ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 842 ตกรอบ + ตอนที่ 843 เหยียนหมิงซุ่นหายไปไหน
ตอนที่ 842 ตกรอบ
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วมุ่น ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในคู่แข่งของเขา และตามที่พี่เฉิงบอกเขายังเป็นเชื้อสายโดยตรงของครอบครัวตกอับครอบครัวหนึ่ง และถือว่าหน้าตาดีในกลุ่มเพื่อนรุ่นเดียวกัน!
พี่เฉิงรู้จักคู่แข่งพวกนี้เป็นอย่างดี เขาบอกว่าชายผู้นี้เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถสูสีเหยียนหมิงซุ่น และในเวลานี้พวกเขาก็ได้พบกันแล้ว!
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงต่อมา เหยียนหมิงซุ่นก็นั่งย่างกระต่ายที่ยังไม่สุกต่อไป บนร่างของเขามีบาดแผลสองสามที่ ยังดีที่เป็นเพียงบาดแผลถลอกเท่านั้น ใช้สมุนไพรทาเพื่อห้ามเลือดก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
ข้างหลังเขามีชายหนุ่มที่กำลังอยู่ในอาการปางตายนอนอยู่ หน้าอกขยับขึ้นลงเบาๆ ที่ท้องของเขามีรอยมีดบาดลึก เลือดย้อมทั่วหญ้าที่อยู่ข้างใต้ตัวเขาเป็นสีแดงสด
เหยียนหมิงซุ่นไม่กังวลว่าชายผู้นี้จะตาย เขาเพิ่งจะปล่อยสัญญาณช่วยชีวิตของผู้ชายคนนี้ไปแล้ว ไม่นานก็มีจะคนเข้ามาช่วยชีวิตเขา
แน่นอนว่าต้องดูว่าชายผู้นี้ดวงดีหรือไม่ หากคนช่วยชีวิตมาไม่ทัน ก็ทำได้เพียงโทษตัวเขาเองที่อายุสั้นเกินไป!
สำหรับคนที่ต้องการจะทำร้ายตัวเขา เหยียนหมิงซุ่นไม่เคยใจอ่อน!
เมื่อครู่มีหลายครั้งที่เขายั้งมือปราณีคนนี้อยู่บ้าง แต่เจ้าคนนี้กลับบุกประชิดเข้ามาทุกจังหวะ อยากจะฆ่าเขาให้ตายท่าเดียว มีหรือที่เขาจะทนได้?
สำหรับเหตุการณ์นี้จะทำให้เขาต้องรับโทษทางอาญาหรือไม่นั้น เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้กังวลเลยสักนิด หากเฮ่อเหลียนชิงไม่มีแม้แต่ความสามารถนี้ ทำไมเขายังต้องเคารพเขาในฐานะพ่อบุญธรรม?
สิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้คือขณะที่เขากำลังต่อสู้กับชายคนนั้น มีคนสองคนที่ซ่อนอยู่บนต้นไม้ที่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงร้อยเมตร จนกระทั่งเหยียนหมิงซุ่นส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ สองคนนี้ถึงได้เดินออกมา และทำการปฐมพยาบาลผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บและยิงพลุส่งสัญญาณ ไม่นานก็มีเฮลิคอปเตอร์มารับเขาไป
และในเวลานี้พวกเขาในสายอาชีพนี้ส่วนใหญ่ตกรอบหมดไปแล้ว เหลือเพียงเหยียนหมิงซุ่นและอีกคนหนึ่ง สองคนนี้เก่งกาจทั้งคู่ ต้องมาดูกันว่าใครจะเป็นคนคว้าชัยชนะ!
ห่างจากภูเขาใหญ่ประมาณสิบกว่าลี้ มีหมู่บ้านการเกษตรแห่งหนึ่ง ละแวกใกล้เคียงไม่มีหมู่บ้านอื่น มันรกร้างว่างเปล่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีเพียงบ้านหลังใหญ่หลังนี้เท่านั้น ในหมู่บ้านการเกษตรมีทุ่งนาและที่ดิน และยังมีไก่ เป็ดและหมูด้วย เป็นภาพบรรยากาศธรรมชาติที่น่าชมทีเดียว
วันนี้หมู่บ้านการเกษตรแห่งนี้ค่อนข้างคึกคัก ผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดสาย ล้วนกลับมาเพื่อรายงานและติดตามสถานการณ์
ในบ้านมีชายวัยกลางคนหน้าซีดขาวคนหนึ่งนั่งอยู่ มีสีผิวขาวซีดเพราะไม่ได้สัมผัสแสงแดดมาตลอดทั้งปี ร่างกายของเขาซูบผอมมาก เส้นเลือดเขียวปูดขึ้นมาที่หลังมือดูน่ากลัว บนขาของชายคนนี้มีผ้าห่มบางๆ ปิดทับอยู่ เขาหรี่ตาลง
“เป็นพวกไร้ประโยชน์ทั้งนั้น ตอนนี้ยังเหลือกี่คน?”
ชายวัยกลางคนหัวเราะเยาะ เสียงของเขาแหลมเล็กมาก ฟังแล้วแสบแก้วหู
“ยังมีอีกสองคน คนหนึ่งเฉินเฉิงแนะนำมา อีกคนคือหลานชายบ้านที่ห่างไกลของตระกูลโจว ตอนนี้ไล่ตามกันมา” ลูกน้องตอบ
“ครั้งนี้คนที่เฉินเฉิงแนะนำถือว่าใช้ได้ พวกแกไปสังเกตดูอีก ส่วนคนตระกูลโจวนั่นไม่ต้องไปสนใจ ขอเพียงรับประกันว่าเขาไม่ตายก็พอแล้ว คนที่เฉินเฉิงพามา รอเขาออกมาก่อนแล้วพามาพบฉันด้วย”
ชายวัยกลางคนอารมณ์ดี เขาครุ่นคิดแล้วก็ตะโกนเรียกลูกน้องเอาไว้สั่งว่า “เพิ่มวัตถุเข้าไปอีกนิดหน่อย ฉันจะดูว่าไอ้หนูน้อยคนนี้จะมีฝีมือแค่ไหนกันเชียว!”
“ครับ!”
ลูกน้องรับคำสั่งก็พากันออกไป เห็นใจเหยียนหมิงซุ่นอยู่แวบหนึ่ง
ชายวัยกลางคนนั่งอยู่นานแล้ว รู้สึกเหนื่อยล้า กวักมือเรียกให้คนประคองเขาไปนอน บางทีตื่นขึ้นมาแล้วเขาอาจจะมีลูกชายแล้วก็ได้!
คนหนึ่งเป็นลูกชายที่เขาเลือกเอง ส่วนอีกคนเป็นลูกชายที่สามารถช่วยเขาแก้แค้นและส่งเขาขึ้นภูเขาได้!
ส่วนคนแซ่โจวนั่น ชิ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่า ตระกูลโจวนั่นสนิทกับเจ้าลูกเวรนั่น?
เจ้าลูกเวรยังส่งคนมาเป็นสายสืบข้างกายเขาอีกเหรอ หึ…ฝันไปเถอะ!
……………………………
ตอนที่ 843 เหยียนหมิงซุ่นหายไปไหน
จนถึงตอนเย็นแล้ว เหยียนหมิงซุ่นก็ยังไม่กลับโรงแรม เหมยเหมยรู้สึกใจคอไม่ดี ก็เลยไหว้วานให้เซียวเซ่อบอกเสี่ยวกัวช่วยตามหา
สำหรับความเป็นความตายของเหยียนหมิงซุ่นนั้น เซียวเซ่อไม่ได้สนใจแม้แต่นิดเดียว แต่เธอทนคำออดอ้อนของเหมยเหมยไม่ไหว จำใจต้องโทรหาเสี่ยวกัวอีกครั้ง บอกให้เขาช่วยไปตามหาว่าเหยียนหมิงซุ่นหายไปไหน
“เธอวางใจได้ เสี่ยวกัวตามหาคนเก่งที่สุด ตราบใดที่คนรักของเธอไม่ได้โดนคนเผาเพื่อทำลายหลักฐาน ต้องหาเจอแน่นอน ถ้ามีชีวิตอยู่เธอจะได้พบเขา ถ้าตายเธอก็ยังจะได้พบศพ!
เซียวเซ่อพูดอย่างหงุดหงิดจนถูกเหมยเหมยกลอกตาใส่
ตอนค่ำพวกจ้าวเสวียไห่กลับมากันแล้ว ดูท่าทางโกรธโมโหอยู่บ้าง ตอนบ่ายพวกเขาไล่สืบถามเกี่ยวกับข่าวลือของเหมยเหมยจนได้คำตอบแล้ว พวกเขาจึงโกรธมากเป็นธรรมดา
“พี่คะ ข้างนอกพูดถึงฉันว่าอย่างไรบ้าง?” เหมยเหมยจงใจถาม
“ไม่มีอะไรหรอก โอหยางซานซานพูดเรื่องเหลวไหล เหมยเหมยก็คิดเสียว่าหล่อนพูดจาไร้สาระแล้วกัน!” จ้าวเสวียหลินไม่อยากให้คำพูดหยาบคาย ลามกเหล่านั้นเข้าหูเหมยเหมย จึงไม่ได้พูดความจริงกับเธอ
เหมยเหมยยักไหล่และไม่ได้ถามต่อ เธอรู้อยู่แล้วต่อให้ถามไปก็ไม่มีความหมาย
เธอไม่คาดหวังให้ตระกูลจ้าวทวงความยุติธรรมแทนตัวเธอ เธอต้องใช้วิธีการของเธอเอง ให้หวงอวี้เหลียนกับโอหยางซานซานได้รับรู้ความร้ายกาจของเธอ!
พวกจ้าวเสวียไห่ไม่ได้พักที่บ้านตระกูลเซียว พวกเขากลับบ้านตระกูลจ้าว เรื่องข่าวลือต้องคุยกับคุณปู่ ถ้ารู้ว่าใครคิดเล่นไม่ซื่อจะไม่ยอมอ่อนข้อให้คนนั้นเป็นอันขาด!
จ้าวเสวียหลินไม่ได้กลับไป เขาอยู่ที่นี่ต่อ ถึงแม้เขาจะไม่ชอบพักที่บ้านตระกูลเซียว แต่เขาเคยรับปากจ้าวอิงหัวไว้ต้องดูแลเหมยเหมยให้ดี
ประสิทธิภาพการทำงานของเสี่ยวกัวยังคงยอดเยี่ยม ผ่านไปเพียงวันเดียวก็มีโทรศัพท์เข้ามา เล่าเรื่องต่าง ๆที่ไปตรวจสอบมาให้ฟัง และให้เซี่ยวเซ่อเตรียมเงิน แล้วไปเจอกันที่เดิมเพื่อคุยรายละเอียด
เซียวเซ่อหยิบสมุดเช็คเล่มหนึ่งออกมาจากห้องของเธอ เหมยเหมยสังเกตเห็นรูปแบบและสีของสมุดเช็คแตกต่างกับที่เธอเห็นบ่อย ๆจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เซ่อเซ่อ สมุดเช็คเล่มนี้ของเธอ ของธนาคารอะไร?”
“ของธนาคารยูบีเอส เสี่ยวกัวรับแต่เช็คของธนาคารยูบีเอส” เซียวเซ่อหงุดหงิดเล็กน้อย
เมื่อก่อนเธอเคยเขียนเช็คของซิตี้แบงค์และธนาคารอิมเพอเรียลให้แต่เซียวกัวไม่รับ ต้องเป็นธนาคารยูบีเอสเท่านั้น เธอจนปัญญาจึงจำใจไปหาพ่อเพื่อขอสมุดเช็ค เพราะว่ามีแค่เขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการเปิดบัญชีกับธนาคารยูบีเอส ขนาดคุณหนูใหญ่เฝิงยังไม่มีสิทธิ์
โชคดีที่คุณพ่อเป็นคนเต็มที่กับการให้เงินมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอได้ยินว่าเธอต้องการสมุดเช็คของธนาคารยูบีเอสเอาไปแกล้งข่มคน ก็ไม่พูดอะไรเลยและให้เธอมาหนึ่งเล่มและยังใจปล้ำเซ็นต์ชื่อบนสมุดเช็คอีก เซียวเซ่อประทับใจกับสิ่งนี้ เขาจึงใช้เวลากับพ่อของเธออย่างอบอุ่นสามวัน
ผลก็คือหลังจากที่ได้เห็นผู้ช่วยใหม่ของเซียวจิ่งหมิง ความอ่อนโยนก็เลือนหายไปหมด ชื่อของเซียวจิ่งหมิงก็กลายเป็นตาแก่แตงกวาแทน!
เหมยเหมยแลบลิ้น ยิ่งรู้สึกว่าเสี่ยวกัวเป็นคนลึกลับ ธนาคารยูบีเอสไม่ใช่แค่มีเงินก็เปิดบัญชีได้ คนที่มีคุณสมบัติในการเปิดบัญชีที่นั่น ถ้าไม่ใช่มีเงินมากมายก็ต้องมีฐานะอยู่ในระดับสากลหรือเป็นคนตระกูลสูงศักดิ์
อย่างเช่นเซียวจิ่งหมิงเป็นคนตระกูลสูงศักดิ์ และเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงระดับสากล ธนาคารยูบีเอสต้องมาเชิญให้เขาไปเปิดบัญชีอยู่แล้ว
“เงื่อนไขของเสี่ยวกัวก็โหดเกินไป แบบนี้เขายังมีกิจการได้อีกเหรอ? เมืองหลวงมีสักกี่คนที่สามารถเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของธนาคารยูบีเอสได้? เหมยเหมยสงสัย
เศรษฐกิจฮวาเซี่ยในปัจจุบันกำลังเติบโตขึ้น หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธนาคารยูบีเอสเปิดอยู่ที่ไหน เปิดบัญชีอย่างไร?
เสี่ยวกัวทำอย่างนี้ไม่ได้เป็นการยกก้อนหินขึ้นทุบเท้าของเขาเองเหรอ!
เซียวเซ่อค้อนเธอแวบหนึ่ง “ เธอดูถูกคนหวาเซี่ยเกินไปแล้ว เท่าที่ฉันรู้มามีลูกค้าประจำของธนาคารยูบีเอสในเมืองหลวงไม่ต่ำกว่า 20 คน ที่อื่นฉันไม่รู้แต่ฉันคิดว่ามีอยู่มาก และเธอคิดว่าเสี่ยวกัวเป็นพ่อค้าแผงลอยข้างถนนเหรอ? “
………………………………