ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 908 ไม่อยากปล่อยมือทั้งสองทาง + ตอนที่ 909 บุญคุณให้กำเนิดไม่สู้บุญคุณที่เลี้ยงดู
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 908 ไม่อยากปล่อยมือทั้งสองทาง + ตอนที่ 909 บุญคุณให้กำเนิดไม่สู้บุญคุณที่เลี้ยงดู
ตอนที่ 908 ไม่อยากปล่อยมือทั้งสองทาง
“เรื่องรูปไว้เลิกงานค่อยว่ากันอีกที หยุดทะเลาะกันได้แล้ว”
อาจารย์เซียวไม่อยากจัดการเรื่องครอบครัวต่อหน้าคนนอก เขาไม่อยากขายหน้าแต่เซียวเซ่อดันอยากให้เขาขายหน้า!
ใครให้หูเซียงหลันอยู่ไม่นิ่ง แล้วไปนินทาว่าร้ายเธอลับหลังล่ะ!
คิดว่าเธออยู่แต่บ้านไปวัน ๆเลยไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?
อย่าลืมว่าแม่ของเธอคือคุณหนูใหญ่เฝิงทำอาชีพอะไร สิ่งที่เธออยากรู้ ไม่มีสิ่งไหนที่เธอตามสืบไม่ได้ อดีตแค่ไม่อยากถือสาผู้หญิงคนนี้ก็เท่านั้นเอง!
เหตุผลที่เซียวเซ่อเกิดอยากจะถือสาเธอขึ้นมาก็เพราะหลายวันนี้เธอกำลังสนุกกับเหมยเหมย จู่ ๆก็คิดว่าการกลั่นแกล้งคนก็สนุกไม่หยอก!
ช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้สวรรค์ไง!
เซียวเซ่อชี้ไปที่ภาพวาดแล้วถามอย่างไม่ลดละ “คุณปู่ คุณปู่ต้องให้หูเซียงหลันพูดให้รู้เรื่องว่าภาพของหนูมันทำไม? หนูวาดไม่ดีพอหรือหาว่าหนูให้ของขวัญไม่เยอะพอ? คุณปู่ต้องให้เธอพูดให้รู้เรื่องต่อหน้าแขกทุกคน วันหลังเธอจะได้ไม่เอาหนูไปนินทาลับหลังอีก”
อาจารย์เซียวมองหลานสาวแวบหนึ่งด้วยสายตาที่รู้ดี เซียวเซ่อเป็นหลานสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือตั้งแต่เด็ก จะไม่รู้ระดับภาษาจีนของเซียวเซ่อได้อย่างไร?
สายตาของเขาดุดันขึ้นอีกนิด พูดเสียงนิ่ง “เซ่อเซ่อ ฟังปู่ ไว้หลังทานข้าวเสร็จเราค่อยคุยเรื่องนี้กัน!”
เซียวเซ่อยังเคารพนับถืออาจารย์เซียวอยู่มากเลยยอมรามือตามคำสั่ง แค่นเสียงเบา ๆไปทีหนึ่ง “งั้นหนูฟังปู่ละกัน วันหน้าถ้าหนูได้ยินว่ามีคนนินทาหนูลับหลัง ปู่ต้องช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้หนูด้วย”
“ได้ ปู่จะทวงคืนความยุติธรรมให้!”
อาจารย์เซียวมองภรรยาแวบหนึ่งด้วยสายตาแฝงความนัย เขาเองเคยได้ยินมาบ้างกับพฤติกรรมนอกบ้านของหูเซียงหลัน เพียงแต่ตอนนี้เขาก็อายุมากแล้วมีหลายเรื่องที่ไม่มีแรงจะไปสนใจ กับแค่เรื่องเล็กที่ไม่กระทบกับตัวเขาเองโดยตรงเขาก็ทำเป็นปิดหูปิดตาไปซะ
มีใจอยากจะทำแต่ไม่มีแรงพอ!
เซียวเซ่อมองสองแม่ลูกหูเซียงหลันอย่างท้าทายครู่หนึ่งแล้วนั่งลงแทะกระดูกซี่โครงต่อ เดิมทีเซียวจิ่งหมิงจะกลับโดยไม่ร่วมโต๊ะทานข้าวด้วย แต่เขาเป็นห่วงว่าลูกสาวจะโดนรังแกเลยยอมลดตัวนั่งลงทำเอาแขกทั้งหลายตกใจกันถ้วนหน้า
เพราะไม่เคยเห็นเซียวจิ่งหมิงทานข้าวนอกบ้านมาก่อนจริง ๆ!
เซียวจิ่งหมิงไม่กล้านั่งข้างเซียวเซ่อแต่เลือกไปนั่งอีกโต๊ะ ทำท่าพูดคุยกับแขกไปโดยไม่ขยับตะเกียบสักนิด เขาถูกฝึกมารยาทผู้ดีมาตั้งแต่เด็กเลยไม่ชินกับการต้องมาทานข้าวร่วมโต๊ะกับคนหมู่มากขนาดนี้ รู้สึกอึดอัดมากจริง ๆ
เหมยเหมยกระซิบข้างหูเซียวเซ่อเบา ๆ “พ่อของเธอดีกับเธอจริง ๆนะ เธออย่าทำหน้าเย็นชาตลอดสิ!”
แม้เซียวจิ่งหมิงจะเจ้าชู้และดูไม่น่าพึ่งพาได้อยู่บ้าง แต่กับลูกสาวเขาดีต่อเธอมากจริง ๆ ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้ไม่ถูกกันได้อย่างไร!
เซียวเซ่อแค่นเสียงไปทีหนึ่งและไม่ได้เรียกอีกฝ่ายว่าแตงกวาแก่อย่างเคย สีหน้าผ่อนคลายลงไม่น้อย
ดูเหมือนการกระทำเมื่อสักครู่ของเซียวจิ่งหมิงได้สร้างความซาบซึ้งใจแก่เซียวเซ่ออยู่บ้าง
เหมยซูหานเดินเข้ามาหา ยิ้มเรียก “เหมยเหมย…”
เหมยเหมยหันขวับกลับไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย พยักหน้าด้วยความเย็นชา “มีธุระเหรอ?”
อู่เยวี่ยเองก็เรียกตามแต่เหมยเหมยไม่แม้แต่จะมองเธอ ท่าทางช่างเย็นชาเหลือเกิน
อู่เยวี่ยขอบตาแดงก่ำ มองไปทางเหมยซูหานอย่างน่าสงสาร
เหมยซูหานแสร้งทำเป็นไม่เห็น ระยะนี้เขาคิดทบทวนมาหลายวันจนในที่สุดเขาก็เข้าใจสักที ท่าทีแย่ ๆที่เหมยเหมยมีต่อเขาเมื่อก่อนหน้านี้มีความเป็นไปได้ว่าเป็นเพราะอู่เยวี่ย
รักบ้านก็ต้องรักอีกาบนบ้านนั้นไปด้วย แต่พอเกลียดบ้านขึ้นมาก็ต้องเกลียดอีกาไปด้วยเป็นธรรมดา เหมยเหมยเกลียดอู่เยวี่ย ฉะนั้นถึงได้พาลเกลียดคนรอบข้างอู่เยวี่ยไปด้วย มีความเป็นไปได้ที่เขาต้องมาตกที่นั่งลำบากก็เพราะอู่เยวี่ย
แม้จะคิดได้แล้วแต่เหมยซูหานก็ทำใจทอดทิ้งอู่เยวี่ยไม่ได้ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทุกครั้งที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วมักมีสายใยบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ สุดท้ายเขาก็ใจเหี้ยมไม่ลง
…………………….
ตอนที่ 909 บุญคุณให้กำเนิดไม่สู้บุญคุณที่เลี้ยงดู
เหมยซูหานกลัวเหมยเหมยโกรธเลยแกล้งทำเป็นไม่เห็นสายตาที่กำลังโอดครวญของอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยใจดิ่งวูบ เธอสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเหมยซูหานนั่นจึงทำให้เธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
เธอจะเสียเหมยซูหานไปไม่ได้!
นั่นยิ่งทำให้อู่เยวี่ยแค้นเหมยเหมยเข้าไส้ เพราะนางแพศยาคนนี้ ก่อนที่จะมาเมืองหลวงเหมยซูหานทั้งอ่อนโยนและเอาใจใส่เธอแถมยังดูแลเป็นอย่างดี พอมาถึงเมืองหลวงและเห็นนางแพศยาจ้าวเหมยคนนี้เหมยซูหานก็เปลี่ยนไป
ถึงอู่เยวี่ยจะรู้สึกโกรธเกลียดแค่ไหนแต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้า ยังคงยิ้มอ่อนโยนมองดูสง่างาม และทำให้เซียวจิ่งสิงชื่นชมเธอมากกว่าเดิม
พลางคิดว่าจ้าวเหมยไร้มารยาทอย่างที่ข่าวลือว่าจริง ๆ และไม่น่าจะมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ แต่น่าจะเป็นเพราะนิสัยเดิมของเธออยู่แล้ว
ไม่อย่างนั้นแล้วทำไมอู่เยวี่ยถึงได้ดูสง่าอ่อนโยนใจกว้างแบบนี้ ทั้งที่ถูกเลี้ยงดูมาจากพ่อแม่คนเดียวกัน
เหมยซูหานหงุดหงิดอยู่หน่อยที่วันนี้เขาไม่ได้พกของขวัญติดตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นเขาก็คงได้มอบให้กับเหมยเหมยไปแล้ว
“เหมยเหมย ฉันยังไม่ได้สุขสันต์วันเกิดเธอเลย อาจจะอวยพรช้าไปแต่เธออย่าโกรธนะ!”
“ขอบคุณ!”
เหมยเหมยทำหน้าเรียบนิ่งแฝงด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย สร้างความปวดใจแก่เหมยซูหานอยู่ไม่น้อย
เขาอดกลั้นความปวดใจไว้พลางยิ้มกล่าว “ฉันซื้อตุ๊กตาตัวใหญ่ให้เธอตัวหนึ่ง เมื่อก่อนเธอชอบนอนกอดตุ๊กตาไม่ใช่เหรอ? เสียดายที่ฉันไม่ได้เอามาด้วย เหมยเหมยพักอยู่ที่ไหน ฉันจะเอาไปส่งให้”
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ฉันไม่ชอบนอนกอดตุ๊กตาแล้ว นายเอาไปให้คนอื่นเถอะ”
เหมยเหมยปฏิเสธเด็ดขาด เหยียนหมิงซุ่นซื้อตุ๊กตาให้เธอมากพอแล้ว วางจนเต็มไปทั้งเตียงทั้งโซฟา ไม่สนใจตุ๊กตาแค่ตัวเดียวของเหมยซูหานหรอก
อีกอย่างถ้าให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าเธอนอนกอดตุ๊กตาที่ได้มาจากเหมยซูหาน เจ้าคนจิตใจคับแคบคนนี้ต้องหึงแน่ ๆ
เหมยซูหานใจหล่นวูบอีกครั้ง แม้แต่ของขวัญของเขาก็ไม่ยอมรับไว้แล้วหรือ?
“เหมยเหมย เธอไม่เห็นจะต้องปฏิเสธฉันขนาดนี้เลยนี่นา? ฉันแค่อยากให้ของขวัญวันเกิดเธอเท่านั้นเอง”
เหมยซูหานยิ้มเย้ยตัวเอง ในเมื่อพระเจ้าให้เขานึกถึงเรื่องราวในชาติที่แล้วได้ แล้วทำไมไม่ให้เหมยเหมยนึกได้ด้วยล่ะ?
ทำไมต้องให้พวกเขาลำบากตรากตรำกันขนาดนี้?
เหมยซูหานเรียกกำลังใจโดยไม่ย่อท้อ เขาไม่มีวันปล่อยมือจากเหมยเหมย!
ขอแค่มีความตั้งใจ ปัญหาทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี
เพียงแค่เขาใช้ความจริงใจเพิ่มขึ้นพันเท่าร้อยเท่า เหมยเหมยจะต้องใจอ่อนแน่ ๆ
พอเห็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยของเหมยซูหาน ทำเอาเหมยเหมยตาพร่าไปครู่หนึ่ง ราวกับเห็นภาพที่เหมยซูหานให้ของขวัญวันเกิดเธอเมื่อชาติที่แล้ว
ในชาติที่แล้วเหมยซูหานจะฉลองวันเกิดให้เธอทุกปีไม่เคยลืม และของขวัญวันเกิดก็คือตุ๊กตาทุกปี ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่และมีตุ๊กตาหลากหลายรูปแบบต่างกันไป
ในตอนนั้นถึงขนาดว่าเธอมีห้องไว้สำหรับเก็บตุ๊กตาที่เหมยซูหานให้มาโดยเฉพาะจนเกลื่อนเต็มห้องไปหมด แทบจะกลายเป็นมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาอยู่แล้ว
เวลาอารมณ์ไม่ดีเธอจะไปที่ห้องนั้น ให้ตุ๊กตาเหล่านั้นอยู่เป็นเพื่อนและระบายความในใจกับพวกมัน นอกจากนั้นแล้วเธอก็ยังมีแมวสีส้มที่เธอเลี้ยง พวกนั้นล้วนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ
ไม่นานเธอก็ได้สติและตัดบท พูดเสียงเย็นชา “ฉันไม่สนิทอะไรกับนายอยู่แล้ว อีกอย่างนายคือลูกศิษย์ดีเด่นของอู่เจิ้งซือ ฉันก็ยิ่งเป็นเพื่อนกับนายไม่ได้”
อู่เยวี่ยอดพูดไม่ได้ “จ้าวเหมย ยังไงพ่อของฉันก็เลี้ยงเธอมาถึงสิบสองปี ทำไมเธอถึงใจร้ายขนาดนี้?”
เซียวเวยที่กำลังคุยกับโอหยางซานซานไม่รู้เดินมาตั้งแต่เมื่อไรเอ่ยปากพูดทำนองเดียวกัน “นั่นสิ บุญคุณให้กำเนิดไม่สู้บุญคุณเลี้ยงดูนะ คุณหนูจ้าวทำไมถึงใจเหี้ยมได้ขนาดนี้นะ?”
…………………………