ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 930 ลูบหัวด้วยความเอ็นดู + ตอนที่ 931 บุคคลอันใกล้ตาย
ตอนที่ 930 ลูบหัวด้วยความเอ็นดู
ทั้งคู่ก็แสดงความรักหวานหยดย้อยอยู่ริมแม่น้ำครู่ใหญ่ ๆ พระอาทิตย์ค่อย ๆตกลับขอบฟ้าไป พวกเขาถึงเตรียมตัวกลับบ้าน
เหมยเหมยกำชับวิธีการใช้ยาน้ำไปว่า “สามวันดื่มหกหยด นี่คือจำนวนของหนึ่งเดือน พี่ห้ามลืมเด็ดขาดเลยนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นบีบจมูกของหญิงสาว พูดยิ้ม ๆว่า “มีแม่บ้านตัวน้อยอย่างเธออยู่ พี่จะลืมได้ยังไงกัน!”
เหมยเหมยมองค้อนเขาอย่างน่ารัก ตัวเองก็อดไม่ได้จึงหลุดหัวเราะออกมาเหมือนกัน
เหยียนหมิงซุ่นรับขวดหยกมาเก็บเอาไว้อย่างดี เมื่อครู่เหมยเหมยบอกถึงความเป็นมาของยาน้ำนี้แล้ว แต่เขารู้ว่าคำพูดพวกนี้คงจริงครึ่งโกหกครึ่ง
แต่ผลลัพธ์ของยาน้ำนี้ไม่ต้องสงสัยเลย เขาเพิ่งจะได้รับประสบการณ์มาแล้วด้วยตัวเอง
แต่ว่ายาสมุนไพรนี้คงไม่ใช่เหมยเหมยหาเจอบนเขาด้วยตัวเองแน่นอน ถ้าหากเขาเดาไม่ผิดล่ะก็ ——
เหยียนหมิงซุ่นชำเลืองมองฉิวฉิวในกระเป๋าเป้ของเหมยเหมยที่กำลังกัดถั่ววอลนัทแวบหนึ่ง ความเป็นมาของเจ้านี่ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ!
ตอนกลางคืนวันนั้นที่สโมสร ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉิวฉิวและฉาฉากัดเฮ่อเหลียนเช่อไปทีหนึ่งแล้วล่ะก็ พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถหนีออกมาได้อย่างสบายๆ เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือไปลูบหัวของฉิวฉิวเบา ๆแล้วหยิบช็อกโกแลตออกมาจากในกระเป๋าเม็ดหนึ่ง ปอกเปลือกกระดาษน้ำตาลออกแล้วส่งเข้าปากของฉิวฉิว
ฉิวฉิวตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งช็อกโกแลตละลายในปาก มันถึงเพิ่งจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา…
แม้จ้าวโว้ย นายผู้ชายเพิ่งจะลูบหัวมันด้วยความรักและเอ็นดู!
อีกทั้งยังป้อนช็อกโกแลตให้มันอีก!
ทำไมมันถึงได้ซาบซึ้งใจขนาดนี้?
มันดูถูกตัวเองเกินไปหรือเปล่า?
เหยียนหมิงซุ่นไหนเลยจะรู้ว่าแค่ลูบหัวกับป้อนช็อกโกแลตธรรมดาให้มัน เจ้าหมอนี่จะถึงขั้นคิดไปไกลขนาดนั้น ช่างเป็นดราม่าควีนตัวน้อยเสียจริง!
ฟาร์มที่เฮ่อเหลียนชิงอยู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำ ขับรถประมาณสิบกว่านาทีก็ถึง ของขวัญซื้อไว้ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วมีเพียงผลไม้เท่านั้น
เพราะว่าเฮ่อเหลียนชิงไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ
“อย่าเครียด เขาไม่ทำอะไรเธอหรอก มีพี่อยู่!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบใจเหมยเหมยที่มีอาการตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ มือสองข้างบีบแน่น ร่างกายก็ตึงเครียดไปหมด ดูแล้วน่าสงสารเสียจริง
เหมยเหมยพยักหน้า แต่เธอก็ยังทำหน้าตึงเครียด ร่างกายไม่รับการควบคุมจากสมองของเธอเลยนี่นา!
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอย่างจนปัญญา ก้มหัวลงไปพูดลวนลามข้างหูของเธอเบา ๆว่า “อยากให้พี่จูบใช่ไหมเธอถึงจะผ่อนคลาย?”
เหมยเหมยตัวสั่น แล้วก็ส่ายหน้าระรัว “ไม่ต้องไม่ต้อง…อีกเดี๋ยวฉันก็ผ่อนคลายแล้ว…”
พระเจ้า นี่มันกลางถนนนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ถนนใหญ่แต่ข้าง ๆถนนก็มียังเกษตรกรสองถึงสามคนเลยนะ ถ้าหากให้พวกเขาเห็นเข้าละก็เธอจะมีหน้าที่ไหนไปเจอเล่า?
แต่ถึงแม้ว่าปากจะพูดไปแบบนั้น ร่างกายของเธอยังคงตึงเครียดอยู่ กำมือแน่น เหยียนหมิงซุ่นลูบหน้าผากถอนหายใจ ตึงเครียดแบบนี้เขามองจนเหนื่อยแทนแล้วแต่ก็จนปัญญา ต้องใช้ไม้ตายซะแล้ว ——
“เหมยเหมย เมื่อครู่เธอแอบดูพี่อาบน้ำใช่หรือไม่?”
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเสียงต่ำ พ่นลมหายใจร้อน ๆไปที่หูขาวๆของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า สีแดงแผ่กระจายอย่างรวดเร็วจากใบหู…แก้ม…ใบหน้า…ไปทั่วทั้งตัว
“มีที่ไหน…พี่พูดมั่วแล้ว ฉันไม่ได้แอบดูพี่อาบน้ำนะ…เปล่าเลย…พี่ข่วยขับรถให้มันตั้งใจหน่อย พี่ดูข้างหน้ามีวัวอยู่นะ แล้วยังจะไม่ดูทางอีกอีก!”
เหมยเหมยตะโกนเสียงดังและยังสั่งให้เหยียนหมิงซุ่นหมุนพวงมาลัย เพื่อเบี่ยงหลบวัวสีเหลืองแก่ ๆที่เดินไปตามถนน แล้วถึงจะพิงเบาะด้วยความสบายใจพลางพรูลมหายใจออกมา
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองแอบดูผู้ชายอาบน้ำแน่นอน!
เวลานี้เธอยังไม่ค้นพบว่าตัวเองเอนตัวด้วยความเกียจคร้าน ไม่ได้มีความตึงเครียดและความกังวลเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
เฮ่อเหลียนชิงยังพักอยู่ใต้เถาองุ่น การนอนกลางวันเมื่อครู่เป็นการนอนที่ไม่ค่อยดีงามเสียเท่าไร ผู้หญิงในฝันคนนั้นปรากฎตัวออกมาอีกแล้ว ทั้งร่างมีแต่เลือดสีแดงสด…
“นายท่าน คุณหมิงและคุณหนูจ้าวมาแล้ว ให้ผมส่งพวกเขาไปห้องรับแขกไหมครับ?” ลูกน้องถาม
“ไม่ต้อง พาพวกเขามาที่นี่!”
สีหน้าของเฮ่อเหลียนชิงดุดัน น้ำเสียงเย็นชา ลูกน้องแอบมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาแทนเหมยเหมยอย่างอดไม่ได้
………………………………………….
ตอนที่ 931 บุคคลอันใกล้ตาย
ในช่วงเวลาที่เหมยเหมยได้เห็นวิวที่สวยงามของสวนฟาร์มบ้านไร่ในชนบทแห่งนี้ ความตื่นเต้นภายในใจก็ได้สงบลง และความรู้สึกกลัวที่มีต่อเฮ่อเหลียนชิงก็คลายลงไปมาก
ฤๅษีที่อาศัยอยู่ในป่าอย่างสันโดษนั้น ไม่ได้เป็นเพราะไม่แยแสต่อชื่อเสียงเงินทองหรือลาภยศ แต่อาจเป็นการวางแผนระยะยาวโดยไม่รับหวังผลตอบแทน เฉกเช่นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างจูกัดเหลียง[1]
แต่คนอย่างเฮ่อเหลียนชิงนั้นกลับทำที่อยู่อาศัยของตนเองให้กลายเป็นเป็นฟาร์ม และมันก็ดูกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมแถวนั้น แต่นั่นไม่ได้เป็นความคิดที่ถ่ายทอดออกมาจากจิตใจแต่อย่างใด ความจริงแล้วนิสัยใจคอของคนเรามักจะถูกถ่ายทอดออกมาจากหลายสิ่งหลายอย่างให้ได้เห็น ดั่งเช่น ภาพวาด หรือแม้แต่ที่อยู่อาศัย
ที่แห่งนี้เป็นฟาร์มของเฮ่อเหลียนชิง สิ่งที่ทำให้เหมยเหมยสัมผัสและรับรู้ได้มากที่สุด นั่นคือการที่เจ้าของฟาร์มได้ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรจริง ๆเสียแล้ว อีกทั้งเขายังทุ่มเทอย่างหนักในการบริหารจัดการกับฟาร์มแห่งนี้
เธอสัมผัสได้ถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านั้น และเพราะเหตุนี้จึงทำให้เธอรู้สึกสงบลง
เธอได้บอกความรู้สึกภายในใจของตัวเองให้เหยียนหมิงซุ่นฟัง และนั่นก็ทำให้เขาแสดงท่าทีบางอย่างก่อนที่จะนิ่งไป จากนั้นถึงได้ยื่นมือไปลูบที่ศีรษะของเธอ พร้อมทั้งฝืนยิ้มและเอ่ยขึ้น “ความรู้สึกของเธอช่างไวเสียจริง ๆ”
ให้เหมยเหมยเข้าใจผิดไปแบบนั้นแหละดีแล้ว อีกสักพักหากเธอได้พบกับเฮ่อเหลียนชิงจะได้ช่วยลดความกลัวที่อาจจะทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะกินข้าว
คนอย่างเฮ่อเหลียนชิงที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น ทั้งยังจัดการโดยไม่เลือกวิธี จะเป็นดั่งฤๅษีที่ไม่แยแสต่อชื่อเสียงเงินทองหรือลาภยศแล้วใช้ชีวิตอย่างชาวบ้านชาวไร่ไปได้อย่างไร?
ฟาร์มแห่งนี้เขาตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อเป็นแค่ฉากบังหน้าต่อนายใหญ่และคนอื่น ๆก็เท่านั้น และยังต้องการให้คนอื่นเข้าใจผิดเหมือนกับเหมยเหมย เพื่อลดความระแวงที่มีต่อตัวเขาลง
เหมยเหมยได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากเหยียนหมิงซุ่น จิตใจจึงสงบนิ่งมากกว่าเดิม จังหวะเท้าที่ก้าวเดินดูคล่องแคล่วมากขึ้น อีกทั้งยังดูสุขุมเป็นอย่างมาก
“คุณชายหมิง คุณท่านให้คุณและคุณหนูจ้าวไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง ท่านรอพวกคุณอยู่ที่นั่น” มีคนเดินเข้ามาบอก
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็จูงมือเหมยเหมยเดินไปยังสวนดอกไม้หลังบ้าน
ในความเป็นจริงเรียกว่าสวนผักน่าจะเหมาะสมมากกว่า เพราะในสวนแห่งนี้ปลูกแต่ผักสด ซึ่งมีแต่ต้นหอม ขิง กระเทียม ผักกุยช่าย และพืชไม้เลื้อยจำพวกแตงขึ้นชื่อต่าง ๆ ปลูกเต็มไปทั่วทั้งพื้นที่ ทั้งยังออกดอกออกผลเต็มไปหมด
ภายใต้ชั้นวางที่เต็มไปด้วยองุ่น เฮ่อเหลียนชิงที่กำลังหันหลังให้กับพวกเขา โดยมีคนยืนขนาบอยู่ด้านข้าง เมื่อมองเห็นพวกเขาจึงก้มตัวลงแล้วกระซิบที่ข้างหูของเฮ่อเหลียนชิง เฮ่อเหลียนชิงจึงค่อย ๆ หันกลับมา
บุคคลที่ใกล้ตาย…
นี่คือความรู้สึกเดียวที่เหมยเหมยมีต่อเฮ่อเหลียนชิง ผอมจนดูไม่ได้ ผิวขาวซีดทะลุปรุโปร่ง จนทำให้เห็นถึงเส้นเลือดสีเขียวจาง มิหนำซ้ำอากาศร้อนแบบนี้ยังใส่เสื้อคลุมตัวบางอีก ช่างดูไร้ซึ่งชีวิตชีวา
“คุณพ่อ นี่คือเหมยเหมย” เหยียนหมิงซุ่นแนะนำ
เหมยเหมยทำความเคารพด้วยความนอบน้อมอย่างรวดเร็ว “ลุงเฮ่อเหลียน สวัสดีค่ะ!”
เฮ่อเหลียนชิงตีหน้านิ่ง น้ำเสียงแหลมสูงเปล่งออกมา “ใครให้เธอเรียกฉันว่าลุง เรียกคุณท่าน!”
เหมยเหมยร่างกายสั่นเทิ้ม พอรู้สึกตัวจึงขยับเข้าใกล้เหยียนหมิงซุ่น เฮ่อเหลียนชิงเห็นดังนั้นก็ยิ่งโมโห กลางวันแสก ๆ ต่อหน้าคนจำนวนมากยังกล้ากอดกันตัวเป็นเกลียว
“ยืนให้มันตรง ๆหน่อย” เป็นอีกครั้งที่ตะโกนออกไป
เหมยเหมยยืดตัวยืนตรงด้วยความตกใจ ในหัวของเธอนั้นรู้สึกไม่พอใจต่อเรื่องที่เกิดอยู่นี่เอามาก
เมื่อครู่หัวสมองของเธอต้องถูกเจ้าฮิปโปถีบจนเลอะเลือนไปแล้วแน่ ๆ
แม่เจ้า ฤๅษีตัวจริงที่ไม่แยแสต่อชื่อเสียงเงินทองหรือลาภยศที่ไหนกันล่ะ เป็นแค่ไอ้คนบ้าชัด ๆ
“คุณกินดินปืนเข้าไปหรือไง? ทำไมต้องดุเหมยเหมยด้วย?”
เหยียนหมิงซุ่นที่เห็นก็รู้สึกสงสาร จึงเอาตัวมาบังหน้าเหมยเหมย จากนั้นก็จ้องเฮ่อเหลียนชิงอย่างไม่พอใจ
เฮ่อเหลียนชิงมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างเย้ยหยัน จากนั้นชี้หน้าเหมยเหมยและพูด “คบหาผู้หญิงสำส่อนแบบนี้ ระวังจะถูกสวมเขาเข้าให้ล่ะ เลิกกันตอนนี้ยังไม่ถือว่าสาย วันหลังฉันจะหาคนที่ดีกว่านี้มาให้แก”
เหมยเหมยที่ได้ยินดังนั้นจึงโมโหขึ้นมา คนสำส่อนนี่อะไรกัน?
ไหนจะสวมเขาให้อีก?
“คุณพูดจาไร้สาระ ตาข้างไหนของคุณที่มองว่าฉันเป็นคนสำส่อนล่ะ ห๊ะ? แล้วฉันไปสวมเขาให้พี่หมิงซุ่นตอนไหน? พูดออกมาให้ชัดเจน เมื่อไหร่ที่ไหนกับใคร?”
เหมยเหมยดันเหยียนหมิงซุ่นออกไปอย่างทันที ไฟโทสะขนาดใหญ่ที่กำลังลุกโชนเปล่งเสียงคำรามใส่เฮ่อเหลียนชิง
ฝูงลูกเจี๊ยบที่กำลังเสาะหาแมลงอย่างสำราญใจในสวนด้านหลังต่างพากันตกใจ…
……………………………………………………………………
[1] เป็นที่รู้จักในนามของ ขงเบ้ง โดยมีฉายาว่า มังกรหลับ โดยในช่วงปลายราชวงค์ฮั่นหรือหลังราชวงค์ฮั่นของจีน ได้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านยุทธนาการของพระเจ้าเล่าปี่ในตำแหน่งสมุหนายกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งจ๊กก๊ก อีกทั้งยังมีความสามารถในด้านการเมือง การทูต นักปราชญ์ วิศวกร และได้ชื่อว่าเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นคนสำคัญ อาทิ โคมลอยและระบบชลประทาน