ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 906 ฟ้าผ่าสายฟ้าฟาด + ตอนที่ 907 ปีศาจจิ้งจอก
ตอนที่ 906 ฟ้าผ่าสายฟ้าฟาด
เหมยซูหานที่เพิ่งลุกขึ้นอู่เยวี่ยก็ลุกตาม สีหน้าเริ่มหวาดระแวงพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ
เธอในตอนนี้สูญเสียความมั่นใจอย่างเมื่อสองปีก่อนไปจนหมดสิ้น และยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจยามเมื่ออยู่ต่อหน้าเหมยซูหาน
เพราะที่เธอมีกินมีใช้อยู่ในทุกวันนี้…เป็นเพราะเหมยซูหานทั้งนั้น ไม่ว่ายุคสมัยใด ฐานะการเงินกับความมั่นใจมักมาเป็นของคู่กัน
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
“พี่ซูหาน พี่จะไปไหน?” อู่เยวี่ยถามอย่างตื่นกลัว
เหมยซูหานมุ่นคิ้วน้อย ๆ ช่วงนี้การตื้อไม่ปล่อยของอู่เยวี่ยทำให้เขาเหนื่อยหน่ายใจ แต่เขาก็ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงแค่ยิ้มแล้วตอบ “ฉันเห็นเหมยเหมยเลยว่าจะไปทักทายหน่อย เธอนั่งอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน เป็นเด็กดีนะ”
ใจอู่เยวี่ยหล่นวูบ นางแพศยาจ้าวเหมยอีกแล้ว!
ทำไมไปไหนก็ต้องเจอเธอตลอด?
ถึงอู่เยวี่ยไม่พอใจแต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า แล้วยังยิ้มอย่างน่ารักตอบกลับ “ฉันก็อยากทักทายเหมยเหมย พี่ซูหาน ฉันไปกับพี่ดีกว่า!”
เหมยซูหานขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เขาอยากจะปฏิเสธ แต่อู่เยวี่ยก็ลุกยืนแล้วโอบแขนเขาไว้อย่างสนิทสนมพร้อมพูดด้วยความน้อยใจว่า “อย่างไรเสียเหมยเหมยก็เรียกฉันว่าพี่สาวมาตั้งสิบสองปี ถึงเธอไม่อยากนับฉันว่าเป็นพี่ แต่ฉันเห็นเธอเป็นน้องสาวเสมอ”
เธอถอนหายใจน้อย ๆพูดเชิงคร่ำครวญ “แต่ตอนนี้เหมยเหมยเป็นถึงเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวแล้ว สถานะอย่างฉันเอื้อมไม่ถึงเธอหรอก!”
เหมยซูหานรีบพูดปลอบ “เหมยเหมยไม่ใช่คนแบบนั้น เยวี่ยเยวี่ยอย่าดูถูกตัวเองเลย”
โดนอู่เยวี่ยพูดหว่านล้อมขนาดนี้เหมยซูหานก็ไม่ได้พูดปฏิเสธออกจากปาก ได้แต่ปล่อยให้เธอโอบแขนตัวเองเดินไปหาเหมยเหมย
โอหยางซานซานที่นั่งอยู่ข้างพวกเขาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย อู่เยวี่ยคนนี้คือพี่สาวของจ้าวเหมย?
ดูเหมือนจะมีเรื่องบางอย่างอยู่นะ!
โอหยางซานซานพูดคุยกับเซียวเวยเสียงเบา ไม่กี่ประโยคก็พูดเข้าเรื่องเหมยซูหาน พอเทียบกับแม่ของเธออย่างหูเซียงหลัน เซียวเวยนับว่าห่างชั้นกว่ามาก จึงถูกโอหยางซานซานหลอกถามความจริงได้อย่างง่ายดาย
ทางด้านเซียวจิ่งสิงที่โดนเซียวเซ่อกระตุ้นความโกรธเข้าก็หน้าตาถมึงทึงและระเบิดอารมณ์ออกมา
“เซียวเซ่อ เธอให้รูปนี้มันหมายความว่ายังไง?” เซียวจิ่งสิงชี้ถามด้วยน้ำเสียงดุดันอีกครั้ง
เซียวเซ่อเหลือบมองรูปในมือเซียวจิ่งสิงก่อนจะแสร้งถาม “รูปอะไรเหรอ?”
เซียวจิ่งสิงที่ใจร้อนระอุเพราะไฟโทสะ ต่อหน้าเขายังคิดจะแกล้งโง่อีก!
“เธอน่าจะจำรูปที่เธอวาดเองได้นะ? เธอให้รูปนี้กับแม่ฉันมันหมายความว่ายังไง? ในสายตาเธอยังเห็นหัวผู้ใหญ่อยู่ไหม?”
เซียวเซ่อคายกระดูกที่ถูกแทะเนื้อจนหมดสิ้นออกมาแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดปากลวก ๆ หันกลับไปมองรูปนั้นอีกแวบหนึ่งก่อนพูดเสียงเรียบ “ถ้าฉันไม่เห็นแม่ของนายในสายตา แล้วทำไมฉันต้องถ่อเอารูปนี้มาให้ด้วย สวนหลังบ้านก็มีดอกไม้ตั้งเยอะ แค่ตัดลวก ๆมาไม่กี่ดอกก็ได้แล้วมั้ง เซียวจิ่งสิงนายพูดแบบนี้ไม่กลัว…”
เซียวเซ่อแสร้งทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก คิดอยู่ครู่ใหญ่ก็ถามเหมยเหมย “สุภาษิตนั่นว่ายังไงนะ? ที่นิยามคนไร้ศีลธรรมแล้วพระเจ้าลงโทษเขา…”
เหมยเหมยปากกระตุกยิก ๆ เมื่อก่อนทำไมเธอถึงไม่เคยรู้เลยว่าเซียวเซ่อเองก็ชอบเล่นละครเหมือนกัน!
เธอกลั้นเสียงหัวเราะไว้ แกล้งพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ฟ้าผ่าสายฟ้าฟาด!”
เซียวเซ่อตบมือดังทีหนึ่งถึงหันไปพูดกับเซียวจิ่งสิงว่า “ใช่ ฟ้าผ่าสายฟ้าฟาดไง เซียวจิ่งสิงเดี๋ยวนายออกจากบ้านก็ระวังตัวหน่อยละกัน!”
หูเซียงหลันที่เร่งตามมาตะคอกเสียงดุ “เซียวเซ่อเธอพูดจาแบบนั้นกับอาของเธอได้ยังไงกัน? เรียกชื่อเต็มยศแบบนี้เธอยังมีมารยาทอยู่บ้างไหม? เซียวจิ่งหมิงแกไม่คิดจะสอนหน่อยหรอ!”
เซียวเซ่อเบิกตากว้าง พูดอย่างตรงไปตรงมา “เรียกชื่อแล้วทำไม? ฉันเรียกพ่อฉันก็เรียกชื่อเต็มยศ ชื่อก็มีไว้ให้เรียกไม่ใช่เหรอ!”
เซียวจิ่งหมิงพยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือ “ใช่ใช่ เซ่อเซ่อของผมเรียกชื่อผมแบบนี้มาตลอด บางครั้งก็เรียกผมว่าเหล่าเซียวแหนะ คุณนายสี่อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย!”
…………………….
ตอนที่ 907 ปีศาจจิ้งจอก
หูเซียงหลันอัดอั้นอยู่ในใจ เธอแทบอยากตายที่โดนสองพ่อลูกหน้าไม่อายคู่นี้ยั่วโมโหเข้า แถมฝีปากก็ยังสู้พวกเขาไม่ได้ หูเซียงหลันหันไปมองทางอาจารย์เซียวอย่างน่าสงสาร
“เหล่าเซียว คุณดูพวกเขาสิ!”
หูเซียงหลันลากเสียงยาวคล้ายกำลังออดอ้อน เหมยเหมยอดลูบแขนไม่ได้ หูเซียงหลันเก่งเรื่องนี้จริง ๆสินะ อายุปูนนี้แล้วเสียงยังเหมือนสาวน้อยอยู่เลย
มิน่าอาจารย์เซียวถึงได้ยอมเสียชื่อเสียงเพื่อจะอยู่กับผู้หญิงคนนี้!
อาจารย์เซียวรับภาพวาดจากมือเซียวจิ่งสิงมากวาดตามองอย่างละเอียด ภายไม่กี่วินาทีก็รู้ความหมายแฝงอยู่ในนั้น สีหน้าแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดพลางตวัดตาไปมองเซียวเซ่ออย่างตำหนิ
“เซ่อเซ่อ รูปนี้มันอะไรกัน?”
สีหน้าของเซียวเซ่อก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง ตอบกลับเสียงเรียบ “รูปของหนูทำไม? ฝีมือไม่ถึงหรือของขวัญของหนูน้อยไป? งั้นคุณปู่ก็เอารูปคืนหนูมา แล้วก็ให้เซียวจิ่งหมิงเอาอั่งเปาใหญ่ ๆให้สักก้อน”
เซียวจิ่งหมิงรีบพูดคล้อยตาม “ภาพของเซ่อเซ่อใช้ทองพันแท่งก็เอามาแลกไม่ได้ จะน้อยไปได้ยังไง? ถ้าคุณนายสี่ไม่ชอบก็เอารูปนี้มาให้ผมแล้วกัน ผมจะเอาไปแขวนไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของผม”
หูเซียงหลันโดนกระตุ้นให้โกรธอีกระลอก หันไปเรียกอาจารย์เซียวอีกทีด้วยเสียงที่ออดอ้อนกว่าเดิม
เซียวเซ่อขมวดคิ้วแน่นเป็นปมพลางมองหูเซียงหลันด้วยสายตาเย็นชา “คุณช่วยพูดดี ๆได้ไหม? อายุก็ขนาดนี้แล้วยังพูดจาเหมือนสุนัขจิ้งจอก ไม่สิ เหมยเหมย สามตัวอักษรนั่นว่ายังไงนะ? ศัพท์ที่นิยามผู้หญิงไม่ดีตอนพูดน่ะ…”
เหมยเหมยปากกระตุกอีกหน ยัยนี่เสพติดการแสดงละครแล้วหรือไง
แต่เธอก็ตอบอย่างให้ความร่วมมือ “ปีศาจจิ้งจอกหรือเปล่า?”
เซียวเซ่อพยักหน้า “ใช่ ปีศาจจิ้งจอก หูเซียงหลันตอนคุณพูดช่วยอย่าทำเหมือนปีศาจจิ้งจอกได้ไหม? ฟังแล้วฉันขนลุกซู่เลยรับไม่ได้”
หูเซียงหลันโกรธจนตัวสั่น เซียวจิ่งสิงทำหน้าถมึงทึงพลางตำหนิเสียงเข้ม “เซียวเซ่อเธอพูดจาอะไรกันเนี่ย?”
เซียวเซ่อหยักไหล่ให้อย่างไม่ใส่ใจ “ฉันพูดภาษาคน นายฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?”
เหมยเหมยแสร้งบอก “เซ่อเซ่อ บอกแล้วว่าให้อ่านหนังสือเยอะ ๆก็ไม่ยอมอ่าน ตอนนี้พลาดท่าแล้วไง? ปีศาจจิ้งจอกไว้นิยามผู้หญิงชั่ว เธอเอามาว่าคุณนายเซียวสี่ได้ยังไง?”
เซียวเซ่อทำท่าเข้าใจทันที “แบบนี้นี่เอง ฉันหลงคิดว่าปีศาจจิ้งจอกเป็นศัพท์ที่มีความหมายดีซะอีก ผู้ชายชอบปีศาจจิ้งจอกกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมยังบอกว่าปีศาจจิ้งจอกเอาไว้นิยามผู้หญิงชั่วล่ะ? หรือว่าผู้ชายชอบผู้หญิงร้ายกันทั้งนั้น?”
ใบหน้าแขกต่างมีสีหน้าที่แปลกประหลาด อยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้าหัวเราะ ได้แต่กลั้นไว้อย่างยากลำบาก
สีหน้าผู้ชายบางคนก็อึดอัดยิ่งกว่าใครเพราะเซียวเซ่อได้พูดความในใจของผู้ชายหลายคนออกมา
ก็ปีศาจจิ้งจอกมันน่าเย้ายวนดีไม่ใช่หรือ?
เซียวจิ่งหมิงเองก็มีสีหน้าอึดอัดเช่นกันเพราะลูกสาวชอบด่าผู้ช่วยเขาว่าปีศาจจิ้งจอก เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าเซียวเซ่อจะไม่รู้ความหมายของคำว่าปีศาจจิ้งจอกได้อย่างไร แต่ลูกสาวชอบแกล้งหูเซียงหลัน คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ต้องให้ความร่วมมืออยู่แล้ว
ที่สำคัญที่สุดเขาเองก็ไม่ชอบผู้หญิงที่ชื่อหูเซียงหลันคนนี้เท่าไร
“คุณนายสี่อย่าถือสาเลย ถึงเซ่อเซ่อของผมจะฉลาดกว่าใครแต่ภาษาจีนความหมายมันกว้าง ยากจะเข้าใจ อย่าว่าแต่เซ่อเซ่อของผมเลย บางทีผมเองก็ยังงง บางครั้งเธอยังด่าผมว่าสารเลวด้วยซ้ำ!”
ความหมายก็คือคนเป็นพ่ออย่างเขายังไม่คิดเล็กคิดน้อย คนที่เป็นคุณย่าเลี้ยงอย่างเธอจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไมกัน!
เพื่อช่วยลูกสาวพ้นจากความผิด เซียวจิ่งหมิงเองก็นับว่าทุ่มสุดตัวแล้วถึงได้ยอมด่าตัวเอง
สิ่งที่เหมยเหมยไม่รู้คือช่วงก่อนหน้านี้เซียวเซ่อเรียกพ่อตัวเองว่าสารเลวจริง ๆ อยู่นานเลย!
หูเซียงหลันไม่ยอมถอย ชี้ไปที่ภาพวาดแล้วกล่าว “เหล่าเซียว คุณต้องทวงคืนความยุติธรรมให้ฉันนะ!”
…………………………