ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 914 อ้าปากปุ๊บสุภาษิตมาปั๊บ + ตอนที่ 915 เหมยซูหานที่อยากแข็งแกร่งขึ้น
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 914 อ้าปากปุ๊บสุภาษิตมาปั๊บ + ตอนที่ 915 เหมยซูหานที่อยากแข็งแกร่งขึ้น
ตอนที่ 914 อ้าปากปุ๊บสุภาษิตมาปั๊บ
แม้หูเซียงหลันจะไม่พอใจและยังอยากจะชวนทะเลาะต่อแต่เพียงแค่อาจารย์เซียวถลึงตาใส่ หูเซียงหลันก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยเสียงใดอีก ได้แค่ปิดปากเงียบมองเซียวเซ่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
เซียวเซ่อฉีกยิ้ม “คุณปู่ยุติธรรม…”
อาจารย์เซียวมองเธอครู่หนึ่งด้วยสายตาที่ลึกซึ้งแล้วพูดเสียงเบา “หลานเข้ามาในห้องกับปู่ก่อน ปู่มีเรื่องจะคุยด้วย”
เซียวเซ่อยู่ปากใส่เหมยเหมยเป็นการบอกให้เธอรอตัวเองอยู่ข้างนอก ก่อนที่จะเดินตามหลังอาจารย์เซียวเข้าไปในห้องหนังสือ
เซียวเวยถลึงตาใส่เหมยเหมยอย่างนึกแค้นในใจ กล่าวด้วยเสียงค่อนแคะ “คุณจ้าวกับเซียวเซ่อดูสนิทกันดีนี่ คนประเภทเดียวกันมักอยู่ร่วมกันได้เพราะมีรสนิยมเหมือนกัน ฉันว่าเธอกับเซียวเซ่อก็คงพอ ๆกัน!”
เหมยเหมยยิ้มพูดตาหยี “ฉันกับเซ่อเซ่อเป็นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน แล้วก็จะก้าวหน้าไปด้วยกันก็ต้องเป็นคนประเภทเดียวกันอยู่แล้ว แต่ก็น่าจะดีกว่าคุณเซียวสักนิดหนึ่ง”
เซียวเวยโกรธถึงขีดสุด รอบนี้เธอไม่ได้ระเบิดอารมณ์แต่กลับหัวเราะแทนแล้วพูดเสียงเย้ย “ฉันลืมไปเสียแล้วว่าคุณจ้าวโชกโชนด้านความรัก ประสบการณ์ชีวิตก็ต้องมากกว่าฉันอยู่แล้ว ฉันถกเถียงกับเธอก็เหมือนกำลังหยามตัวเองอยู่สิ ดูท่ามันจะมากเกินไปสำหรับฉัน”
หูเซียงหลันไม่รู้จักเหมยเหมยย่อมไม่รู้ภูมิหลังของครอบครัวเหมยเหมยเลยถามลูกชายเสียงเบาว่าเกิดอะไรขึ้น
เหมยเหมยสีหน้าเยือกเย็น คำพูดเหล่านี้ต้องมาจากโอหยางซานซานแน่นอน เหอะ ผู้หญิงคนนี้ไม่สงบเสงี่ยมเลยจริง ๆ!
เธอปรายตามองเซียวเวยอย่างเยือกเย็นแล้วพูดพลางกลั้วหัวเราะ “คุณเซียวต้องรู้อย่างหนึ่งว่าถ้าคุณเป็นปรปักษ์กับฉันก็เท่ากับกำลังหยามตัวเอง โอหยางซานซานยังไม่อยู่ในสายตาฉันเลย ถ้าคุณเซียวมีสมองสักนิดก็น่าจะนอบน้อมกับฉันหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าทำฉันโกรธละก็ หึ…”
หูเซียงหลันที่ได้รู้สถานะของเหมยเหมยจากลูกชายก็สะดุ้งตกใจ ไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงข้างกายเซียวเซ่อจะเป็นคนใหญ่คนโตขนาดนี้!
ตระกูลเซียวต่อให้มีชื่อเสียงขนาดไหนก็เป็นเพียงตระกูลที่เอาดีในด้านศิลปะ มีเพียงแค่ชื่อเสียงธรรมดา ๆ แต่ไม่ได้มีอำนาจอภิสิทธิ์แต่อย่างใด แล้วจะไปกล้ามีปัญหากับตระกูลจ้าวที่กำลังได้ดิบได้ดีอยู่ได้อย่างไรล่ะ?
หูเซียงหลันถลึงตาใส่ลูกสาวแวบหนึ่งอย่างดุดันแล้วได้แต่ยิ้มเชิงขอโทษต่อเหมยเหมยว่าขอให้เธออย่าถือสากับเซียวเวย
เหมยเหมยแค่นเสียงเย็นกล่าว “คุณนายเซียวสี่สั่งสอนลูกสาวตัวเองให้ดีหน่อยนะคะ อย่าพาคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้าบ้านง่าย ๆ เหมือนที่เขาว่าคบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล นอกเสียจากว่าคุณเซียวก็อยากเป็นเหมือนโอหยางซานซานที่เสื่อมเสียชื่อเสียงจนเลื่องลือไปทั่ว หรือว่าบางทีคุณเซียวก็เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว?”
เซียวเวยอดแย้งไม่ได้ “เธอพูดเหลวไหล ซานซานไม่ใช่คนอย่างนั้น เธอจงใจใส่ร้ายเธอต่างหาก!”
เหมยเหมยยิ้มเย็นยะเยือก “หลักฐานล่ะ? คุณเซียวจะพูดอะไรก็ต้องเอาหลักฐานมาให้ฉันดูสิ อ้าปากพูดจาเหลวไหลอย่างนั้นฉันคงต้องให้ท่านผู้พิพากษาสั่งสอนคุณสักหน่อยแล้ว”
เซียวเซ่อเดินออกมาอย่างเท่โดยมีอาจารย์เซียวเดินตามหลังมา ดูท่าทางว่าจะเรียบร้อยดี
“อะไร? ใครพูดเหลวไหลอะไรกัน?” เซียวเซ่อถาม
เหมยเหมยส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร แค่อยากให้คุณนายสี่สอนลูกสาวตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้กัดคนอื่นไปทั่วเหมือนหมาบ้า”
เซียวเซ่อพูดจิกกัดต่อไปว่า “ผู้ใหญ่ไม่ดีเด็กก็ทำตาม ต้นไม้ต้นใหญ่ยังยืนไม่ตรงด้วยซ้ำแล้วต้นเล็ก ๆจะตรงได้ยังไง?”
เหมยเหมยฟังแล้วรู้สึกขำ ยักไหล่น้อย ๆพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร ต้นไม้ต้นใหญ่สอนไม่ได้ก็ให้ผู้พิพากษาสั่งสอน สังคมในตอนนี้ก็เป็นสังคมที่มีกฎหมาย จะปล่อยให้คนพูดจาเหลวไหลได้อย่างไร!”
เซียวเซ่อพยักหน้า “ใช่ ใช้กฎหมายควบคุมถึงจะยุติธรรม คุณปู่คะ หนูไปแล้วนะ บ๊ายบาย!”
เธอโบกมือให้อาจารย์เซียวแล้วก้าวขายาวเดินออกมาตามด้วยเหมยเหมยที่ขอตัวลาเช่นกัน
ผ่านไปพักใหญ่–
หูเซียงหลันถึงกัดฟันกรอดพูด “เหล่าเซียว เซียวเซ่ออ้าปากปุ๊บก็มีแต่คำพูดสุภาษิตออกมา เมื่อกี้เธอโกหกชัด ๆ!”
…..……………………
ตอนที่ 915 เหมยซูหานที่อยากแข็งแกร่งขึ้น
พวกเหมยเหมยที่เพิ่งจะเดินไปถึงลานหน้าบ้านได้ยินเสียงซักไซ้ของหูเซียงหลันก็อดหัวเราะไม่ได้
“ตอนนี้ไม่แกล้งโง่แล้วหรือไง?” เหมยเหมยถาม
เซียวเซ่อยิ้มพลางหัวเราะคิกคัก “แขกกลับไปหมดแล้วจะแกล้งโง่ทำไมอีก ปู่ฉันก็ใช่ว่าจะไม่รู้สักหน่อย”
คำสุภาษิตบทกลอนกวียุคถังที่เธอรู้ทั้งหมดล้วนถูกสอนโดยอาจารย์เซียว จะโกหกใครก็โกหกได้แต่โกหกอาจารย์เซียวไม่ได้
เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอ “งั้นเธอก็ยังจะจงใจยั่วโมโหปู่เธออีก?”
เซียวเซ่อแค่นเสียง “ใครให้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่รู้จักให้เกียรติแบบนั้นล่ะ หาใครไม่หาดันไปหาปีศาจจิ้งจอกที่หน้าตาคล้ายย่าฉัน แล้วยังเป็นคนสำส่อนแบบนั้นอีก ยั่วยวนคนอื่นไปทั่ว”
เหมยเหมยฟังก็ได้แต่แปลกใจเลยรีบถามว่าเกิดเรื่องอะไร เซียวเซ่อเองก็ไม่คิดปิดบังเธอเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังจนเหมยเหมยส่ายหน้ารัว ๆ
ที่แท้ตอนนั้นที่อาจารย์เซียวยอมแต่งงานกับหูเซียงหลันโดยไม่สนใจชื่อเสียงที่จะเสื่อมเสียสาเหตุหลัก ๆก็เพราะหูเซียงหลันหน้าตาคล้ายคลึงกับคุณย่าเซียวเซ่อ
แน่นอนว่าหนึ่งคนผิวขาวอีกหนึ่งคนผิวเหลือง ต่อให้เหมือนกันแค่ไหนแต่ก็คงได้แค่นั้น
แต่สำหรับอาจารย์เซียวที่คิดถึงสาวในดวงใจจนเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายนั้น เพราะในยุคสมัยที่ยังไม่เปิดกว้างขนาดนี้ การได้เจอหูเซียงหลันนั้นสร้างความสุขให้แก่เขาจนไม่อาจจะถอนตัวได้จากรักอันร้อนแรงของหูเซียงหลัน ไหนจะลูกชายหญิงคู่หนึ่งอีก นับว่าเป็นภรรยาหนึ่งในสี่คนที่ใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างเขายาวนานที่สุด
เรื่องนี้หูเซียงหลันไม่มีทางรู้อยู่แล้ว หากเธอรู้ว่าตนเป็นเพียงตัวแทนของอีกคนก็คงจะไม่ได้ใจอย่างตอนนี้!
เซียวจิ่งหมิงเรียนศิลปะเหมือนเซียวเซ่อย่อมดูออกตั้งแต่แรกถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างหูเซียงหลันกับคุณย่า เซียวเซ่อจึงรู้สึกรังเกียจและไม่เคยทำดีต่อหูเซียงหลันเลย
โดยสาเหตุหลักก็เป็นเพราะหูเซียงหลันไม่สำรวม ฝันอยากให้อาจารย์เซียวยกมรดกทั้งหมดให้ลูกชายลูกสาวของเธอ แล้วมากันท่าพวกเซียวเซ่อราวกับโจรอีก ทั้งยังใส่ร้ายป้ายสีพวกเขาไปทั่ว
หากเธอไม่เป็นแบบนี้เซียวเซ่อก็ไม่มีทางทำถึงขนาดนี้หรอก!
ความเคารพนับถือที่เหมยเหมยมีต่ออาจารย์เซียวลดฮวบลงพลางกล่าว “คุณปู่เธอชั่วจริง ๆ!”
“นั่นน่ะสิ ผู้ชายไม่มีคนไหนดีสักคน ย่าฉันเป็นคนบอก” เซียวเซ่อเห็นด้วยจากใจ
เหมยเหมยแย้ง “ก็ยังพอมีคนดีอยู่ พ่อฉันแล้วก็พี่หมิงซุ่นก็เป็นคนดี เซ่อเซ่อ อนาคตเธอต้องเจอผู้ชายที่ดีกับเธอแน่ ๆ”
เซียวเซ่อกลอกตาใส่เธอพร้อมทำหน้าเหมือนจะคัดค้าน
ทั้งคู่ที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูก็พบกับเหมยซูหานที่เดินปรี่เข้ามา แต่ข้างกายเขากลับไม่ได้มีอู่เยวี่ยอยู่ด้วย มีเพียงเขาคนเดียว ทำให้เหมยเหมยที่เพิ่งก้าวขาออกจากประตูโดนขวางทางไว้ทันที
“เหมยเหมย…”
“เหมยซูหาน ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนายจริง ๆ นายเดินไปตามทางของนาย ฉันก็ไปตามทางของฉัน เราต่างไม่ได้เดินบนทางเส้นเดียวกัน”
เหมยเหมยตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาและหันหน้าเดินขึ้นรถกับเซียวเซ่ออย่างไร้เยื่อใยก่อนที่รถจะพุ่งตัวออกไป
เหมยซูหานยืนมองรถค่อย ๆ หายไปจากสายตานิ่ง ๆ แล้วลอบถอนหายใจเงียบ ๆโดยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อดี
เขาไม่อยากกลับไปที่นั่น และยิ่งไม่อยากเจอคนที่ทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนใจ
แต่เขาจำเป็นที่จะต้องกลับไปเพราะชีวิตของเขากับอู่เยวี่ยอยู่ในกำมือของผู้ชายคนนั้น แล้วก็เหมยเหมย…
หลังจากใช้เวลาอยู่กับชายคนนี้มาตั้งหลายวัน เหมยซูหานก็รู้เป้าหมายของเฮ่อเหลียนเช่อได้ในที่สุด และยังรู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลจ้าวนั้นกำลังร่อแร่ แค่ปู่ของเหมยเหมยล้ม ตระกูลที่แสนจะเฉิดฉายอย่างตระกูลจ้าวก็จะดับลงโดยทันที
ส่วนเหมยเหมยของเขา เป็นไปได้ว่า…
เหมยซูหานไม่กล้าคิดต่อ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพอประเทศชาติล่มสลายครอบครัวแตกหัก เหล่าหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวยต่อให้เป็นถึงเจ้าหญิงจะมีสักกี่คนที่มีจุดจบที่ดีกัน?
ไม่ได้ เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น ต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้!
เขาจะต้องปกป้องเหมยเหมย!
เฮ่อเหลียนเช่อคือทางลัดของเขา เพื่อเหมยเหมยเขาก็ต้องอยู่ข้างเจ้าโรคจิตคนนี้ต่อไป
……………………..