ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 816 ยังมีเซอร์ไพรส์ + ตอนที่ 817 รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ
ตอนที่ 816 ยังมีเซอร์ไพรส์
แม้จ้าวเสวียหลินไม่ชอบให้เหยียนหมิงซุ่นตามตื๊อน้องสาวแต่เขาก็แอบชื่นชมหมอนี่อยู่ไม่น้อย หาเงินได้มากมายตั้งแต่อายุยังน้อย คนทั่วไปไม่ได้มีความสามารถขนาดนี้หรอกและรวมถึงเขาเองด้วยเช่นกัน
“เขาทำธุรกิจหาเงินได้ไม่น้อย เหมยเหมยหาเงินได้ก็เพราะเขา” จ้าวเสวียหลินพูดตามตรง
พวกจ้าวเสวียกงนึกอิจฉาขึ้นมาจับใจ แต่จ้าวเสวียเอ๋อร์กลับมองตาเป็นประกายและยิ่งชื่นชมเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าเดิม พื้นเพครอบครัวหมอนี่ดีกว่าเขาเยอะ เจ็บใจจัง!
เหมยเหมยเริ่มตัดเค้ก เสียดายที่เค้กไม่ใหญ่มากเลยแบ่งได้แค่คนละชิ้นเล็กๆ ชิ้นเล็กถึงขนาดไม่พอให้จ้าวเสวียกงทานได้เต็มคำ
“อร่อย แต่น้อยไปหน่อย” จ้าวเสวียกงกล่าวด้วยความรู้สึกขัดใจ
สยงมู่มู่ก็โวยวายใส่เหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่พอใจ “ดูความขี้เหนียวของนายสิ ทำไมไม่สั่งชิ้นใหญ่กว่านี้ แค่นี้จะไปพอยาไส้อะไร”
คนอื่นก็พยักหน้าตาม นั่นสิ พอเค้กนั่นกระตุ้นความอยากพวกเขาให้อยากกินต่อแต่เค้กก็กลับหมดไปเสียแล้ว จะให้พวกเขาผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไร?
เหยียนหมิงซุ่นปรายตามองกลุ่มคนที่ไม่พอใจด้วยสายตาราบเรียบแวบหนึ่งพลางพูดประชดว่า “พวกนายไม่ได้อยู่ในแผนของฉันก่อนอยู่แล้ว เค้กนี้ฉันก็สั่งมาให้เหมยเหมยกินคนเดียว”
เรียกร้องตามมาเอง มีข้าวให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังจะโวยวายอะไรอีก!
เหมยเหมยปิดปากกลั้นขำ สมน้ำหน้าที่โดนพี่หมิงซุ่นตอกกลับ ใครสั่งให้พวกเขามาเป็นก้างขวางคอกันล่ะ!
แต่ละคนโดนเหยียนหมิงซุ่นตอกกลับจนตัวลีบไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะพวกเขาก็ไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้น ทุกคนเงียบเสียงแล้วทานข้าวกันต่อไม่ปริปากพูดอะไรอีก
เหยียนหมิงซุ่นเห็นเหมยเหมยทานใกล้เสร็จแล้วก็ล้วงซองเอกสารจากกระเป๋าด้านหลังยื่นให้เหมยเหมย “ของขวัญวันเกิดของเธอ ลองเปิดดูสิว่าชอบหรือเปล่า?”
เหมยเหมยไม่คิดว่าจะมีเซอร์ไพรส์อีกเลยรีบเปิดซองเก็บเอกสารที่ทำจากหนังวัวอย่างดีใจ ข้างในเป็นหนังสือสัญญาหนึ่งปึกที่น่าจะมีราวๆ สิบกว่าหน้า แค่อ่านหัวข้อเธอก็รู้ได้ทันทีว่าคืออะไร เป็นหนังสือสัญญาเปิดร้านแฟรนไชส์ของเคเอฟซี เธอมองไปทางเหยียนหมิงซุ่นอย่างตกตะลึง นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เหยียนหมิงซุ่นใช้นิ้วแตะจมูกของเธอ นั่นเรียกสายตาแปดคู่ให้หันมาอย่างพร้อมเพรียงเลยต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็ว
“ตอนแรกอยากเปิดที่เมืองหลวงแต่โดนคนอื่นแย่งสิทธิ์ในเมืองหลวงไปแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยความเสียดาย สำหรับเขาแค่เมืองจินมันไม่พอ เดิมทีเขาเตรียมเปิดร้านอาหารตะวันตกที่เมืองหลวงก่อนแล้วค่อยๆ ขยายธุรกิจไปที่อื่น
แต่เขาก็ช้าไปหนึ่งก้าวทำให้โดนคนอื่นแย่งสิทธิ์ไป เขาเลยต้องยอมถอยไปเปิดที่เมืองจิน แล้วตัดสินใจว่ารออีกสองปีค่อยมาเปิดที่เมืองหลวง
เหมยเหมยปิดปากกลั้นขำ “พี่รู้มั้ยว่าใครเป็นคนแย่งสิทธิ์แฟรนไชส์ที่เมืองหลวงไป?”
ความจริงเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยากรู้แต่เขาเป็นคนที่คิดรอบคอบ พอเหมยเหมยถามแบบนี้ อีกทั้งเห็นสีหน้าได้ใจของพวกจ้าวเสวียไห่เขาเลยพอเดาออกว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร
“คงไม่ใช่พี่สามของเธอหรอกนะ?” เหยียนหมิงซุ่นตอบอย่างมั่นใจ
เหมยเหมยกะพริบตาด้วยความตะลึง แล้วพูดด้วยความดีใจ “พี่หมิงซุ่นเก่งจัง!”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างได้ใจ ชอบนักเวลาที่เจ้าหญิงน้อยมองตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนับถือและชื่นชม ต่อให้หาเงินได้มากขนาดไหนก็ไม่ดีใจเท่านี้
จ้าวเสวียเอ๋อร์เองก็รู้สึกได้ใจมากเช่นกันเพราะเขาสามารถแย่งมาได้ เขายิ้มถามตาหยี “หมิงซุ่นเตรียมเปิดที่เมืองจิน? ฉันได้ยินว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าที่เมืองจินจะมีกิจการร้านหนึ่งเปิดบริการ คงไม่ใช่นายหรอกนะ?”
เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ ร้านนั้นได้สิทธิ์ก่อนหน้าฉัน กว่าฉันจะเปิดได้ก็ต้องรอปีถัดไป”
สยงมู่มู่ออกจะผิดหวังเล็กน้อย “ทำไมต้องรอปีถัดไปด้วย แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้กินเนี่ย?”
เดิมทีเขากะว่าจะรอร้านอาหารของเหยียนหมิงซุ่นเปิดให้บริการก็จะไปทานบ่อยๆ สักหน่อย!
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สนใจเขาแต่เริ่มพูดคุยกับจ้าวเสวียเอ๋อร์แทน พวกเขาสองคนมีเรื่องที่พูดคุยกันถูกคออยู่มากทีเดียว
……………………….
ตอนที่ 817 รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ
หลังทานเสร็จจ้าวเสวียเอ๋อร์กับเหยียนหมิงซุ่นก็ดูจะสนิทกันมากขึ้น หรือจะเรียกว่าถนอมความสัมพันธ์กันมากกว่า
“ร้านของฉันเปิดตอนต้นเดือนสิงหาคม ถึงตอนนั้นหมิงซุ่นนายต้องมานะ” จ้าวเสวียเอ๋อร์ออกปากชวนอย่างอบอุ่น
“แน่นอน ฉันจะส่งกระเช้าดอกไม้อันใหญ่ไปด้วย” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มตอบ
เขาชื่นชมจ้าวเสวียเอ๋อร์อยู่พอสมควรแม้เขาจะมีความรู้สึกดีที่ได้อยู่เหนือกว่าคนในแวดวงสังคมนั้นอยู่บ้างซึ่งก็ช่วยไม่ได้ สิ่งที่ถูกแทรกซึมลงกระดูกมาตั้งแต่เล็กไม่ว่าอย่างไรก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่จ้าวเสวียเอ๋อร์นั่นติดดินมากกว่าพวกจ้าวเสวียหลิน แม้ว่าจ้าวเสวีนหลินจะพยายามเปลี่ยนตัวเองแต่นั่นก็ยากเหลือเกิน
เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจว่าหากตระกูลจ้าวล่มจริงๆ จ้าวเสวียเอ๋อร์น่าจะเป็นคนที่มีชีวิตสุขสบายที่สุดในบรรดาคนของตระกูลจ้าว
พวกจ้าวเสวียหลินกับจ้าวเสวียกงทำไม่ได้เพราะมีนิสัยเถรตรงไม่รู้จักอ้อมค้อม คนแบบนี้กลัวก็แต่ไม่ตายไปด้วยกันก็เจ็บหนักอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีผลลัพธ์ที่ดีได้หรอก!
เหยียนหมิงซุ่นฉุดมือเหมยเหมยไปโต๊ะอื่นเพื่อให้ไกลจากพวกจ้าวเสวียหลินขึ้นมาหน่อย เขามีเรื่องต้องคุยกับเหมยเหมยเป็นการส่วนตัวและไม่อยากให้พวกจ้าวเสวียหลินได้ยิน จ้าวเสวียหลินอยากลุกไปห้ามแต่ถูกจ้าวเสวียเอ๋อร์คว้าตัวไว้
“อย่าทำตัวตื่นตูมไป อยู่ตรงหน้านี้แท้ๆ มีอะไรต้องเป็นห่วง?”
จ้าวเสวียหลินคิดๆ แล้วก็เลยนั่งลง แต่ตากลับจ้องเขม็ง
เหยียนหมิงซุ่นถามเหมยเหมยเสียงเบา “เฮ่อเหลียนเช่อไม่ถูกกับตระกูลจ้าวใช่มั้ย?”
เหมยเหมยหน้าถอดสีพลางมองเขาด้วยความตกใจ เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นวูบ เขาไม่ต้องฟังคำตอบแล้ว พี่เฉิงไม่ได้โกหกเขา สถานการณ์ที่เขาว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
หัวใจของเขาบีบคั้นแน่น เขาไม่อยากให้เหมยเหมยเป็นอะไรไป เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง!
“เหมยเหมย เธอให้คุณปู่เธอระวังตัวหน่อย ฉันได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเช่อร้ายกาจมาก” เหยียนหมิงซุ่นย้ำเตือน
“ฉันบอกคุณปู่ไปแล้ว คุณปู่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
เหมยเหมยค่อนข้างมั่นใจในตัวคุณปู อีกอย่างเธอไม่คิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะทำอะไรตระกูลจ้าวได้!
ในเมื่อตอนนี้ตระกูลจ้าวมีหน้ามีตาและได้หน้าจากนายใหญ่พอสมควร ตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของด้วยแหนะ!
อย่างไรเสียเฮ่อเหลียนเช่อก็ต้องไว้หน้านายใหญ่สินะ!
แต่เหมยเหมยกลับไม่รู้ว่าคนบ้าบิ่นอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ แม้แต่นายใหญ่ยังไม่อยู่ในสายตา แล้วจะเกรงกลัวตระกูลจ้าวได้อย่างไร?
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกความจริงให้เด็กสาวฟังเพราะเขาไม่อยากทำให้เธอตกใจ เรื่องภายนอกไม่ควรให้เหมยเหมยคิดมาก เขาจะหาวิธีแก้ไขเอง
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนย้ำเตือนอีกครั้ง “เหมยเหมยกลับบ้านไปก็เล่าเรื่องเฮ่อเหลียนเช่อให้พ่อเธอรู้ด้วยนะ ให้เขาได้เผื่อใจไว้ด้วย”
หากพูดถึงคนตระกูลจ้าวที่จะไม่ทำร้ายเหมยเหมยมากที่สุดมีเพียงแค่สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัว ต้องให้จ้าวอิงหัวทราบถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ จะได้เตรียมตั้งรับกับอนาคตได้ทัน
เหมยเหมยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เหยียนหมิงซุ่นอดบีบจมูกเด็กสาวอีกครั้งไม่ได้ เหมยเหมยที่แสนดีขนาดนี้ไม่ควรถูกทำร้าย เขาจะต้องปกป้องเธอ!
“มีอีกเรื่องที่เหมยเหมยต้องจำไว้ รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ นอกจากพ่อแม่ของเธอ อย่าเชื่อใจคนอื่นมากรู้ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพูดอีก
เหมยเหมยยิ่งฟังยิ่งรู้สึกแปลก เลยถามอย่างร้อนใจ “พี่หมิงซุ่นเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“เปล่า เธออย่าคิดมาก แค่อยากจะเตือนเธอนิดหน่อย กลัวเธอจะโง่โดนคนอื่นหลอกจับตัวไปขายแล้วยังต้องช่วยเขานั่งนับเงินอีก” เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอก
เหมยเหมยเบะปากอย่างไม่พอใจ “พี่ต่างหากที่โง่ ตอนนี้ฉันฉลาดมากนะ”
เธอเข้าใจความหมายเหยียนหมิงซุ่นดี คงอยากให้เธออย่าเชื่อใครในครอบครัวนอกจากพ่อแม่ แต่เธอรู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นดูกังวลเกินเหตุ
………………………….