ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 782 ความสามารถทางด้านการประพันธ์ของเด็กอ้วนน้อยที่พรั่งพรูออกมา + ตอนที่ 783 คุณชายน่า
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 782 ความสามารถทางด้านการประพันธ์ของเด็กอ้วนน้อยที่พรั่งพรูออกมา + ตอนที่ 783 คุณชายน่า
ตอนที่ 782 ความสามารถทางด้านการประพันธ์ของเด็กอ้วนน้อยที่พรั่งพรูออกมา
ถึงแม้ว่าสยงมู่มู่จะผิดหวังมาก แต่เขาก็ไม่ถอดใจ ปรับปรุงแก้ไขเพลงต่อไป ความฮึกเหิมแผ่ซ่านออกมา
บทความของเด็กอ้วนน้อยก็เขียนใกล้จะเสร็จแล้ว เป็นบทความที่สำนวนโวหารสละสลวยมาก ลีลาการใช้ภาษาและตัวหนังสือของเด็กอ้วนน้อยไม่สัมพันธ์กันกับนิสัยอย่างสิ้นเชิง คำพูดคมกริบและเสียดสี แฝงไปด้วยการเย้ยหยัน อีกทั้งยังมีการอ้างอิงตำราเป็นการโต้แย้ง เหมือนหยิบยกมาจากตำราโบราณ ไม่เหมือนสำนวนการเขียนของเด็กที่มีอายุแค่เพียงสิบห้าเลยสักนิด
การเสียดสีประชดประชันของเด็กอ้วนน้อยก็เป็นการเสียดสีโรงเรียนที่สั่งสอนยัดความรู้ให้อย่างไร้ประโยชน์ เหมือนจะด่าแต่ก็แค่ล้อเล่น เอารูปแบบการสอนมาเหน็บแนมย่างหมดเปลือก ดูแล้วน่าสนใจเป็นอย่างมาก
เจ้าสองคนนี้ต่างก็เขียนออกมาในทิศทางเดียวกัน คงต้องเคยปรึกษาหารือกันมาแล้วแน่ๆ
“เสี่ยวเชาเขียนได้ดีจริงๆ ฉันว่าจะต้องได้เผยแพร่แน่นอน นายแก้คำที่เขียนผิด ฉันจะลองโทรศัพท์ถามให้นายดู”
เหมยเหมยชื่นชมไม่หยุดปาก เด็กอ้วนน้อยสมแล้วที่เป็นหนุ่มอัจฉริยะในอนาคต เวลานี้ความสามารถก็โดดเด่นกว่าผู้อื่นแล้ว ความสามารถพิเศษทางการประพันธ์ก็ยิ่งพรั่งพรูอย่างไม่ต้องพูดถึง
เพียงแต่ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะมีส่วนร่วมในการส่งบทความไปลงหนังสือพิมพ์ตามที่เธอคิดในตอนแรก แต่เป็นการส่งภายใน เพราะว่าครั้งที่แล้วหลังจากที่ได้พูดคุยกับเซียวเซ่อขึ้นมา ถึงได้รู้ว่าคุณหนูเฟิ่งหรือว่าเซียวจิ่งหมิงมีความคุ้นเคยกับอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์นิตยสารอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเซียวจิ่งหมิง ตัวเขาเองก็จะติดต่อคบค้ากับอุตสาหกรรมพวกนี้อยู่บ่อยๆ จนคุ้นเคยกันดี
ในเมื่อมีเส้นสายแล้ว หากไม่ใช้ก็คงเปล่าประโยชน์ มากไปกว่านั้นบทความของเด็กอ้วนน้อยก็เขียนได้ดีมากจริงๆ
เหมยเหมยโทรศัพท์ให้เซียวเซ่อ หญิงสาวคนนี้กำลังเบื่อๆอยู่บ้านไม่มีอะไรทำพอดี จึงให้อู่เหมยเอาบทความไปให้เธออ่านสักรอบ ถ้าเธออ่านแล้วเข้าตาจะต้องหาคนช่วยได้แน่นอน
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เหมยเหมยก็ไปบ้านตระกูลเซียว สยงมู่มู่และเด็กอ้วนน้อยไม่ได้ไปด้วย พวกเขาไม่อยากโดนสัตว์เลี้ยงสยอสยองพวกนั้นมาเล่นกับพวกเขาอีกแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอ
เซียวเซ่อกำลังเอนตัวพิงอยู่บนโซฟาอย่างขี้เกียจ ในห้องรับแขกหนาวเย็นจนอู่เหมยตัวสั่น รีบคลุมผ้าห่มอย่างรวดเร็ว
“เซ่อเซ่อเธอปรับให้อุณหภูมิสูงขึ้นหน่อยได้ไหม? อุณหภูมิต่ำขนาดนี้มันไม่ดีต่อร่างกาย” เหมยเหมยเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆที่รู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เธอก็อดไม่ได้
เซียวเซ่อไม่ชอบท่าทางความอ่อนแอของเหมยเหมยเลย จึงตั้งใจพูดยั่วโมโหเธอว่า “ปรับให้ร้อนขึ้นจะยังว่าเรียกเครื่องทำความเย็นไหมล่ะ? อย่างนั้นเรียกว่าเครื่องทำความร้อนแล้ว วันร้อนๆแบบนี้ฉันจะเปิดเครื่องทำความร้อนไปทำไมกัน สมองไม่ได้มีปัญหาสักหน่อย”
“แล้วแต่เธอ อยากจะปรับไม่ปรับก็แล้วแต่”
เหมยเหมยคิดไว้อยู่แล้วว่าผลสุดท้ายจะเป็นแบบนี้ มักจะรู้สึกว่าเธอเป็นพวกชอบหาเรื่อง ทุกครั้งต้องโดนเซียวเซ่อประชดประชันใส่ก่อนถึงจะมีความสุข ไม่เรียกว่าพวกชอบหาเรื่องแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ!
เซียวเซ่อมองปราดเดียวสิบบรรทัด อ่านได้ไวมากๆ อีกทั้งยังทำอย่างสุกเอาเผากิน ไม่ได้ใส่ใจในบทความที่เพื่อนนำมาเลย แต่อ่านไปเพียงย่อหน้าแรก เธอก็เปลี่ยนท่าทีเป็นค่อยๆตั้งใจอ่าน แล้วค่อยเอาจริงเอาจังขึ้นมา
“นี่เป็นเด็กอ้วนน้อยขี้กลัวคนนั้นเขียนจริงๆเหรอ?” เซียวเซ่อสงสัย เด็กอ้วนที่เอาแต่จะร้องไห้คนนั้นคาดไม่ถึงว่าการเขียนจะเผ็ดร้อนแสบทรวงขนาดนี้ ช่างทำให้เธอไม่กล้าเชื่อเลยจริงๆ!
เหมยเหมยไม่ดีใจแล้ว “แน่นอน ทำไมฉันต้องโกหก เสี่ยวเชาเขามีความสามารถทางด้านการประพันธ์มาก เซ่อเซ่อเธออย่าตัดสินคนที่ภายนอกสิ”
เซียวเซ่อลูบจมูกอย่างเก้อเขิน หัวเราะแหะๆ พูดเอาใจว่า “ฉันจะไปโทรหาหัวหน้ากองบรรณาธิการนิตยสารฮวาหยู่เดี๋ยวนี้แหละ เอาบทความของเด็กอ้วนน้อยส่งไปให้เธอดู”
“เซ่อเซ่ออำนาจใหญ่พอไหม? ไม่อย่างนั้นก็ให้พ่อของเธอออกหน้าแทนเถอะ!” เหมยเหมยสงสัยในความสำคัญของเพื่อนรักมาก
เด็กเล็กๆเพียงคนหนึ่ง หัวหน้ากองบรรณาธิการจะสนใจเหรอ?
เซียวเซ่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดเน้นแต่ละคำแต่ละประโยคว่า “อำนาจของฉันใหญ่กว่าเธอแน่นอน ส่วนตาแตงกวาแก่นั้นเธออยากจะไปหาก็ไปเอง ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ไป”
เหมยเหมยรีบปิดปากเงียบ ไม่กล้ายุแหย่คุณหนูเซียวอีก เพียงแต่ตาแตงกวาแก่คืออะไรอีกล่ะ?
เมื่อก่อนคุณหนูเซียวไม่ใช่ว่าเรียกพ่อเต็มยศหรอกเหรอ?
………………………………………..
ตอนที่ 783 คุณชายน่าหลาน
โทรศัพท์ต่อสายตรงได้ไวมาก เป็นการยืนยันความจริงที่ว่าอำนาจของคุณหนูเซียวนั้นถือว่าใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว เพิ่งจะพูดคุยได้ไม่นาน หัวหน้ากองบรรณาธิการก็ให้คุณหนูเซียวแฟกซ์ส่งบทความไปให้ ยังพูดอีกว่าบังเอิญเธอว่างพอดี อีกหนึ่งชั่วโมงจะให้คำตอบเธอ
หลังจากเอาบทความส่งแฟกซ์เรียบร้อยแล้ว เซียวเซ่อเชิดคางอย่างลำพองใจ
“เซ่อเซ่อเธอเก่งมากเลย วันหลังฉันมีเรื่องอะไรก็จะมาหาเธอเนี่ยแหละ”
เหมยเหมยพูดยกยอสรรเสริญ ชื่นชมจนคุณหนูเซียวหน้าบานลืมความโกรธไปเสียสนิท และยังแสดงออกว่าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนอีกด้วย ต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่ปฏิเสธ!
หัวหน้ากองบรรณาธิการตอบกลับมาไวมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ ฝ่ายตรงข้ามโทรศัพท์กลับมา น้ำเสียงนั้นฟังขึ้นมาแล้วดูตื่นเต้นมาก ถามเซียวเซ่อว่าบทความนั้นใครเป็นคนเขียน
เซียวเซ่อไหนเลยจะยังจำได้ว่าเด็กอ้วนน้อยชื่ออะไร หันไปทางเหมยเหมยที่มองกลับมาพอดี
“คุณชายน่าหลาน” เหมยเหมยคิดชื่อนามปากกาขึ้นมาให้ใหม่ กลับไม่ได้พูดชื่ออู่ต้าหลางที่เด็กอ้วนน้อยใช้ในชาติที่แล้ว
คบหากับเด็กอ้วนน้อยมาตั้งสองปี เธอรู้ว่าเด็กอ้วนน้อยอันที่จริงแล้วสนใจส่วนสูงและรูปร่างของตัวเองมาก คิดๆดูแล้วที่ชาติก่อนเขาตั้งชื่อนามปากกาให้ตัวเองว่าอู่ต้าหลาง อาจดูเหมือนว่าเบื้องหลังเขาเป็นคนง่ายๆสบายๆ แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะจำใจและน้อยใจคิดว่าสู้คนอื่นไม่ได้ล่ะมั้ง!
หัวหน้ากองบรรณาธิการเกิดความสับสน ในความทรงจำของเธอไม่เคยได้ยินนักเขียนนามปากกาคุณชายน่าหลานมาก่อน หรือว่าเธอจะมัวเป็นกบที่อยู่ในกะลาจนเกินไป?
เซียวเซ่อนั้นเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก เพียงแค่คาดเดาเล็กน้อยก็รู้ว่าหัวหน้ากองบรรณาธิการกำลังงงอยู่กับอะไร พูดย้ำขึ้นมาว่า “คุณชายน่าหลานยังมีอายุแค่เพียงสิบห้าปีเท่านั้น เป็นเด็กชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่ง บทความบทนี้เป็นผลงานการประพันธ์ชิ้นแรกของเขา คุณน้าเจี่ยรู้สึกว่าเขียนเป็นยังไงบ้างคะ?”
เหมยเหมยได้ยินเสียงร้องตกใจในโทรศัพท์ดังผ่านออกมา ก็หัวเราะอย่างชอบใจกับเซียวเซ่อไม่หยุด สิ่งที่ชอบดูที่สุดก็คือการได้เห็นผู้ใหญ่พวกนี้ทำท่าทางตกใจสุดขีด
จะปล่อยให้พวกเขาดูถูกเด็กน้อย!
“สามารถตีพิมพ์ได้ มีบางที่ฉันแก้ไปบ้างแล้ว ฉันจะส่งแฟกซ์ให้ตอนนี้แหละ เซ่อเซ่อเธอก็ให้เพื่อนเกลาคำให้ดูดีอีกสักหน่อย อาทิตย์หน้าก็สามารถตีพิมพ์ได้เลย” หัวหน้ากองบรรณาธิการพูดอย่างร่าเริง เธอกำลังกลุ้มใจพอดีว่าช่วงนี้นิตยสารสำนักพิมพ์ของเธอไม่มีอะไรใหม่ๆเลย เซียวเซ่อก็บังเอิญส่งหมอนมาให้ในตอนที่กำลังจะหลับสัปหงกพอดี
เซียวเซ่อกลับใจเย็น และทำท่าทางจริงจังถามว่า “คุณน้าเจี่ย บทความของเพื่อนหนูจะคิดเงินยังไง? ร้อยคำได้เท่าไร?”
หัวหน้ากองบรรณาธิการก็ใจกว้างมาก ให้ราคาหนึ่งหยวนต่อหนึ่งร้อยตัวอักษร บทความนี้ของเด็กอ้วนมีอย่างน้อย ๆ ก็น่าจะประมาณหนึ่งพันห้าร้อยกว่าตัว พูดได้ว่าเขาได้ค่าตอบแทนของการเขียนบทความถึงสิบห้าหยวน ไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงอย่างไรเงินเดือนของคนมากมายในตอนนี้ก็ได้แค่สิบกว่าหยวนเท่านั้นเอง!
เซียวเซ่อขมวดคิ้ว ไม่ค่อยพอใจกับราคานี้เท่าไร หัวกองบรรณาธิการคนนั้นรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “เซ่อเซ่อเธอต้องเข้าใจน้าเจี่ยหน่อยนะ เพื่อนของเธอคนนี้ยังเป็นนักเขียนหน้าใหม่ โดยทั่วไปแล้วราคาที่สำนักงานของพวกเราให้หน้าใหม่นั้นคือร้อยตัวอักษรห้าสตางค์ถึงแปดสตางค์ หนึ่งหยวนที่ให้เนี่ยเพราะเห็นแก่หน้าของเซ่อเซ่อถึงให้หรอกนะ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็หนึ่งหยวนก่อนก็ได้ วันข้างหน้าเพื่อนของหนูกลายเป็นคนเก่าคนแก่แล้ว ถึงตอนนั้นคุณน้าเจี่ยก็ค่อยคิดราคาเรทตามคนเก่าคนแก่ก็แล้วกัน”
เซียวเซ่อก็พูดจาได้ดีมาก พูดแค่คำสองคำก็จัดการได้อย่างเรียบร้อย เหมยเหมยแอบปิดปากหัวเราะ
เธอจินตนาการอารมณ์สีหน้าของหัวหน้ากองบรรณาธิการคนนั้นได้เลย คงไม่ดูดีไปกว่าสีหน้าตอนท้องผูกแน่นอน
“เธอเอาไปให้เด็กอ้วนน้อยแก้ไป แก้เสร็จแล้วค่อยเอามาให้ฉัน”
เซียวเซ่อเอาบทความที่แก้มาแล้วโยนไปให้เหมยเหมย แล้วก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีก คว้าไอศกรีมที่อาสะใภ้ซูซือเพิ่งจะทำเสร็จมาเลียกิน
“ขอบใจนะเซ่อเซ่อ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันฉันเลี้ยงเคเอฟซี ถึงตอนนั้นจะแนะนำเพื่อนให้รู้จักด้วยคนหนึ่ง!” เหมยเหมยดีใจอย่างถึงที่สุด
“เพื่อนผู้ชายเจอได้ ผู้หญิงไม่ต้อง ฉันไม่สนใจผู้หญิง” เซียวเซ่อพูดอย่างเท่ๆ เมินเฉยต่อคำขอบคุณ
…………………………………………..