก็ไม่ช้าไม่เร็ว รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าก็ไม่มากไม่น้อยเกินไป ดูราวกับว่าไม่มีท่าทีตื่นเต้นปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย
“พี่หมิงซุ่น ทำไมบนฝ่ามือพี่เหงื่อเยอะจัง? พี่ไม่ต้องตื่นเต้นนะ คุณปู่ท่านใจดี คุณย่าแม้ว่าจะดูเลอะเลือนไปบ้าง แต่เธอก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีเลยล่ะ”
เหมยเหมยยื่นมือไปจับฝ่ามือของเขา มันให้ความรู้สึกชื้นๆ เย็นๆ แตกต่างจากช่วงเวลาปกติที่ให้ความรู้สึกอุ่น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี
ที่แท้หัวหน้าใหญ่ในอนาคตก็มีมุมที่ตื่นเต้นด้วย!
รอยยิ้มของเหยียนหมิงซุ่นดูเกร็ง ๆ เขารีบดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว พูดขึ้นมาว่า “ใครตื่นเต้นกัน เป็นเพราะที่นี่ดูวังเวงเกินไป เหมยเหมยอย่าจับมือพี่สิ ถ้าใครเห็นเข้าจะดูไม่ดีได้นะ”
เหมยเหมยกลอกตามองบนใส่ไปที…
……………………………………………