ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 812 หลานสาวมีไว้เป็นตัวหมาก + ตอนที่ 813 เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 812 หลานสาวมีไว้เป็นตัวหมาก + ตอนที่ 813 เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน
ตอนที่ 812 หลานสาวมีไว้เป็นตัวหมาก
เหยียนหมิงซุ่นหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก “ลุงเฉินอย่าพูดเหลวไหล ครอบครัวเหมยเหมยดีกับเธอมาก จะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?”
พี่เฉิงมองเขาอย่างเย้ยหยัน “เวลาไม่มีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ก็ดีสิ ใครก็เป็นดังพระโพธิสัตว์กันทั้งนั้น แต่ถ้าเกิดความขัดแย้งด้านผลประโยชน์หรือถึงเวลาคอขาดบาดตาย ความรักหรือครอบครัวมันก็แค่เรื่องหลอกลวง จะลองพนันกับฉันมั้ยล่ะ?”
ทุกคำทุกประโยคของพี่เฉิงแทงใจดำเหยียนหมิงซุ่น “คนตระกูลจ้าวจะต้องทรยศเจ้าหญิงน้อยของนายเพื่อคุ้มกันตัวเอง!”
“เป็นไปไม่ได้ คนตระกูลจ้าวไม่มีทางทำอย่างนั้น จ้าวหวายซานไม่ใช่คนแบบนั้น พ่อแม่เหมยเหมยก็ไม่ใช่คนเช่นนั้น!”
เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ยอมเชื่อ ต่อให้หัวใจของเขาจะเริ่มสั่นคลอน
“นายมันใสซื่อเกินไป จ้าวหวายซานแก่แล้ว จ้าวอิงหัวไม่มีอิทธิพลในเมืองหลวงสักนิดเดียวจะปกป้องจ้าวเหมยได้ยังไง? นายไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง หวังแค่ว่าในอนาคตนายจะไม่เสียใจทีหลัง!”
พี่เฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่จิบน้ำชาด้วยท่วงท่าสง่าอย่างสบายใจเฉิบ
เขากำลังพนัน พนันกับความรักที่เหยียนหมิงซุ่นมีต่อเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าว และพนันเกี่ยวกับใจที่อยากไต่เต้าไปจนถึงจุดสูงสุดของเหยียนหมิงซุ่น!
แน่นอนว่าคำพูดเมื่อกี้ของเขาแม้จะฟังดูเกินจริงไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่ลมปาก เจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวมีความเป็นไปได้ที่จะถูกครอบครัวของเธอหักหลัง ต่อให้คู่กรณีไม่ใช่เฮ่อเหลียนเช่อก็ต้องมีคนอื่น
เขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาหลายสิบปี เคยเห็นความสกปรกเลือดเย็นลับหลังความดูดีสูงส่งของคนในแวดวงสังคมนั้นมานักต่อนัก บางทีวินาทีก่อนนี้เธออาจเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนอิจฉา แต่ไม่กี่วินาทีให้หลังอาจกลายเป็นเพียงของเล่นที่แม้แต่สู้นางบำเรอตามคลับของพวกผู้ชายยังไม่ได้ ตระกูลผู้ดีอย่างที่ว่าเดิมทีเด็กผู้หญิงก็คือเครื่องมือไว้สำหรับเชื่อมไมตรีที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงหน้าตาสวยงาม อย่างเช่นเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าว
คุณปู่จ้าวไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวยิ่งไม่มีทาง แต่ตระกูลจ้าวยังมีคนอื่นๆ คนพวกนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับจ้าวเหมยมากหรอก
ยามสงบสุขดูเป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองกัน แต่พอเกิดเรื่อง คนอย่างหลานสาวโดยเฉพาะหลานสาวหน้าตาสวยสดงดงามก็มีไว้เพื่อทรยศหักหลัง
ภายในใจของเหยียนหมิงซุ่นกำลังก่อสงครามจนปวดหนึบไปหมด เรื่องแบบนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ตก
เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่พี่เฉิงพูด แต่สติของเขาบอกตัวเขาเองว่าที่พี่พูดใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ มันยากเกินที่เขาจะพนันได้ เพราะหากมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งส่วนเขาก็ต้องเตรียมตัวไว้เผื่อสิบส่วน
ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อมีความสัมพันธ์เป็นคู่อริกับตระกูลจ้าวจริงๆ ใช่ไหม ขอแค่ยืนยันจุดนี้ได้เขาก็จะสามารถตัดสินได้แล้วว่าคำพูดของพี่เฉิงมีความน่าเชื่อถือหรือไม่
“ลุงเฉิน ให้เวลาผมคิดหน่อย แล้วผมจะมาให้คำตอบในอีกสามวันข้างหน้า ได้มั้ย?” เหยียนหมิงซุ่นกัดฟันพูด
“ได้ ฉันจะรอนายสามวัน นายไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองนะ คนที่อยากได้คนนั้นเป็นพ่อบุญธรรมมีถมเถไป ไม่ได้มีแค่นายคนเดียวหรอกนะ” พี่เฉิงพูดช้าๆ อย่างไม่ร้อนรน
เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเหยียนหมิงซุ่นจะตอบตกลงในทันที หากเหยียนหมิงซุ่นตอบตกลงเร็วเกินไปเขากลับจะสงสัยในความเด็ดขาดของเหยียนหมิงซุ่นแทนน่ะสิ!
เวลาสามวันพอดิบพอดีกับที่เขานัดคนคนนั้นไว้ พี่เฉิงเอามือไขว้หลังเดินช้าๆจากไป พอได้เห็นแผ่นหลังของเขา ดูอย่างไรก็ควรเป็นศาสตราจารย์ผู้มีความรอบรู้ในมหาวิทยาลัย
แต่ใครจะนึกถึงว่าเมื่อสามสิบปีก่อนเขาเป็นเพียงแค่ชาวบ้านไร้การศึกษาที่มาจากหมู่บ้านประมงเล็กๆ แห่งหนึ่ง!
เหยียนหมิงซุ่นนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง น้ำชาในหม้อหมดไปแล้ว แต่เขายังคงนั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ถึงออกไปจากร้านน้ำชาแห่งนี้
วันนี้ตระกูลจ้าวบรรยากาศคึกคักมากเป็นพิเศษเพราะจ้าวอิงสยงกับจ้าวอิงหย่งต่างมาที่บ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ยกเว้นสองพี่น้องจ้าวเสวียเฉิงที่อยู่ในค่ายทหาร กับสองสามีภรรยาจ้าวอิงหัว รวมไปถึงสองสามีภรรยาจ้าวอิงหนานที่อยู่เมืองจิน นอกนั้นก็อยู่กันครบ
…………………………….
ตอนที่ 813 เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน
สองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงกลับมาฉลองวันเกิดให้เหมยเหมยโดยเฉพาะ คุณปู่จ้าวออกคำสั่งแล้วพวกเขาจะกล้าฝืนคำสั่งได้ที่ไหนกันล่ะ!
พรุ่งนี้คือวันเกิดของเหมยเหมย คุณปู่จ้าวกับคุณย่าตัดสินใจพาคนทั้งครอบครัวไปทานอาหารนอกบ้านเพื่อความสนุกสนาน เหมยเหมยกับคุณย่าเองก็คืนดีกันกลับมาเป็นเหมือนก่อนแล้ว
แต่เธอก็ยังคงมีความรู้สึกไม่สนิทใจอยู่บ้าง จึงระวังคำพูดมากขึ้น ไม่ได้เปิดอกคุยทุกอย่างเหมือนแต่ก่อน ส่วนหานซู่ฉินยังคงกระตือรือร้นเหมือนเดิม โอบเหมยเหมยถามสารทุกข์สุกดิบราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ
ด้านอันหย่าฟางยังคงมีท่าทีที่เย็นชาเหมือนเดิมเพราะไม่ค่อยชอบพูดเท่าไร สองปีมานี้เธอคุยกับเหมยเหมยไม่เกินสิบประโยคเสียด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกันแล้วเหมยเหมยย่อมสนิทกับหานซู่ฉินที่เข้าหาคนง่ายกว่าอยู่แล้ว
“เหมยเหมยของเรายิ่งโตยิ่งสวยนะ ไม่รู้ว่าวันหน้าจะต้องยกให้ไอ้เด็กคนไหนไป!” หานซู่ฉินพูดหยอกล้อและทำตาเป็นประกาย
หลานชายฝั่งสกุลของเธอที่เธอภูมิใจที่สุดอายุมากกว่าเหมยเหมยเพียงไม่กี่ปี หน้าตาบุคลิกหาที่ติไม่ได้ แค่พื้นเพครอบครัวอาจจะแย่กว่าตระกูลจ้าวไปหน่อย แต่ตระกูลหานของพวกเธอก็ไม่ใช่ครอบครัวเล็กๆ ที่ไร้ชื่อเสียงแต่อย่างใด ถ้าเรื่องศักดิ์ศรีของเธอล่ะก็ต้องมีสิทธิ์จับคู่กับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวได้อยู่แล้ว
รอผ่านไปอีกสักช่วงหนึ่ง เธอจะให้ลูกชายคนเล็กเสวียไห่ช่วยแนะนำหลานชายให้เหมยเหมยรู้จักก่อนให้หลานชายสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เมืองจิน ดั่งสำนวนที่ว่าหอคอยที่ใกล้น้ำจะเอื้อมถึงดวงจันทร์ก่อน จากหน้าตาและการพูดคุยของหลานชาย และเมื่อได้พบเจอหน้ากันทุกวัน เหมยเหมยจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?
ถึงเวลานั้นขอแค่พวกเขาสองคนตกลงปลงใจกันพ่อแม่ฝ่ายหญิงต้องไม่มีทางคัดค้านแน่นอน อีกอย่างต่อให้คัดค้านก็เปล่าประโยชน์ เหมยเหมยยินยอมพร้อมใจเองแล้วนี่นา!
คนอื่นๆที่ได้ฟังคำของหานซู่ฉินก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน จ้าวเสวียกงกับจ้าวเสวียไห่หัวเราะเสียงดังสุด จ้าวเสวียกงพูดตาขยิบๆ “คุณป้าสะใภ้สองไม่รู้ล่ะสิว่าเหมยเหมยของเรามีเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน!”
เหมยเหมยหน้าร้อนผ่าว แดงซ่านไปทั้งหน้า ทุบกำปั้นใส่จ้าวเสวียกงอย่างโมโหไปหลายที อาการเคอะเขินของเด็กสาวเรียกให้หานซู่ฉินใจหล่นวูบ จึงรีบเอ่ยถามให้รู้เรื่องในทันที
เหมยเหมยอ้อนอย่างขวยเขิน “คุณป้าสะใภ้สองอย่าไปฟังพี่ห้าพูดเหลวไหล ไม่มีอะไรหรอก พี่หมิงซุ่นก็เป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง”
แม้จ้าวเสวียกงไม่ได้พูดผิด อีกอย่างเธอกับเหยียนหมิงซุ่นก็สัญญากันไว้แล้วด้วย แต่เรื่องแบบนี้จะยอมรับต่อหน้าผู้ใหญ่ได้อย่างไร ตอนนี้เธอจำเป็นต้องปฏิเสธความสัมพันธ์โดยบอกเพียงว่าเป็นแค่เพื่อนกันไปก่อน
จ้าวอิงสยงในเวลานี้กลับได้ยินเสียงโทรทัศน์ที่กำลังฉายรายการอยู่กำลังเปลี่ยนฉาก จึงพูดกลั้วหัวเราะแซวไปว่า “ในที่สุดแม่ก็คิดได้สักทีว่าควรเปลี่ยนได้แล้ว ทีวีจอสีดูสบายตากว่าใช่มั้ยล่ะ?”
หานซู่ฉินเองก็สังเกตเห็นเช่นกันเลยยิ้มหยอกไปหลายประโยคแต่ในหัวก็มีเรื่องให้ขบคิดเต็มไปหมด จึงไม่ได้กระตือรือร้นอย่างแต่ก่อน
คุณย่าเองก็พูดยิ้มตาหยี “นี่เสี่ยวเหยียนก็เป็นคนซื้อให้ฉัน เขาเป็นคนส่งมาด้วยตัวเองเลยนะ”
หานซู่ฉินใช้ชีวิตร่วมกับคุณย่ามาหลายสิบปีย่อมรู้นิสัยใจคอของคุณแม่สามีตัวเองเป็นอย่างดี แค่เห็นท่าทางของคุณย่าก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายพึงพอใจต่อเหยียนหมิงซุ่นขนาดไหน ใจก็หล่นวูบพร้อมกับได้ยินเสียงระฆังดังเตือน
เหยียนหมิงซุ่นเป็นใครกัน เหมยเหมยชอบ คุณย่าเองก็ชอบ แม้คุณปู่จะไม่ได้แสดงออกว่าชอบแต่ก็ดูไม่รังเกียจอะไร ซึ่งทำให้หานซู่ฉินไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เด็กคนนี้ดีไม่ใช่เล่น ส่งทีวีจอสีมาให้ตั้งไกล แถมยังดูสนิทกับเหมยเหมยของเรามากเลยนะ!”
หานซู่ฉินพูดหยอกเย้าและคอยสังเกตสีหน้าท่าทีของคุณย่ากับเหมยเหมยในเวลาเดียวกัน
คุณย่าแสดงออกว่าพอใจและชื่นชอบ ส่วนเหมยเหมยกลับเขินอายและชอบใจ หานซู่ฉินที่ทำงานฝ่ายประสานงานในองค์กรมาหลายสิบปีก็พอจะได้คำตอบแล้ว
หานซู่ฉินที่แต่เดิมยังไม่ร้อนใจเท่าไรก็ตัดสินใจด้วยความรวดเร็ว ต้องรีบให้หลานชายฝั่งสกุลของเธอมาทำความรู้จักกับเหมยเหมยเสียแล้ว ถ้าเรือล่มในหนองแล้วทองจะไปไหนได้อีก
………………………