ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 778 จำวันเกิดฉันได้หรือไม่ + ตอนที่ 779 เปลี่ยนแปลงผันแปร
ตอนที่ 778 จำวันเกิดฉันได้หรือไม่
อาหารมื้อค่ำก็ผ่านพ้นไปด้วยดี หลังทานข้าวเสร็จเหยียนหมิงซุ่นก็ได้ฟังคุณปู่เล่าเรื่องราวหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ดูท่าทางของเขาแล้ว ต่อให้พูดอีกสามชั่วโมงก็ไม่ใช่ปัญหา
“คุณปู่คะ ฟ้ามืดแล้ว พี่หมิงซุ่นต้องกลับเกสต์เฮ้าส์แล้ว” เหมยเหมยพูดตัดบท
คุณปู่ถอนหายใจอยากจะพูดต่อ คิดอยากจะให้เหยียนหมิงซุ่นอยู่ต่อค้างคืนที่บ้าน แบบนี้เขาก็จะสามารถเล่าเรื่องต่อได้ แต่เขารู้ว่าทำเช่นนั้นคงไม่เหมาะสม จึงทำได้แค่ส่งเหยียนหมิงซุ่นกลับอย่างจำใจ
“หมิงซุ่นพรุ่งนี้ก็มาทานข้าวเย็นที่บ้านอีกสิ อย่าเอาแต่ทานข้างนอกเลย มันไม่สะอาดแล้วก็ไม่ดีต่อร่างกาย”
หัวหน้าใหญ่ของตระกูลจ้าวเชื้อเชิญด้วยตัวเอง ก็ไม่ต่างจากมีพายเนื้ออันโอชะก้อนใหญ่ตกลงมาจากฟากฟ้า กลัวแค่จะทับคนมากมายจนเป็นลมไปก็แค่นั้น แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับเงียบสงบผิดปกติ แววตาเรียบนิ่ง และ ——
“ขอบคุณคุณปู่จ้าวสำหรับการเชื้อเชิญ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ต้องปฏิเสธน้ำใจของท่าน ครั้งนี้ผมมาเมืองหลวงยังมีเรื่องสำคัญเรื่องอื่นที่ต้องทำ เวลาไม่รอท่า ขอท่านได้โปรดให้อภัย!”
เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธอย่างนุ่มนวล จริงครึ่งไม่จริงครึ่ง เขามาเมืองหลวงไม่ใช่เพียงแค่เพื่อส่งทีวีจอสีเท่านั้น เป้าหมายที่สำคัญก็คือเพื่อมาฉลองวันเกิดกับเหมยเหมย ก็เลยถือโอกาสมาทำเรื่องอื่นไปด้วย เช่นมาหาสอดส่องบางอย่าง
เมืองหลวงแห่งนี้ก็เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ในสมัยก่อน ของเก่าล้ำค่าคงมีไม่น้อย เหมือนกับลุงหมิงที่ร่ำรวยขึ้นจากเมืองหลวง ภายหลังถึงได้กลับไปพัฒนาต่อที่จินซื่อ ค่อยๆทำมาหาเลี้ยงชีพจนกลายเถ้าแก่
เมื่อก่อนเขาได้ยินลุงหมิงพูดเกี่ยวกับเรื่องของตัวเขาตอนสมัยหนุ่มๆเยอะมาก ความสามารถอันน่าทึ่ง จนเขาอยากยึดถือเป็นแบบอย่าง ต่อให้ไม่มีวันเกิดของเหมยเหมย เขาก็จะต้องมาเมืองหลวงสักครั้งก่อนไปเป็นทหารอยู่แล้ว เพื่อสนองความต้องอย่างที่ใฝ่ฝันสักครั้ง
คุณปู่ตะลึงงัน อยู่ตำแหน่งสูงมานาน เขายังไม่ขินกับการโดนคนปฏิเสธเสียจริงๆ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่ง ยิ่งทำให้เขาตกตะลึง
เขากลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พูดยิ้มๆแสร้งทำเป็นไม่สนใจว่า “ได้ เธอมีธุระก็ไปทำก่อน วันหลังมีเวลาว่างค่อยมาทานข้าวด้วยกันใหม่”
เหยียนหมิงซุ่นตอบรับอย่างเคารพนบน้อม แล้วก็บอกลาเพื่อขอตัวกลับ เหมยเหมยมาส่งเขาแค่ตรงลานบ้าน และไม่กล้าอยู่นานเพราะด้านหลังยังมีสายตานับสิบจ้องเขม็งอยู่!
“รอพี่ทำธุระเสร็จก่อนจะโทรหาเธอนะ รีบกลับเข้าไปเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเบา
เหมยเหมยพยักหน้าอย่างว่าง่าย ในใจผิดหวังอยู่บ้าง อยากถามเหยียนหมิงซุ่นมากๆว่ายังจำวันเกิดของเธอได้ไหมแต่ด้วยความสำรวมของลูกผู้หญิงทำให้เธอถามไม่ออก อีกทั้งเธอยังรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หน้าที่ของแฟนที่ควรจะรับผิดชอบหรือไงกัน?
ถ้าต้องรอเธอเตือนก่อนถึงจะจำได้ เช่นนั้นก็ไม่มีความหมายอะไรน่ะสิ!
“พี่หมิงซุ่น พี่มาเมืองหลวงแค่เพื่อทำธุระเกี่ยวกับงานราชการอย่างเดียวหรอ?” เหมยเหมยถามอย่างนิ่มนวล
“แน่นอนว่าไม่ใช่”
เหมยเหมยพอได้ฟังสายตาก็เป็นประกาย มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างคาดหวัง ใจเต้นจนกระดอนมาถึงคอหอยแล้ว แต่ว่า ——
“นอกจากงานราชการแล้ว พี่ยังต้องส่งทีวีจอสีให้เธออีกไง!” พอเหยียนหมิงซุ่นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เหมยเหมยก็ซึมเหมือนลูกบอลลมรั่ว ดวงตาเศร้าสร้อย หน้ามุ่ยเบะปากอย่างกลั้นไม่อยู่
เหยียนหมิงซุ่นเห็นความผิดหวังและความไม่พอใจของสาวน้อยอย่างชัดเจน แน่นอนว่าเขารู้ว่าเหมยเหมยเป็นแบบนี้เพราะอะไร ก็แอบหัวเราะในใจ แสร้งทำเป็นไม่รู้ โบกไม้โบกมือให้เหมยเหมย แล้วก็เดินจากไป
ไม่ได้ยินคำตอบที่พอใจ เหมยเหมยก็กระทืบเท้าด้วยความโมโหอย่างแรง แลบลิ้นใส่หลังของเหยียนหมิงซุ่น “เกลียดเหยียนหมิงซุ่นแล้ว วันหลังฉันก็จะไม่จำวันเกิดของนายเหมือนกัน เชอะ!”
“เหมยเหมย เธอยังอยู่ข้างนอกทำอะไร?” มีเสียงคำรามของจ้าวเสวียหลินดังออกมาจากในห้อง
“มาแล้ว เรียกอะไรหนักหนา?”
เหมยเหมยกลับเข้าไปอย่างอารมณ์เสีย เดินกระทืบเท้าเสียงดังตึงๆๆกลับเข้าห้อง ก็เหลือบเห็นพวกจ้าวเสวียหลินกำลังทานยาย่อยอาหารกันอยู่ ท้องยื่นออกมา ดูแล้วคงอึดอัดน่าดู
“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้พวกพี่แย่งอาหารพี่หมิงซุ่นล่ะ คนเลวก็ต้องรับผลกรรมแบบนี้แหละ”
เหมยเหมยพูดจาทิ่มแทงเข้าไปอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้ง จึงได้รับสายตามองบนอย่างไม่พอใจทั้งสี่คู่ส่งกลับมา
………………………..
ตอนที่ 779 เปลี่ยนแปลงผันแปร
ถึงแม้จะปากคอเราะร้าย แต่เหมยเหมยก็ยังเข้าห้องครัวต้มซุปซานจาหม้อใหญ่ ให้พวกจ้าวเสวียหลินดื่มเพื่อช่วยย่อย
“พวกพี่เป็นคนโง่หรือยังไง? ทำกับพี่หมิงซุ่นสนุกมากเลยหรอ? ความคิดยิ่งกว่าเด็กน้อยอนุบาลเสียอีก ไอคิวที่มีโดนสุนัขกินไปหมดแล้วมั้ง” เหมยเหมยต่อว่าอย่างไร้ความปราณี
จ้าวเสวียหลินซดซุปซานจาไปแก้วใหญ่ จนเสียวฟันไปหมด รู้สึกเสียใจที่น้องสาวเห็นคนอื่นดีกว่าญาติพี่น้องของตนเอง ชี้หน้าอย่างโมโหว่า “เหมยเหมยเธอพูดให้ดี ๆ พวกเราเป็นพี่ชายของเธอ หมอนั้นเป็นคนนอก เธอพูดแบบนี้จิตใต้สำนึกส่วนดีของเธอไม่เจ็บปวดบ้างเหรอ?”
“ฉันช่วยคนมีเหตุผลไม่ใช่คิดแต่ช่วยญาติพี่น้องอย่างเดียว ใครมีเหตุผลก็ช่วยคนนั้น!” เหมยเหมยเชิดหน้าด้วยความ ขุ่นเคืองกลับไป กำลังหงุดหงิดพอดี ใครก็อย่ามาแหย่เธอเป็นอันขาด!
คุณย่าส่งเสียงไอดังขึ้นพูดสั่งสอนไปว่า “เหมยเหมย เมื่อครู่ที่หลานคีบอาหารในจานของเสี่ยวเหยียนไปถือว่าไม่มีมารยาทมากเลยนะ วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะพูดได้ว่าที่บ้านไม่สั่งสอน”
“นั่นก็เป็นเพราะว่าพี่หมิงซุ่นไม่กินอาหารที่ใช้น้ำมันทอด ไม่กินเลยแม้แต่คำเดียว หนูก็แค่ช่วยพี่เขากิน ไม่อย่างนั้นหนูจะยอมกินของทอดเหรอคะ!” เหมยเหมยพูดเหตุผลออกมาด้วยท่าทีซื่อตรง แต่แค่ลดความสนิทสนมลงไม่เหมือนแต่ก่อน
คุณย่าไม่เชื่อ “จะเป็นไปได้ยังไง? ตอนทานข้าวเสี่ยวเหยียนยังจะคีบหมั่นโถวกินอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? แล้วยังเอ่ยปากชมอีกด้วย”
เหมยเหมยยักไหล่ แสดงให้เห็นว่าไม่อยากพูดต่อแล้ว
เธอเพิ่งค้นพบเหตุผลที่แท้จริงที่คุณย่าของตัวเองเป็นคนหลงๆลืมๆแล้ว ไอคิวความฉลาดไม่ค่อยมีเท่าไรจริงๆ เธอรู้สึกแปลกใจนัก ไอคิวแบบนี้ทำไมถึงได้เป็นหัวหน้าคุมกองทหารสู้รบได้นะ?
เหมยเหมยไม่รู้เลยว่าคุณย่าตระกูลจ้าวเป็นคนมีฝีมือมีความสามารถสู้รบที่แท้จริง แต่ในเรื่องการสื่อสารมักเสียเปรียบอยู่เสมอ มองธาตุแท้ของคนไม่เคยออก ก็เลยไม่เจอคนดี มักจะโดนคนแทงข้างหลังอยู่ตลอด
แต่ก็นับได้ว่าคนโง่ก็มีวาสนาของคนโง่ หลายครั้งหลายคราที่เปลี่ยนอันตรายเป็นความสงบลงได้ หลบซ่อนจากการลอบทำร้าย อีกทั้งหลังจากที่แต่งงานกับคุณปู่จ้าวไปแล้ว ภายนอกคุณปู่อาจจูดูซื่อๆ ไร้เล่ห์เหลี่ยม แต่นั่นเป็นเพียงภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาให้เห็น ในความเป็นจริงแล้วเขาฉลาดเฉียบแหลมเอามากๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถทนความทุกข์ยากมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง?
ช่วงเวลาที่ผ่านมามีคุณปู่คอยชี้แนะและดูแล ชีวิตความเป็นอยู่ของคุณย่าก็ผ่านมาได้ดีไม่น้อย เพียงแต่นิสัยที่กลายเป็นสันดารไปแล้วคงเปลี่ยนได้ยาก ต่อให้ตายไอคิวความฉลาดก็ไม่สูงขึ้นมาหรอก
จ้าวเสวียเอ๋อร์บอกคุณย่าอย่างใจดี “คุณย่า อันนั้นน่ะเหยียนหมิงซุ่นเขาตั้งใจเย้าเจ้าสี่กับเจ้าห้าพวกนั้นเล่นต่างหาก ไม่อย่างนั้นเจ้าโง่พวกนั้นจะกินจนอิ่มขนาดนั้นได้เหรอ คุณย่าไม่ได้สังเกตเวลาที่หมอนั้นคีบอาหารตรงหน้าล่ะสิ แบบนั้นไม่เรียกว่าพุงกางเพราะฝืนกินงั้นเหรอ?”
คุณย่าเข้าใจขึ้นมาทันที หันไปทางมองสี่คนนั้นที่ยังซดซุปซานจาแวบหนึ่ง ถอนหายใจพลางส่ายหัวพูดว่า “พวกแกนี่มันช่างโง่จริงๆ!”
พวกจ้าวเสวียหลินกัดฟันกรอด เจ้าคนแซ่เหยียนจะปลิ้นปล้อนเจ้าเล่ห์มากไปแล้ว!
แน่นอน ก็ต้องโทษพวกเขาที่ประมาทข้าศึกจนเกินไป กลยุทธ์ที่ชัดเจนขนาดนี้ยังมองกันไม่ออก พูดออกมาก็ขายขี้หน้า!
วันหลังจะต้องเอาคืนให้ได้ ต้องนองเลืองเพื่อล้างความอาย!
คุณปู่ค่อนข้างที่จะพอใจเหยียนหมิงซุ่นอยู่มาก เพียงแต่ว่าอายุของหลานสาวยังเด็กเกินไป แต่ทุกอย่างยังไม่สามารถสรุปได้หากยังไม่ถึงเวลา เด็กผู้หญิงจิตใจมักจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว วันนี้ชอบกระโปรงสีแดง พรุ่งนี้ก็เปลี่ยนไปชอบกระโปรงสีขาวแล้ว ใครจะรู้ว่าความชอบของพวกเขาจะรักษาให้คงอยู่ได้นานสักเท่าไร?
ความรักความผูกพันก็เฉกเช่นกัน ตอนนี้เหมยเหมยแค่สิบห้าขวบ กว่าจะโตก็อีกหลายปี ช่วงระหว่างนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นคุณปู่จึงไม่เอาเรื่องความรักความรู้สึกของเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นมาใส่ใจมากนัก
ในมุมมองของเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่การเล่นของเด็กน้อยเท่านั้น ไม่แน่ปีหน้าหลานสาวอาจจะวิ่งเข้ามาพูดว่า เธอคบหากับเพื่อนสนิทคนอื่นๆอีกแล้วก็เป็นได้!
“เหมยเหมยตอนนี้หน้าที่สำคัญของหลานก็คือเรียน เป็นเพื่อนกันปู่ไม่คัดค้าน แต่ว่าหลานก็ต้องรู้ตัวเองด้วย อย่าให้มันมากเกินไป เข้าใจหรือยัง?”
ถึงแม้ว่าคุณปู่จะพูดไม่ผิด แต่พอได้ฟังกลับทำให้เหมยเหมยไม่สบายใจเอาเสียเลย เหมือนกับเธอมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยดี เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
……………………………………………