ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 808 เธอเตรียมสู้เพื่อชีวิตสินะ? + ตอนที่ 809 เรื่องราวแสนเศร้าในอดีต
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 808 เธอเตรียมสู้เพื่อชีวิตสินะ? + ตอนที่ 809 เรื่องราวแสนเศร้าในอดีต
ตอนที่ 808 เธอเตรียมสู้เพื่อชีวิตสินะ?
เหยียนหมิงซุ่นชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะไหวตัวได้ทัน พี่เฉิงถามแบบนี้หมายความว่าอย่างไร
เหยียนหมิงซุ่นคาดเดาใจพี่เฉิงไม่ถูกครุ่นคิดสักพักเพื่อเรียบเรียงคำพูดอย่างรอบคอบก่อนแล้วกล่าวขึ้นว่า “ผมจะพยายามอยู่ในค่ายทหารให้ได้”
ในความหมายของเขาคือเขามีเป้าหมายเพื่อที่จะติดยศทหาร มีเพียงแค่ได้ติดยศทหารเท่านั้นถึงจะอยู่ในค่ายทหารได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนสายอาชีพหรือออกจากค่ายทหาร แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
ใจจริงเขาหวังมากกว่านี้แต่เขาไม่กล้าพูดไปอย่างเต็มปากเต็มคำ ในเมื่อขณะนี้เขายังไม่รู้ความสัมพันธ์ของพี่เฉิงกับลุงหมิงอย่างแน่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่
พี่เฉิงยิ้มพร้อมพูดอย่างเย็นชา “แค่อยากอยู่ในค่ายทหารเหรอ? นายต้องการแค่นี้จริงๆเหรอ? แล้วทำไมเฉินหมิงต้องให้ฉันมาหานาย?”
เหยียนหมิงซุ่นนิ่งไปอีกครั้งตอนนี้เขาเข้าใจความหมายของพี่เฉิงอย่างรวดเร็วแต่ยังไม่มั่นใจเท่าไรเลยถาม “ลุงเฉิงกับลุงหมิงเป็นเพื่อนกันหรอครับ?”
เขาต้องมั่นใจในความสัมพันธ์นี้ก่อน เพราะมันมีบางอย่างที่เขาไม่กล้าพูดออกไปจริงๆ พี่เฉิงย่อมเข้าใจความหมายที่เหยียนหมิงซุ่นถามแบบนี้ดี แอบยิ้มขำในใจว่าอายุยังน้อยแต่ระวังตัวดีไม่น้อย
เขาถามกลับหนึ่งประโยค “นายว่าเราเป็นอะไรกัน?”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มและตอบอย่างมั่นใจ พี่เฉิงกับลุงหมิงคงไม่เชิงศัตรูแต่ก็ไม่ใช่มิตร เขาไม่คิดปิดบังเลยตอบกลับอย่างเถรตรงไปว่า “ผมอยากไปให้สูงกว่านี้ สูงกว่าคนทั้งหมดในห้องของลุงเมื่อวานนี้!”
เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดปิดบังความโลภของเขา สายตาพี่เฉิงฉายแววชื่นชมชั่ววูบแต่สีหน้ากลับนิ่งสงบและออกจะดูเย็นชาไปเสียหน่อย พูดด้วยเสียงเรียบเย็น “ใครๆ ก็อยากอยู่เหนือกว่าคนอื่น พูดง่ายแต่ทำไม่ง่ายนะ คนที่จะปีนป่ายได้สูงขนาดนั้นมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น”
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “ผมรู้ แต่ผมมั่นใจว่าผมไปถึงได้ และผมต้องไปให้ถึง!”
“นายเอาความมั่นใจมาจากไหน? อะไรที่ทำให้นายมีความมั่นใจขนาดนี้?”
เหยียนหมิงซุ่นสะอึกทันที ไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไรดี มารยาทอ่อนน้อมถ่อมตนที่สืบสานมานานนับพันปีของชาวจีนทำให้เขาไม่กล้าออกปากชมตัวเองต่อหน้าพี่เฉิง
พี่เฉิงเห็นความลำบากใจจากสีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นเลยถาม “อย่างนี้แล้วกัน นายลองเล่าแผนของนายให้ฉันฟัง ว่าต่อจากนี้นายเตรียมจะทำอะไร?”
“เป็นทหาร ผมสมัครไปแล้ว หลังกลับจากเมืองหลวงก็จะเข้าร่วมตรวจร่างกาย เรื่องนี้ผมไม่มีปัญหาแน่” เหยียนหมิงซุ่นตอบ
พี่เฉิงส่ายศีรษะ มุมปากเหยียดยิ้มหยัน ยังเด็กเกินไปสินะ!
เขาเทน้ำชาให้เหยียนหมิงซุ่นอีกแล้วพลางพูดช้า ๆ ว่า “นายไม่ได้เข้าใจความหมายของฉัน ฉันรู้อยู่แล้วว่านายอยากเป็นทหาร ที่ฉันอยากรู้คือหลังจากไปอยู่ในค่ายทหารแล้วนายเตรียมจะทำอะไร? หรือจะพูดว่าทำไมนายถึงคิดว่าตัวเองจะไต่เต้าขึ้นไปได้?”
เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดก่อนตอบเสียงจริงจัง “อดทนพยายาม ไต่เต้าขึ้นไปทีละก้าวๆ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้นและต้องทำได้ทุกอย่าง!”
“หมายความว่านายเตรียมจะสู้เพื่อชีวิตในค่ายทหาร ฉันพูดไม่ผิดสินะ?” พี่เฉิงมองเขาพลางพูดไปด้วย เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้ารับ ใช่ เขาตัดสินใจแบบนั้นอยู่แล้ว
คนธรรมดาที่ไม่มีเส้นมีสายคิดจะประสบความสำเร็จในค่ายทหารมีเพียงทางเดียวคือสู้ ไม่มีทางลัดอื่น
พี่เฉิงมองเด็กหนุ่มอายุน้อยตรงหน้า เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาร่างกายแข็งแรง มีความทะเยอทะยานมีความสามารถและความเด็ดเดี่ยว วัยรุ่นแบบนี้ไปอยู่ค่ายทหารจะต้องประสบความสำเร็จแน่ แต่เงื่อนไขคือเขาต้องมีความโชคดีพอตัวถึงจะอดทนถึงวันที่ประสบความสำเร็จได้
จากนี้ต้องรอดูว่าเบื้องบนลิขิตไว้เช่นไร แต่นั่นมันสำหรับคนส่วนมาก นอกเหนือจากนั้นยังมีอีกวิธีหนึ่ง–
ถ้าอยากจะเอาชนะชะตาชีวิตนี้ ก็ต้องยืนหยัดสู้กับพระเจ้าให้ได้!
………………………
ตอนที่ 809 เรื่องราวแสนเศร้าในอดีต
ใบหน้าพี่เฉิงดูกังวลเล็กน้อย เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน
มีคนอีกมากที่ไม่รู้ความจริงว่าเขากับเฉินหมิงไม่เพียงแค่เป็นเพื่อนร่วมบ้านเกิดเดียวกันแต่ยังมาจากหมู่บ้านเดียวกัน นับได้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมตระกูลของเฉินหมิง เขาเองก็สกุลเฉิน เป็นลูกคนที่หกเลยชื่อเฉินลิ่ว
เนื่องจากพ่อแม่ของเขาไม่ใช่คนมีการศึกษาจึงตั้งชื่อที่ดูดีมีตระกูลไม่ค่อยเป็น พ่อแม่ของเฉินหมิงก็เช่นกัน เดิมทีเฉินหมิงชื่อเฉินซานเพราะเป็นลูกคนที่สาม
หมู่บ้านพวกเขามีคนที่ถูกตั้งชื่อนี้ขึ้นมามากมาย ดังนั้นในหมู่บ้านเดียวกันจึงมีคนชื่อเฉินลิ่วนับไม่ถ้วนรวมถึงคนชื่อเฉินซาน เขากับเฉินหมิงไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านประมงเล็กๆ นั่นไปตลอดชีวิต และไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับความอดอยากไม่อิ่มท้องเช่นนั้นไปตลอดชีวิต
เมื่อตอนเป็นวัยรุ่นพวกเขาอยากเป็นเจ้าคนนายคน อยากไต่เต้าสู่จุดสูงสุดของชีวิต ความคิดเช่นเดียวกับเหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้
ย้อนไปเมื่อสามสิบปีก่อนเขากับเฉินหมิงก้าวออกมาจากหมู่บ้านพร้อมกัน โบกรถบรรทุกเข้ามาเมืองหลวง พวกเขาหางานทำไม่ได้เพราะไม่รู้หนังสือเลยต้องไปเป็นขอทาน แต่พวกเขาไม่กลัวความลำบากและไม่กลัวตาย ดังนั้นพวกเขาถึงได้ประสบความสำเร็จ ค่อยๆ หาที่ลงหลักปักฐานอยู่ในเมืองหลวงได้
อีกอย่างพวกเขายังได้ร่ำเรียนวิชามาบ้าง จึงไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้หนังสืออีกต่อไป แล้วเปลี่ยนชื่อที่พ่อแม่เคยตั้งไว้ให้ คนหนึ่งชื่อเฉิงซิ่น อีกคนชื่อกวงหมิง สำหรับพวกเขาถือว่าเป็นชื่อที่ไพเราะจนหาความหมายที่ดีกว่านี้ไปไม่ได้แล้ว
ความจริงพวกเขาในเวลานั้นค่อนข้างพึงพอใจกับชีวิตของตัวเอง อาจจะไม่ถึงขั้นรวยอู้ฟู่ แต่เวลาเดินอยู่บนถนนก็ยังมีมากมายขานเรียกชื่อเขาว่าพี่เฉิงด้วยความเกรงใจ รวมถึงเฉินหมิงเองก็เช่นกัน พวกเขารู้สึกว่าการมีชีวิตแบบนี้ตลอดไปก็ดีเหมือนกัน
แต่ชีวิตคนเรามันไม่ราบรื่นอย่างที่หวัง เมื่อหกปีก่อนเฉินหมิงพลาดไปมีเรื่องกับโอหยางปินโดยไม่ทันระวัง ซึ่งในตอนนั้นตระกูลโอหยางนับว่ามีอิทธิพลกว่าตอนนี้อยู่หน่อย โอหยางปินเองเป็นคุณชายที่นิสัยก้าวร้าว ซึ่งเฉินหมิงในตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นหนุ่มเลือดร้อน จึงไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่าย ๆ
แม้เขาจะเกลี้ยกล่อมอยู่หลายทีหลายทีแต่อีกฝ่ายกลับเมินเฉย ความจริงจึงได้พิสูจน์ว่าเขากับเฉินหมิงต่างผิดกันทั้งคู่ สุดท้ายก็เป็นคุณชายนิสัยก้าวร้าวที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถบดบี้เยี่ยงมดตัวหนึ่งให้หายไปจากโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย
เพราะในสายตาของคุณชายพวกนี้เขากับเฉินหมิงไม่ได้ต่างจากคนทั่วไป อยากจะเรียกก็เรียกอยากจะไล่ก็ไล่ ตอนอารมณ์ดีอาจไว้หน้าสักหน่อย พออารมณ์เสียขึ้นมาก็เอาถึงตายได้
เพราะพวกเขาเกิดมาจากครอบครัวที่ยากจนไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างคนในแวดวงสังคมนั้น พื้นฐานทางบ้านก็ไม่ดี แค่คนใดคนหนึ่งจากแวดวงสังคมนั้นก็สามารถเล่นงานพวกเขาจนถึงตายได้
เมื่อก่อนพวกเขาไม่คิดถึงสัจธรรมข้อนี้ หลงคิดว่าการเป็นวีรบุรุษไม่เกี่ยงที่มา สมัยโบราณชาวบ้านธรรมดายังเป็นฮ่องเต้ได้เลย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้ชดใช้กับความโง่เขลาของตัวเองอย่างมหาศาล!
เพราะเฉินหมิงไม่ยอมล่าถอยจึงถูกโอหยางปินบีบคั้นจนถึงทางตัน กิจการล้มละลาย ภรรยาที่ตั้งครรภ์อยู่ได้รับความสะเทือนใจจนเสียชีวิตทั้งแม่ทั้งลูก แถมนั่นยังเป็นลูกชายตัวอวบอ้วนที่ต้องมาหมดลมหายใจไป นั่นมันลูกชายของเขาเฉินเฉิงเหมือนกันนะ ลูกชายที่จะต้องเลี้ยงดูและคอยส่งเขาในช่วงบั้นปลายชีวิต
เพราะตลอดชีวิตนี้เขาไม่คิดจะแต่งงานมีลูก ในตอนที่ภรรยาเฉินหมิงตั้งครรภ์เลยตกลงกันกับเฉินหมิงไว้แล้วว่าจะช่วยดูแลเด็กคนนั้นด้วยกัน เขาเป็นพ่อบุญธรรม เฉินหมิงคือพ่อแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับหมดสิ้นทุกอย่าง
เฉินหมิงเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เขาทั้งฉุดทั้งกระชากกว่าจะเอาตัวเฉินหมิงที่แค้นจนตาแดงก่ำกลับมาได้ ไม่อย่างนั้นเฉินหมิงอาจจะแบกระเบิดไปสู้กับโอหยางปินไปแล้ว!
นับว่าพระเจ้ายังคุ้มครองที่เห็นว่าเขากับเฉินหมิงไม่ควรจบชีวิตเพียงเท่านี้ ในขณะนั้นเองคุณหนูใหญ่เฝิงก็ตามหาเขาเจอ ให้เขาดูแลสโมสรนี้ให้ดี มิหนำซ้ำคุณหนูใหญ่เฝิงยังช่วยหาคนที่อยู่ในแวดวงนี้มาช่วยคุ้มกันอีกด้วย และแน่นอนว่าคนนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา เป็นคนที่โอหยางปินไม่กล้าเป็นปรปักษ์ด้วยเลยยอมปล่อยเฉินหมิงไป
แต่เขาก็ได้ยื่นข้อเสนอว่าภายในสิบปีเฉินหมิงห้ามเหยียบเข้าเมืองหลวงแม้แต่ก้าวเดียว
………………………..