ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 814 ก้างขวางคอเป็นกลุ่ม + ตอนที่ 815 หัวหน้าแก๊ง
ตอนที่ 814 ก้างขวางคอเป็นกลุ่ม
คุณปู่จ้าวไม่ค่อยอยากคุยเรื่องเหยียนหมิงซุ่นนักจึงเสนอให้ทุกคนเลือกร้านอาหารเพื่อเบี่ยงประเด็น พวกผู้ใหญ่อย่างจ้าวอิงสยงไม่มีใครออกความคิดเห็น มีเพียงพวกจ้าวเสวียไห่ที่ดูฮึกเหิม เสนอความคิดเห็นกันทีละประโยคสองประโยคสลับกันไปมาขับให้บรรยากาศดูครึกครื้นขึ้นกว่าเดิม
เหมยเหมยเองก็ซึ้งใจ พวกจ้าวอิงสยงเจียดเวลาจากงานตัวเองเพื่อมาฉลองวันเกิดให้เธอ น้ำใจแบบนี้หาได้ยากจริงๆ เธอในตอนนี้นึกโชคดีที่ได้กลับมาบ้านตระกูลจ้าว ทำให้เธอได้สัมผัสกับความอบอุ่นของครอบครัว
ช่วงบ่ายเหยียนหมิงซุ่นโทรมานัดเหมยเหมยไปทานข้าว เดิมทีคุณปู่จ้าวไม่ยินยอมให้ไปเพราะเขายังติดใจเรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นไปสโมสรอยู่!
แต่คุณย่าช่วยหว่านล้อมอยู่นาน ไหนจะทนความอ้อนของเหมยเหมยไม่ได้คุณปู่จ้าวจึงจำใจต้องตอบตกลงไป แต่เขาก็ไม่ไว้วางใจให้เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นอยู่ด้วยกันสองต่อสองเลยสั่งให้กลุ่มผู้พิทักษ์คอยตามไปด้วย
เหยียนหมิงซุ่นยืนรอสาวผู้เป็นที่รักที่หน้าประตูใหญ่ของเขตชุมชน แต่ด้านหลังที่เดินตามกันมาเป็นพรวนนั่นหมายความว่าอย่างไร?
“คุณปู่ไม่ไว้วางใจให้ฉันมาคนเดียว” เหมยเหมยยู่ปาก ปรายตามองพวกคนด้านหลังด้วยสายตารังเกียจ
เธอเองก็ไม่ชอบที่มีก้างขวางคอมาด้วยนี่นา มันน่ารำคาญจะตาย ทั้งจ้าวเสวียหลิน จ้าวเสวียไห่ จ้าวเสวียกง จ้าวเสวียเอ๋อร์ สยงมู่มู่และเจ้าอ้วนน้อยอยู่กันครบ ทุกคนกำลังโบกมือทักทายเหยียนหมิงซุ่นกันอย่างพร้อมเพรียง
เหยียนหมิงซุ่นเองก็ปวดหัวที่มีก้างขวางคอมามากมายขนาดนี้ จะไม่ให้เขาได้ใช้เวลาส่วนตัวกับเหมยเหมยเลยหรืออย่างไร?
วันนี้เขาอยากจะฉลองวันเกิดให้กับเจ้าหญิงตัวน้อย อยากจะฉลองวันเกิดที่จะทำให้เหมยเหมยลืมไม่ลงจนกว่าเขาจะตายจากไป!
นั่นยิ่งทำให้เหยียนหมิงซุ่นอยากจะสลัดคนกลุ่มด้านหลังหลุดออกไปให้พ้น แต่พวกจ้าวเสวียหลินเองก็ใช่ย่อยคอยจับตาดูไม่ห่าง ติดแน่นอย่างกับปลาหมึกที่สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
“เหยียนหมิงซุ่นนายมัวเดินอ้อมทำไม? จะกินข้าวอยู่มั้ยเนี่ย!” จ้าวเสวียหลินตะคอกเสียงดังอย่างไม่พอใจ
เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยสบตากันอย่างระอาแวบหนึ่งแล้วจำใจต้องยอมรับชะตากรรม พาก้างขวางคอทั้งกลุ่มไปยังร้านอาหารที่เขาจองไว้ล่วงหน้า เดิมทีเขาอยากเหมาสวนสนุก แต่ตอนนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวของสวนสนุก แม้เขาจะจ่ายมากแค่ไหนก็ไม่ยอมให้เหมา
อีกอย่างเกิดเรื่องวันนั้นที่สโมสรคิดว่าคุณปู่จ้าวคงไม่อนุญาตให้เหมยเหมยออกไปเที่ยวทั้งวันแน่ ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจเหมาทั้งร้านอาหารเพื่อให้ได้ใช้เวลาส่วนตัวกับเหมยเหมยอย่างแท้จริง โดยไม่มีใครมารบกวนเขากับเหมยเหมย แต่แล้วก็–
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเจ้าพวกน่ารำคาญที่ตามติดอยู่ด้านหลังก็ขนลุกไปทั้งศีรษะ มีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่แบบนี้เขาจะตั้งตารอให้เจ้าหญิงตัวน้อยป้อนเขาได้อย่างไรเล่า?
แล้วจะพูดคำหวานใส่ได้อย่างไร?
จะแอบตอดเล็กตอดน้อยได้อย่างไร?
จ้าวเสวียหลินเห็นความหน่ายใจของเหยียนหมิงซุ่นชัดเต็มสองตาก็แอบยิ้มในใจ ไอ้เด็กน้อย ทีนี้ดูสิว่าแกจะสลัดพวกเราให้หลุดได้อย่างไรอีก?
“เหยียนหมิงซุ่น รสชาติอาหารร้านนี้อร่อยไหม? ทำไมไม่มีลูกค้าสักคน รสชาติไม่ดีหรือเปล่า!” จ้าวเสวียหลินถามเชิงหาเรื่องด้วยท่าทางอย่างคุณชายใหญ่
จ้าวเสวียกงเองก็พูดคล้อยตาม “ใช่ ไม่เห็นมีแม้แต่ผีสักตัว มันบ่งบอกว่าร้านอาหารร้านนี้ฝีมือไม่ค่อยเท่าไหร่ หรือว่าเราจะไปกินที่เฉวียนจวี้เต๋อกันเถอะ!”
จ้าวเสวียไห่ปรบมือเห็นด้วย เป็ดย่างเป็นของโปรดของเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นน่าจะดีกว่า แต่จ้าวเสวียเอ๋อร์นั้นจับผิดสังเกตได้เลยถามเหยียนหมิงซุ่น “นายเหมาร้านสินะ?”
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “ใช่ คนเยอะวุ่นวาย ฉันเลยเหมาทั้งร้าน”
เมื่อเห็นท่าทางเบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความตกใจของพวกจ้าวเสวียหลิน เหยียนหมิงซุ่นถึงรู้สึกสะใจขึ้นมาบ้างปรบมือเรียกพนักงานมาให้เสิร์ฟอาหารที่เขาสั่งไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งสั่งเมนูแนะนำของร้านนี้เพิ่ม มีเท่าไรเอามาให้หมด
………………………
ตอนที่ 815 หัวหน้าแก๊ง
อาหารถูกเสิร์ฟมาอย่างรวดเร็ว ฝีมือการทำอาหารของเชฟก็ไม่ธรรมดา อาหารที่เสิร์ฟนั้นทั้งหน้าตาน่าทานและรสชาติดีเยี่ยม พวกจ้าวเสวียหลินแต่ละคนทานจนปากเลอะไปด้วยคราบน้ำมัน ต่อให้พวกเขาจะปากไม่ตรงกับใจขนาดไหนแต่พวกเขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าอาหารไม่อร่อย
แต่จะให้พวกเขาพูดว่าอร่อยก็เป็นไปไม่ได้ แต่ละคนเลยตัดสินใจที่จะปิดปากเงียบก้มหน้าก้มตาทานไปโดยไม่ส่งเสียงใดๆ
เหยียนหมิงซุ่นสั่งอาหารจานโปรดของเหมยเหมยมา เหมยเหมยเองก็ทานอย่างเอร็ดอร่อยแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ค่อยพอใจนัก ยิ่งเห็นเจ้าพวกมูมมามเหมือนหมาป่าที่หิวมาหลายวันก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา
“เหมยเหมย อีกวันสองวันฉันจะพาเธอไปนั่งชิงช้าสวรรค์แล้วก็เครื่องเล่นอย่างอื่นที่สวนสนุกนะ แค่เราสองคน” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบข้างหูเหมยเหมย
“ได้สิ ถึงตอนนั้นฉันจะแอบย่องออกมาไม่ให้พวกเขาจับได้” เหมยเหมยก็ตอบกลับเสียงเบา ทั้งคู่มองหน้าแล้วหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
จ้าวเสวียหลินทำหูผึ่งแต่ก็ไม่ได้ยินว่าน้องสาวตนคุยอะไรกับเหยียนหมิงซุ่นเลยพ่นลมออกมาทางจมูก ผู้หญิงมักลำเอียงเข้าข้างคนนอก เหมือนคนโบราณพูดไว้ไม่มีผิดเลยจริงๆ
ระหว่างที่ทานอาหารอยู่พนักงานก็เข็นรถเข้ามา บนรถเข็นมีเค้กวันเกิดที่ปักเทียนไว้สิบห้าแท่ง เค้กไม่ได้ขนาดใหญ่มากแต่กลับสวยงามและประณีต
บนหน้าเค้กเขียนไว้ว่า ‘สุขสันต์วันเกิดเหมยเหมย!’
เหยียนหมิงซุ่นโน้มหน้าพูดด้วยเสียงหัวเราะข้างหูของเหมยเหมย “สุขสันต์วันเกิดนะเหมยเหมย ฉันขอฉลองให้เธอล่วงหน้าหนึ่งวันนะ”
เหมยเหมยเอามือปิดปากอย่างตกใจแล้วพูดด้วยเสียงค่อนขอด “ฉันคิดว่าพี่จำไม่ได้แล้วซะอีก?”
“จะเป็นไปได้ยังไง ต่อให้ลืมวันเกิดของตัวเองฉันก็ไม่ลืมวันเกิดเหมยเหมยหรอก”
ระดับความปากหวานของเหยียนหมิงซุ่นพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เหมยเหมยถูกพูดเอาใจจนรู้สึกปลื้มปริ่มและเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าแดงระเรื่อ ยิ่งดูเย้ายวนใจมากขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟ
เหยียนหมิงซุ่นมองจนตาค้าง จนมองข้ามก้างขวางคอที่อยู่รอบข้างไปโดยปริยาย สายตาสองคู่สอดประสานกัน ณ เวลานี้สายตาทั้งคู่มีเพียงกันและกัน
จ้าวเสวียหลินเห็นแล้วไฟในตาก็ลุกโชน ปรับลมปราณในร่างกายให้ดีก่อนจะกระแอมไออย่างแรงไปทีหนึ่ง แล้วตวัดตาดุดันใส่เหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่ง
ไอ้โรคจิตกล้าเจ้าชู้ใส่เหมยเหมยต่อหน้าเขา ไม่เห็นว่ามีเขาอยู่ตรงนี้หรือไง!
ได้ยินเสียงเตือนของพี่ชาย เหมยเหมยอายจนรีบก้มหน้ายัดอาหารใส่ปากไปเรื่อยๆ เหยียนหมิงซุ่นไม่กลัวจ้าวเสวียหลิน จึงถลึงตากลับไปแวบหนึ่งนั่นทำเอาจ้าวเสวียหลินโกรธแทบแย่ แต่เขาก็ทำอะไรเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายก็แค่คุยกันก็เท่านั้น
แม้จะใกล้กันไปหน่อย บรรยากาศจะดูคลุมเครือไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไรนี่นา!
เหยียนหมิงซุ่นให้พนักงานวางเค้กไว้กลางโต๊ะแล้วให้ทุกคนช่วยร้องเพลงวันเกิดด้วยกัน พร้อมทั้งช่วยเป่าเทียนวันเกิดให้เหมยเหมย ใบหน้าทุกคนแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอย่างไร้ความกังวลใจ
“เหมยเหมยอธิษฐานอะไรเหรอ?” สยงมู่มู่ถามด้วยความสงสัย
“ไม่บอกหรอก ถ้าพูดออกมาก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์สิ” เหมยเหมยเชิดเสียงใส่อย่างเย่อหยิ่ง
จริงๆ คำอธิษฐานของเธอไม่มีอะไรมาก แค่หวังให้เธอกับเหยียนหมิงซุ่นอยู่ด้วยกันตลอดไป และหวังว่าตระกูลจ้าวจะสงบสุขอยู่รอดปลอดภัยตลอดไป
“รีบตัดเค้กเถอะ เค้กของเอลี่คลับอร่อยมากเลยนะ คราวก่อนเค้กวันเกิดของเพื่อนฉันก็ของร้านนี้แหละ อร่อยจนฉันแทบจะกลืนลิ้นตัวเองเข้าไปด้วย”
จ้าวเสวียกงจ้องเค้กจนน้ำลายไหล เขาตาแหลมพอที่จะสังเกตเห็นป้ายยี่ห้อบนริบบิ้นมานานแล้ว ซึ่งเป็นเค้กร้านเอลี่คลับที่ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหลวง ได้ข่าวว่าเจ้าของร้านคือชาวตะวันตก รสชาติยอดเยี่ยมสมชื่อจริงๆแต่ราคาก็แพงตามไปด้วย มีครั้งหนึ่งเขาอยากกินจนทนไม่ไหวเลยไปดูราคา แต่พอเห็นราคาก็ต้องตกใจและไม่กล้าไปเหยียบเข้าร้านอีกเลย
“เจ้าหก คนสกุลเหยียนนี้ที่บ้านทำอะไร ดูท่าทางของเขาสิ ชิ! วางมาดเหลือเกิน” จ้าวเสวียกงถามจ้าวเสวียหลินเสียงเบา
………………………..