ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 866 นับจากนี้ไปต่างคนต่างอยู่ + บทที่ 867 การโต้ตอบของหวงอวี้เหลียน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 866 นับจากนี้ไปต่างคนต่างอยู่ + บทที่ 867 การโต้ตอบของหวงอวี้เหลียน
บทที่ 866 นับจากนี้ไปต่างคนต่างอยู่
แม้ว่าคุณปู่จะรู้ดีว่าเหมยเหมยพูดถูกทั้งหมด แต่เขากลับรู้สึกว่าคำพูดของเหมยเหมยฟังแล้วเสียดหูเกินไป รู้สึกไม่ค่อยลื่นหูนัก
ครอบครัวเดียวกันมีสุขร่วมกัน มีทุกข์ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เหตุใดจะต้องแบ่งแยกชัดเจนขนาดนั้นด้วย!
แม้ว่าคุณปู่จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในตอนนี้หลานสาวตนกำลังโมโหจนเลือดขึ้นหน้า พูดอะไรไปก็ไม่เข้าหู ยังไงรอให้หลานสาวอารมณ์เย็นลง เขาค่อยหาทางพูดกับหลานสาวด้วยเหตุผล
เหมยเหมยจะต้องเข้าใจแน่!
แต่คุณปู่กลับลืมไปแล้วว่าในบ้านยังมีคุณย่าจอมเลอะเลือน!
คุณย่าที่ได้ฟังคำพูดของเหมยเหมยก็รู้สึกว่ามันไม่น่าฟังสักเท่าใด ยิ่งทำให้ไฟโทสะปะทุมากขึ้น จึงพูดตำหนิ “แกสร้างเรื่องให้กับครอบครัวตัวเองแล้วจำเป็นต้องมาพูดซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ด้วยหรือ? แกนี่มันชอบทวงบุญคุณ ทำไมถึงได้ใจแคบแบบนี้!”
เดิมทีเหมยเหมยรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เพิ่งพูดออกไป เพราะรู้สึกว่าตัวเองนั้นพูดเกินไป แต่พอได้ยินคำพูดพวกนั้นของคุณย่า ความรู้สึกละอายใจที่ก่อขึ้นมาในใจเหล่านั้น กลับมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“ถ้าคุณย่าจะพูดแบบนี้ล่ะก็ งั้นหนูคงต้องพูดอะไรกับคุณย่าเสียหน่อย หนูพึ่งมาเป็นคนในตระกูลจ้าวได้เพียงแค่สองปี คุณย่าจะไม่ชอบหนูก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะถึงยังไงความรู้สึกมันก็เกิดขึ้นได้ด้วยการสร้างมันขึ้นมา”
“แต่ก็เหตุผลเดียวกัน ความรู้สึกที่หนูมีต่อตระกูลจ้าวก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเช่นกัน เรื่องน้ำแร่และชาเมื่อสองปีก่อนนั้น ต่อไปนี้หนูจะไม่พูดถึงมันอีก นับจากนี้ไปคุณย่าก็อย่าถือเอาอำนาจความเป็นผู้ใหญ่มาสั่งสอนหนูอีก พวกเราต่างคนต่างอยู่!”
เหมยเหมยที่ได้ระบายอารมณ์จบ ก็ไม่ได้นึกสนใจคุณย่าที่เริ่มหายใจถี่ขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนี้พูดทุกอย่างให้มันชัดเจนไปเลยก็ดีเหมือนกัน จากนี้ต่อไปจะได้ไม่ต้องระวังตัวต่อหน้าเธออีก!
คุณย่าโมโหกับคำพูดที่ไร้หัวใจของเหมยเหมย อะไรคือต่างคนต่างอยู่? ยัยเด็กบ้านี่คิดจะก่อกบฏหรือไร?
“แก…แกไปหัดมาจากไหนเรื่องไม่เชื่อฟังเนี่ย? พ่อแม่เธอสั่งสอนมาแบบนี้หรือไง?” คุณย่าด่าทอด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
เหมยเหมยเบื่อหน่ายที่จะตอบคำถาม จึงเลือกที่จะปิดปากเงียบ
คุณย่าจึงก่นด่าอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายประโยค ซึ่งเหมยเหมยก็ไม่ได้โต้ตอบเธอแต่อย่างใด เธอทนฟังจนเริ่มรู้สึกรำคาญ จึงพูดขึ้นอย่างโมโห “เมื่อสิบสองปีก่อนหนูใช้แซ่อู่ ตอนนั้นที่หนูได้รับความเจ็บปวดความทุกข์ทรมาน ไม่มีพวกคุณแม้แต่คนเดียวที่จะออกมาช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากทะเลแห่งความขมขื่นนั่น แล้วตอนนี้มีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้องจากหนู?”
คุณปู่มีสีหน้าละอายใจ ในตอนนั้นนับว่าตระกูลจ้าวทำผิดต่อหลานสาว ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานมานานนับสิบสองปี ถ้าตอนนี้ลักษณะนิสัยของหลานสาวอาจแปลกไปบ้างก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ
คุณย่านั้นยังคงโมโหไม่หาย เมื่อได้ฟังคำพูดของเหมยเหมย ยิ่งทำให้เธอก่นด่าอย่างไม่พอใจขึ้นมาอีก “ตอนนั้นก็เป็นเพราะไม่รู้ไม่ใช่หรือไง พอรู้แล้วแกก็ยังต้องทนทุกข์อีกเหรอ!”
เหมยเหมยไม่ได้ต้องการจะพูดอะไรกับคุณย่าอีกต่อไป แก่แล้วก็ยิ่งเลอะเลือนช่างไม่เข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อเอาเสียเลย อีกอย่างความดื้อรั้นแบบนี้คงใช้ชีวิตอยู่ได้เพียงแค่วงล้อมหรือขอบเขตของเธอเพียงเท่านั้น ไม่มีทางเข้าใจคำพูดจากคนนอกที่ตักเตือนหรอก
ที่แท้ก็เป็นดั่งคำว่ากาลเวลาพิสูจน์คน ตอนแรกเธอคิดแค่ว่าคุณย่านั้นเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา เป็นคุณย่าผู้อ่อนโยนที่ไม่มีใครเทียบได้!
เหมยเหมยหัวเราะเยาะให้กับตัวเธอเอง และพูดขึ้น “ถ้างั้นต่อไปนี้ก็ขอให้คุณย่าทำเหมือนไม่รู้อะไรต่อไปเถอะค่ะ!”
คุณย่ายังไม่ทันเข้าใจว่าที่เธอพูดหมายถึงอะไร แต่คุณปู่นั้นกลับเข้าใจอย่างถ่องแท้ มันทำให้หัวใจของเขายิ่งจมดิ่งลึกลงไป
นี่หลานสาวของเขาต้องการจะห่างเหินกับตระกูลจ้าวหรือนี่!
คุณปู่หันไปจ้องคุณย่าตาเขม็ง ยังคิดที่จะพูดจาอ่อนโยนกับเหมยเหมยอีกสักนิด แต่เหมยเหมยกลับไม่ได้ต้องการที่จะฟังอีกแล้ว เธอพูดกับคุณปู่ได้ไม่กี่คำ ก็เลือกที่จะหมุนตัวกลับแล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเซียว
ในเวลานี้ เธอไม่ต้องการเห็นหน้าคนในตระกูลจ้าว!
“ตาแก่ ทำไมคุณถึงได้ปล่อยให้เหมยเหมยไปแบบนั้นล่ะ วันๆไปอาศัยอยู่บ้านคนอื่นแบบนั้นได้ที่ไหนกัน ไหนจะยังมีเรื่องของซานซานอีก ฉันยังไม่ได้ถามให้ชัดเจนเลย ยัยเด็กบ้านี่…” คุณย่าอยากออกไปตามตัวเหมยเหมยกลับมา
“เธอหยุดได้แล้ว!”
คุณปู่ลากคุณย่ากลับมาด้วยไฟโทสะที่ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็ตะโกนใส่เธอด้วยความขุ่นเคือง
…………………………………………….
บทที่ 867 การโต้ตอบของหวงอวี้เหลียน
จ้าวเสวียหลินเดินตามหลังน้องสาวของตนไป ช่วงเวลานี้เขาไม่กล้าจะส่งเสียงพูดใด ๆ ออกมา คำพูดเมื่อครู่ของเหมยเหมยทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า แต่ที่มีมากกว่านั้นคือความเสียใจ
ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้น้องสาวเขากลับบ้าน แต่คนในบ้านกลับทำให้เธอต้องผิดหวังเสียใจ!
ทั้งหมดเป็นเพราะเขาที่ไม่มีความสามารถมากพอที่จะเป็นพี่ที่ดีได้ และไม่อาจปกป้องน้องสาวได้!
จ้าวเสวียหลินเอาแต่โทษตัวเองอยู่แบบนั้น เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาให้ได้ แข็งแกร่งถึงขั้นที่ใครหน้าไหนก็ไม่อาจกล้าที่จะเข้ามารังแกคนในครอบครัวของเขาได้ และยิ่งไม่กล้าที่จะรังแกน้องสาวของเขาอีกด้วย
“เหมยเหมย เธอเป็นคนตบตียัยแม่หมีสีน้ำตาลนั่นใช่ไหม?”
สยงมู่มู่เดินข้ามาใกล้ ด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ อย่างมีลับลมคมใน
เหมยเหมยมองเขาแค่แวบเดียวก็รู้ถึงความหมายที่แอบแฝงอยู่ จึงส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ “ไม่ใช่ ฉันจะไปตบตีหล่อนทำไม?”
ในเมื่อตอนที่อยู่ต่อหน้าหวงอวี้เหลียนเธอไม่ได้ยอมรับออกไป ถ้างั้นต่อหน้าของสยงมู่มู่ จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆก็ไม่ควรจะยอมรับออกไป เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มีแค่เธอกับเซียวเซ่อที่รู้ก็เพียงพอแล้ว
สยงมู่มู่ไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ เขากลอกตาไปมาอยู่หลายครั้ง พร้อมกับหัวเราะเหอะๆ
“รู้แล้วรู้แล้ว เหมยเหมยไม่ได้เป็นคนทำ เป็นยัยแม่หมีสีน้ำตาลนั่นที่ไปมีเรื่องข้างนอกเอง เฮ้อ วันนี้ได้ระบายอารมณ์ช่างดีเสียจริง ๆ ยัยแม่หมีสีน้ำตาลก็มีวันนี้ด้วย!”
เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะสบถอย่างได้ใจ พร้อมกับกระดิกนิ้วไปทางสยงมู่มู่ ส่วนสยงมู่มู่นั้นก้มหน้าลงอย่างเชื่อฟัง เหมือนลูบหัวลูกสุนัข โดยเธอนั้นลูบหัวของเขาอย่างเบามือ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเบา “หลังจากนี้จะยังมีโอกาสได้ระบายอารมณ์อีกเยอะ นายอยู่เฉยๆรอดูละครฉากใหญ่ได้เลย!”
“ละครฉากใหญ่อะไร?” สยงมู่มู่ถามอย่างตื่นเต้น
“ความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้!”
สีหน้าของเหมยเหมยนั้นคาดเดาได้ยาก สยงมู่มู่นึกหมั่นเขี้ยวเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรเธอได้เลย
เซียวเซ่อเองก็ตามมาลูบหัวเขาไปครั้งหนึ่ง พร้อมกับพูดเยาะเย้ย “เด็กน้อยจะถามมากไปทำไม นายทำตัวเป็นเด็กดีรออยู่ที่บ้านไปเถอะ!”
สยงมู่มู่ไม่ยอมถอยให้เซียวเซ่อง่ายๆ ทั้งสองเถียงกันไปมาคนละประโยคสองประโยค ฟาดฟัดกันด้วยคำพูด ต่างคนต่างไม่ยอมให้กัน ช่างดูครึกครื้นไม่น้อย
วันถัดมา เซียวเซ่อได้โทรไปหาลูกน้องของคุณเฝิงต้า เพื่อสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับโอหยางซานซาน ซึ่งก็ไม่เกินที่เหมยเหมยคาดเดาไว้ เหตุการณ์เมื่อวานของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลโอหยาง หลังจากที่ถูกคนพาไปทำร้ายก็ถูกปล่อยทิ้งไว้บนถนน เป็นประเด็นให้ถกเถียงกันไปทั่วทั้งเมืองหลวง จนได้กลายเป็นบทสนทนาในวงน้ำชาไปเสียแล้ว
โดยเฉพาะสามัญชนคนชั้นล่างตามท้องตลาด พวกที่ชอบติฉินนินทาของคนในสังคมชั้นสูงนั้นยิ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับพวกเขามาก พวกเรื่องราวคาวหวานหลากสีแบบนี้ยิ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ
พวกเขากระพือกระจายข่าวออกไปอย่างสุดแรง ร่วมถึงช่วยกันราดน้ำมันเพิ่มสักนิด เติมน้ำส้มสายชูเพิ่มสักหน่อย ทำให้เรื่องราวที่เกิดนั้นยิ่งน่าสนใจ และทำให้คนอื่นๆ ได้รับอรรถรสอย่าถึงใจ
แต่สำหรับข่าวฉาวของเหมยเหมยก็เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เรื่องราวได้ถูกข่าวด่วนข่าวร้อนของโอหยางซานซานกลบไว้จนมิด ทุกคนต่างสนใจข่าวคาวชู้สาวของลูกสาวตระกูลโอหยางมากกว่า
ถึงอย่างไรข่าวลือของเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวก็นับเป็นเพียงแค่ข่าวที่ไร้ซึ่งหลักฐาน ไร้ซึ่งข้อเท็จจริง แต่เรื่องราวของโอหยางซานซานนั้นมีผู้พบเห็นเป็นจำนวนไม่น้อยเลย!
นับว่าเป็นความจริงไปเกือบแปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว!
“เหมยเหมยเธอนี่เยี่ยมไปเลย ทุกอย่างเป็นอย่างที่เธอคาดการณ์เอาไว้” เซียวเซ่อพูดด้วยความตื่นเต้น ด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ
เหมยเหมยหัวเราะด้วยความมั่นใจ การที่เธอสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ช่างทำให้รู้สึกดีไม่น้อย เพียงแต่เธอรู้ดีว่าหวงอวี้เหลียนจะต้องไม่ยอมนั่งอยู่เฉยแน่
“พวกเราอย่าพึ่งดีใจไป หวงอวี้เหลียนจะต้องเอาคืนแน่ พวกเราต้องอยู่เงียบๆ รอดูความเคลื่อนไหวไปก่อน” เหมยเหมยนิ่งขรึมและพูดขึ้น
ในมือเธอนั้นมีเรื่องราวความเป็นจริงอยู่มาก มีอะไรให้ต้องกลัวล่ะ คนที่ต้องกลัวควรจะเป็นหวงอวี้เหลียนและโอหยางซานซาน
ชักอยากจะเห็นเหตุการณ์ที่พวกหล่อนถูกทุกคนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยราวกับหนูข้างถนนซะแล้ว!
ไม่ต้องรีบ ละครฉากเด็ดเพิ่งจะเริ่มขึ้น เธอจะคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับยัยชั่วทั้งสองนั่นเอง!
การโต้ตอบของหวงอวี้เหลียนถือว่ามาได้รวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ หนังสือพิมพ์บางฉบับก็พาดหัวข่าวออกมา และข่าวที่ว่ายังเป็นข่าวที่แย่งความสนใจไปได้ไม่น้อย เพียงแค่กางหนังสือพิมพ์ ก็สามารถให้ความสนใจไปที่ข่าวนั้นได้เป็นอย่างดี
……………………………………………