ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 824 ยั่วยุ + ตอนที่ 825 เหมยซูหานตั้งใจต้องเอาให้ได้
ตอนที่ 824 ยั่วยุ
ผู้จัดการถูกเรียกมาอีกครั้ง เขาก้มหน้าหลบสายตา ไม่กล้าที่จะมองสมาชิกตระกูลจ้าวแบบตรง ๆ
“เป็ดย่างที่พวกเราสั่ง ทำไมยังไม่เสร็จอีก?” จ้าวอิงสยงถามด้วยน้ำเสียงเข้ม ตำแหน่งราชการของเขาข่มขวัญผู้จัดการจนขาอ่อนไปหมด เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
พระเจ้า! เขาก็แค่ผู้จัดการตำแหน่งเล็ก ๆก็เท่านั้น ทำไมถึงเจาะจงให้เขามาเจอกับเรื่องโชคร้ายแบบนี้ด้วย?
ผู้จัดการยิ้มสู้ พลางอธิบายสาเหตุที่เป็ดย่างยังไม่เสร็จ “เพราะขายดีมาก เป็ดที่มีอยู่ในร้านไม่พอ เลยทำให้ต้องใช้เวลาสักพักครับ นายท่านวางใจได้ เป็ดย่างที่นายท่านสั่งมีแน่นอนครับ ขอให้ท่านรอสักครู่นะครับ!”
จ้าวอิงสยงหลอกง่ายเสียที่ไหน ผู้จัดการคนนี้พูดจาน้ำหนักไม่เพียงพอ ทั้งยังหลบสายตาเห็นได้ชัดว่าปกปิดความผิดไว้ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่มองผู้จัดการด้วยสายตาที่เย็นชาขึ้นอีก นั่นทำให้ขาของผู้จัดการยิ่งไร้เรี่ยวแรงจนสั่นระริก ในที่สุดก็รับสารภาพออกมาหมด
“คือ…คือว่าคุณชายเช่อ ไม่อนุญาตให้ผมเอาเป็ดย่างมาเสิร์ฟครับ ผม…ผมเป็นแค่ชาวบ้านตัวเล็ก ๆ ไม่กล้าหาเรื่องให้คุณชายเช่อโกรธจริง ๆครับ นายท่านโปรดเข้าใจผมด้วยครับ!”
ผู้จัดการร้องห่มร้องไห้สารภาพออกมาหมด คุณปู่จ้าวโมโหจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดและหายใจถี่
เหมยเหมยรู้สึกไม่สบายใจ ไอ้บ้านี่ทำไมยังไม่ไปตายนะ จะกินเป็ดย่างสงบ ๆก็ไม่ได้!
จ้าวอิงสยงกับจ้าวอิงหย่งสองพี่น้องก็โมโหมาก จ้าวอิงหย่งเป็นคนอารมณ์ร้อน เขาพูดตำหนิในทันที “แล้วทำไมแกไม่กลัวพวกเราโกรธ?”
ผู้จัดการฝืนยิ้มอย่างเจื่อน ๆแทน เลือกไม่พูดอะไรมันเสียเลย ยังไงเสียพูดอะไรไปก็ผิด แกล้งเงียบเป็นใบ้มันเนี่ยแหละ อย่างมากตระกูลจ้าวก็ด่าเขาไม่กี่ประโยค ไม่ได้จะเอาชีวิตเขาเหมือนไอ้ปีศาจนั่นที่ฆ่าคนได้จริง ๆ !
จ้าวอิงหย่งยังอยากจะด่าผู้จัดการอีกแต่โดนคุณปู่จ้าวปรามไว้ เขาโบกมือบอกให้ผู้จัดการออกไป อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของผู้จัดการ ถ้าเขาไม่กลัวเฮ่อเหลี่ยนเช่อสิถึงจะแปลก!
“ผมจะไปหาเฮ่อเหลี่ยนเช่อไอ้บ้านั้น น่ารำคาญชะมัด!”
จ้าวอิงหย่งระงับความโกรธไว้ไม่ได้ เขาโกรธจนจะไปคิดบัญชีแค้นกับเฮ่อเหลียนเช่อ ทำให้คุณปู่จ้าวต้องขวางเอาไว้
“ห้ามใครไปไหนทั้งนั้น เรื่องอะไรพวกเราจะต้องไปทะเลาะกับคนบ้าแบบนั้นด้วย เป็ดย่างจะมากินเมื่อไหร่ก็ได้”
คุณปู่จ้าวกัดฟันพูด แต่เส้นเลือดที่ยิ่งปูดขึ้นมาแสดงถึงความโกรธภายในใจที่เขากำลังข่มมันเอาไว้
ในห้องอาหารส่วนตัวอีกห้องหนึ่ง เฮ่อเหลียนเช่อเชิญแขกมาทานอาหาร และมีหลายคนในนั้นที่เล่นไพ่ในคืนนั้น โอหยางปินก็อยู่ด้วย คนพวกนี้ไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองเหมือนกับคืนนั้น ยังมีความระมัดระวังตัวอยู่บ้าง
“เอ๊ะ ทำไมตระกูลจ้าวถึงไม่ทำอะไรเลยล่ะ? จะว่าไปแล้วน่าจะมาคิดบัญชีได้แล้วนะ!” ทุกคนที่รออยู่นาน รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ดูละครสนุกอย่างที่คาดการณ์ไว้
โอหยางปินจงใจพูดประจบ “ตระกูลจ้าวจะกล้ามาคิดบัญชีกับคุณชายเช่อได้อย่างไร? คงจะกลัวจนหัวหดแล้วมั้ง!”
คนอื่น ๆก็พากันหัวเราะชอบใจต่างก็ประจบสอพลอตาม จะให้ปล่อยโอหยางปินได้ผลงานไปคนเดียวไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าภาคภูมิใจ แต่ในสายตาของเขากลับดูถูกเหยียดหยาม
ถ้าไม่ใช่เพราะลุงกำชับไว้ เขาก็ขี้เกียจจะเลี้ยงข้าวครอบครัวตกอับพวกนี้ เห็นแล้วเกะกะลูกตาชะมัด!
ทางคุณปู่จ้าวก็ไม่มีท่าทีอะไรตอบกลับมา มันทำให้เฮ่อเหลียนเช่อหมดอารมณ์สนุก เขากินไปไม่กี่คำและกำลังจะลุกออกไป ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกดังเข้ามา
“ผู้จัดการอวี๋ อธิบายกับผมมาให้ชัดเจนนะ คุณมีสิทธิ์อะไรไปยกห้องที่ผมจองไว้ให้คนอื่น? ห้องนั้นผมจองไว้ล่วงหน้าตั้งหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้คุณมาบอกผมว่าไม่ว่างแล้ว คุณหมายความว่าไง?”
เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ฟังสำเนียงแล้วน่าจะเป็นคนท้องถิ่นที่อยู่ในเมือง ส่วนผู้จัดการได้แต่กล่าวขอโทษขอโพยไม่หยุด
มีเสียงผู้ชายที่อ่อนโยนพูดขึ้นมา ฟังแล้วเหมือนจะยังไม่แก่ เฮ่อเหลียนเช่อยักคิ้ว สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความสนใจ จึงเดินออกไปด้านนอก
……………………………
ตอนที่ 825 เหมยซูหานตั้งใจต้องเอาให้ได้
คนที่อยู่ด้านนอกตรงระเบียงนั่นคือเหมยซูหานและอู่เยวี่ย แถมยังมีนักธุรกิจท้องถิ่นของเมืองหลวงอีกคนแซ่สวี่ ถือได้ว่ามีฐานะพอสมควร ปีที่แล้วเหมยซูหานช่วยเหลือเขาไว้มากมาย เถ้าแก่สวี่จึงมีความซาบซึ้งใจต่อเขามาก
พอได้ยินว่าเขาจะมาเมืองหลวงในวันหยุดฤดูร้อนเมื่อเดือนที่แล้ว เขาเลยจองห้องอาหารส่วนตัวของร้านเฉวียนจวี้เต๋อไว้ เดิมทีเขาอยากให้การต้อนรับอย่างเป็นมิตรในฐานะเจ้าบ้านให้ดีที่สุด แต่ใครจะไปคิดว่าผู้จัดการจะยกห้องอาหารส่วนตัวให้คนอื่นไป เถ้าแก่สวี่ที่เสียหน้าจะทนได้อย่างไร เขาจึงเอะอะโวยวายขึ้นมา
คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเหมยซูหานสูงมาก เขาไม่ได้กรอกเป็นอาสาสมัครของมหาวิทยาลัยเมืองจินเหมือนกับชาติที่แล้ว เพราะว่าชาติที่แล้วสุขภาพของแม่เขาไม่ดี เขาจึงเป็นกังวลหากจะไปเรียนมหาวิทยาลัยที่อื่น แต่ชาตินี้แม่เหมยสุขภาพแข็งแรงมาก และเขายังให้พี่เลี้ยงมาช่วยดูแลอีก ทำให้ทางเลือกของเขามีมากขึ้น
เหตุผลที่เขาเลือกไปที่เมืองหลวงมีสองข้อ ข้อแรกเพื่ออยากแสวงหาโอกาสที่มากขึ้น ข้อที่สองเพราะเหมยเหมย
เขาได้ฟังอู่เจิ้งซือเล่าเรื่องเกี่ยวกับวงศ์ตระกูลของเหมยเหมยมาบ้างแล้ว แต่รายละเอียดก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก เขารู้เพียงว่าบ้านเกิดของเหมยเหมยอยู่ในเมืองหลวง และยังเป็นตระกูลที่ร่ำรวย
ในมุมมองของเขา มองว่าในอนาคตเหมยเหมยต้องกลับไปที่เมืองหลวงอย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาอยู่เมืองหลวง มันทำให้เขายิ่งมีโอกาสมากขึ้นแน่นอน!
ไม่นึกเลยว่าเจ้าโง่เหยียนหมิงซุ่นเลือกที่จะทิ้งการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในมุมมองของเขาเป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุด
สำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเขา การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นวิธีก้าวกระโดดสู่ประตูแห่งความสำเร็จที่เร็วที่สุด มีประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยแล้ว ก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้น และจะยิ่งได้รับการชื่นชมจากพ่อแม่ของเหมยเหมยมากขึ้น
คนหนึ่งคือนักศึกษาที่ยอดเยี่ยม คนหนึ่งคือนักเรียนมัธยมปลายที่ไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ!
เชื่อว่าการเลือกของพ่อแม่ก็เป็นแค่เรื่องของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน!
หลังจากที่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นล้มเลิกการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เหมยซูหานก็อารมณ์ดีมาก เขาตั้งใจที่จะเอาชนะใจเหมยเหมยให้ได้
แต่ว่าน่าเสียดาย ตอนที่เขาโทรหาเหมยเหมยอย่างอารมณ์ดี เขากลับได้ข่าวว่าเหมยเหมยกลับไปพักผ่อนที่เมืองหลวงแล้ว
ดังนั้นครั้งนี้เขาพาอู่เยวี่ยมาเมืองหลวง มีเป้าหมายสามอย่าง อย่างแรกคือ ไปสำรวจมหาลัยในอนาคต อย่างที่สองพาอู่เยวี่ยมาผ่าตัดแก้วหู อย่างที่สามมาหาหญิงผู้เป็นที่รัก
เขาต้องหาเหมยเหมยให้พบก่อนเหยียนหมิงซุ่น และกล่าวอวยพรวันเกิดแก่เธอ พร้อมทั้งเอาของขวัญวันเกิดมาให้เธอกับมือ!
เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถให้เหมยเหมยในวัดเกิดได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเหมยเหมย แต่เขากลับเพิ่งมาถึงเมืองหลวง เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเธอเจอได้ในทันที
เดิมทีเขาวางแผนไว้เรียบร้อยว่าจะมาเมืองหลวงก่อนล่วงหน้าสองวัน ระยะเวลาสองวันคงจะสามารถหาเหมยเหมยเจอ แต่อู่เยวี่ยกลับเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น เธอเป็นไข้ จึงจำใจต้องเลื่อนแผนการเดินทางและเลื่อนมาจนถึงวันนี้
เหมยซูหานไม่อยากให้เถ้าแก่สวี่กับผู้จัดการทะเลาะกัน เขาจึงแนะนำว่า “พี่สวี่อย่าโมโหเลยครับ ผู้จัดการคงจะมีสาเหตุบางอย่าง พวกเราไปกินที่ห้องโถงใหญ่ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
ผู้จัดการมองเหมยซูหานด้วยความซาบซึ้งใจ และพูดจาอย่างนอบน้อม เถ้าแก่สวี่เลยจำยอม แต่ใบหน้ายังคงแสดงถึงความโมโหอยู่ ขณะที่พวกเขากำลังจะไปที่ห้องโถงใหญ่
“เอะอะโวยวายอะไรกัน? ผู้จัดการอวี๋เจตนาไม่อยากให้ผมกินข้าวอย่างสงบใช่ไหม?”
เสียงหงุดหงิดดังขึ้น เหงื่อไหลออกมาจากด้านหลังเสื้อกล้ามของผู้จัดการ เขาหน้าซีด เหมยซูหานเงยหน้ามอง เฮ่อเหลียนเช่อที่พิงอยู่หน้าประตู
เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อยู่บนตัวเหมยซูหาน ไม่ได้กลัดกระดุมครบเหมือนเหยียนหมิงซุ่น แต่ปลดกระดุมออกสองสามเม็ด แสดงให้เห็นคอที่ขาวผ่อง และลูกกระเดือกเล็ก ๆ แขนเสื้อที่พับถึงข้อศอกดูสบาย ๆ แต่กลับดูเซ็กซี่ในสายตาเฮ่อเหลียนเช่อ
เขารู้สึกคอแห้งเล็กน้อย ความโกรธกำลังลุกโชน เตรียมพร้อมที่จะมีเรื่อง
ช่วงนี้เทวดาก็ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ รู้ว่าเขาเซ็งกับคนพวกนั้น ก็ทยอยส่งของดีมาให้อย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะดูอายุมากกว่าสักหน่อย แต่ก็น่าสนใจไม่น้อย!
แค่เห็นเขาก็อารมณ์เดือดพล่านขึ้นมาแล้ว!
…………………………………