ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 932 เกลียดการแสดงความรักที่สุด + ตอนที่ 933 กินเนื้อเสริมสร้างเนื้อ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 932 เกลียดการแสดงความรักที่สุด + ตอนที่ 933 กินเนื้อเสริมสร้างเนื้อ
ตอนที่ 932 เกลียดการแสดงความรักที่สุด
บรรดาลูกน้องของเฮ่อเหลียนชิงต่างตกใจอ้าปากค้างจนแทบจะหุบปากไม่ลง
แม่เจ้าโว้ย เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวช่างใจกล้าจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าตะโกนใส่หน้านายท่านแบบนี้!
ครั้งสุดท้ายที่มีคนโง่เขลาตะโกนใส่หน้านายท่านเช่นนี้ หญ้าบนหลุมศพคงถูกสายลมของฤดูใบไม้ผลิพัดพาไปหลายต่อหลายครั้งแล้วล่ะ!
เหยียนหมิงซุ่นเองก็ตกใจสุดขีด เขาพยายามจะรั้งเหมยเหมยเอาไว้
แต่คนที่ฆ่าได้หยามไม่ได้อย่างเหมยเหมยมีหรือที่จะยอม กลับกันเธอกลับยิ่งตะโกนใส่ “ปล่อยฉันนะ วันนี้จะต้องพูดกันให้รู้เรื่อง เขามีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายว่าฉันเป็นคนสำส่อน? ทั้งยังบอกว่าฉันกำลังสวมเขาอีก คิดว่าฉันฟังสำนวนจีนไม่ออกหรือไง?”
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอและเซียวเซ่อเพิ่งไปจัดการกับหูเซียงหลันมา คนสำส่อนคำนี้เปรียบเสมือนชนวนก็มิปาน เพียงฉับพลันก็สามารถจุดประกายสายฟ้าแห่งความเกรี้ยวกราดของเหมยเหมยได้
เฮ่อเหลียนชิงมองเหมยเหมยที่มีท่าทีราวกับแม่เสือด้วยสายตาเหลือเชื่อ อายุไม่มาก แต่ไฟโทสะกลับไม่น้อยเลย!
“แม่สาวน้อยช่างเข้าใจไม่น้อยเลยนี่!”
เหมยเหมยสบถไปที “คำพูดที่คนอื่นกำลังด่าฉันอยู่ หากว่าฉันไม่เข้าใจก็คงโง่จนต้องไปซื้อเต้าหู้สักก้อนมาแล้วชนให้ตายเสียแล้วล่ะ!”
เฮ่อเหลียนชิงกระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ชี้ไปยังโต๊ะหินด้านข้างและเอ่ยขึ้น “ชนเต้าหู้ก้อนหนึ่งคงไม่ตาย ไม่งั้นเธอก็ลองพุ่งชนโต๊ะหินสิ หากว่ายังไม่ตายอีกฉันจะให้คนมาช่วยเหยียบซ้ำให้!”
สำหรับบุคคลตรงหน้าแล้ว หากพูดถึงการฆ่าคนก็คงเหมือนกับการเชือดไก่ ไม่สิ ง่ายกว่าการเชือดไก่เสียอีก ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองด้วยซ้ำ!
ความรู้สึกหนาวเหน็บได้ทะลักขึ้นมาจากใจ ในเวลานี้เธอถึงได้รู้สึกกลัวขึ้นมา ชายผู้นี้ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น!
“น้ำไม่ได้เข้าสมองของฉันสักหน่อย ทำไมฉันจะต้องโง่แล้วพุ่งชนโต๊ะหินด้วย…”
เมื่อครู่ยังมีความกล้าทะลุฟ้า เพียงชั่วขณะก็หดหายไปเสียแล้ว เหมยเหมยหดตัวถอยไปอยู่ด้านหลังของเหยียนหมิงซุ่นด้วยร่างกายอันสั่นเทา
ทำไมเธอถึงได้ลืมเรื่องที่ชายผู้นี้เป็นพ่อของเฮ่อเหลียนเซ่อไปเสียได้?
ต่อให้ไม่ใช่พ่อแท้ ๆแต่นั่นก็เพียงพอที่จะเลี้ยงให้เฮ่อเหลียนเช่อมีท่าทีวิปริตแบบนั้นได้ จะเห็นได้ว่าเฮ่อเหลียนชิงเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก!
มิหนำซ้ำในตอนนี้เธอยังเหยียบอยู่ในเขตพื้นที่ของเขาเสียด้วย ชายวิปริตผู้นี้อาจจะฆ่าเธอให้ตาย แล้วทุบเศษกระดูกจนไม่เหลือซาก…ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเอาไปทำเป็นปุ๋ยให้กับผักในสวนของเขาก็ได้…
เหมยเหมยที่มีจินตนาการเหลือล้นนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกลัวจนยืนโอนเอนไปมา เหยียนหมิงซุ่นเห็นดังนั้นจึงนึกขำ จากนั้นจึงยื่นมือเข้าไปประคองตัวเธอเอาไว้
เมื่อครู่ยังดุร้ายราวกับแม่เสือสาว แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวเสียแล้ว
เฮ่อเหลียนชิงที่เห็นท่าทีไม่เอาไหนของเหมยเหมย จึงสบถออกไปอย่างเยาะเย้ย ซึ่งเขาเองก็เบื่อที่จะเย้าแหย่เธอแล้วด้วย จึงได้เรียกให้คนมาจัดโต๊ะอาหาร
“ไม่ต้องกลัวนะ คุณพ่อแค่ตั้งใจจะทำให้เธอตกใจก็เท่านั้นเอง”
เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเบาเพื่อเป็นการปลอบใจเหมยเหมยที่มีท่าทีอกสั่นขวัญผวา ช่างน่าสงสารเสียจริง แถมอากาศก็ยังร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลไคลย้อย
“แต่เขาบอกว่าเขาไม่ยอมให้ฉันกับพี่คบกัน ทั้งยังบอกว่าจะแนะนำคนที่ดีกว่าให้ด้วย…” เหมยเหมยพูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเส้นทางความรักระหว่างเธอและเหยียนหมิงซุ่นนั้น ต้องพบเจอกับหินก้อนแรกที่กีดขวาง อีกทั้งยังคาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนวิปริตอย่างเฮ่อเหลียนชิง
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ คุมโทนเสียงให้เบาลงและพูด “ต่อให้จิ่วเทียนเสวียนนี่[1]ลงมายังโลกมนุษย์ ก็ไม่ดีเท่าเหมยเหมย พี่ไม่ต้องการใครหน้าไหน ต้องการแค่เธอ…”
เหมยเหมยรู้สึกเบาใจขึ้นในทันที เพียงฉับพลันความรู้สึกกลัวก็ได้มลายหายไป จากนั้นจึงส่งยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างงดงาม
เฮ่อเหลียนชิงขมวดคิ้วแน่น ไม่พอใจเป็นอย่างมากที่คู่รักหนุ่มสาวทำเหมือนรอบข้างไร้ผู้คน เห็นเขาเป็นคนตายแล้วหรือไง?
ออดอ้อนออเซาะต่อหน้าเขาแบบนี้ จีบกันอยู่ได้ แถมเสียงพูดเสียงเบาขนาดนั้น จงใจที่จะไม่ให้เขาได้ยินใช่ไหม?
“กลางวันแสก ๆ แบบนี้พูดจาให้มันเสียงดังฟังชัดหน่อย ทำทีลับ ๆล่อ ๆ แล้วก็อย่าอยู่ใกล้กันให้มาก ตัวติดกันขนาดนี้มันใช้ได้ที่ไหน!”
เฮ่อเหลียนชิงออกปากตำหนิ สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือการแสดงความรักต่อหน้าเขา มิหนำซ้ำยังเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ มันทำให้เขาย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นทุกครั้ง
ในช่วงเวลานั้น เขาและผู้หญิงคนนั้นก็เป็นดั่งคู่รักที่ฟ้าประทานมา ซึ่งใคร ๆต่างก็พากันอิจฉามิใช่หรือ?
…………………………………………………………….
ตอนที่ 933 กินเนื้อเสริมสร้างเนื้อ
เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นจำต้องถอยห่างจากกันเล็กน้อย เธอหันหน้ากลับมาพร้อมทั้งยกมือบังหน้าเอาไว้ จากนั้นก็ทำหน้าตลกเพื่อเย้าหยอกเหยียนหมิงซุ่นและลูกน้องคนอื่น ๆ
เฮ่อเหลียนชิงจึงสบถเสียงขรึมไปที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่เร่งให้คนยกสำรับข้าวปลาอาหารมาวางให้ครบ นับว่าประสิทธิภาพในการทำงานของพ่อครัวประจำฟาร์มแห่งนี้มีสูงมาก เพราะไม่นานอาหารกลิ่นหอมตลบอบอวลหน้าตาน่ารับประทานก็ถูกจัดวางจนเต็มโต๊ะหิน
ที่เห็นก็เป็นเพียงแค่เมนูประจำบ้านธรรมดาทั่วไป อาทิ ต้มจืดหมูมะระ ผัดวุ้นเส้นใส่ไข่ ต้มฟักกระดูกหมู ผัดผักบุ้งกระเทียมสับ กุยช่ายผัดฟักทอง ผัดเผ็ดหอยขมหลัวซือ[2] ปลาซิวทอดกรอบ และยังมีไก่นึ่งชามใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วสารทิศ
“ผักพวกนี้ปลูกกันเองในฟาร์ม คุณหนูจ้าวทานให้อร่อยนะครับ” ชายวัยกลางคนที่ยกสำรับอาหารเข้ามาวาง ได้ส่งยิ้มให้พร้อมกับพูดบอกกล่าว
“หอมมากเลย ขอบคุณค่ะ!” เหมยเหมยขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มให้
เมื่อเทียบกับเฮ่อเหลียนชิง ทุกคนในฟาร์มแห่งนี้ต่างแสดงออกถึงความรักใคร่กลมเกลียว สนิทชิดเชื้อราวกับเทวดาลงมาจุติ!
“พี่หมิงซุ่น เจ้าหอยขมนี่อร่อยมาก ปลาซิวทอดนี่ก็อร่อย ทั้งหอมทั้งกรอบ พี่กินเยอะ ๆสิ”
จากตอนแรกที่ยังมีความเก้อเขินอยู่บ้าง อีกทั้งตรงหน้าของเธอนั้นยังมีชายแก่วิปริตคนหนึ่งที่นั่งทำหน้าเคร่งขรึมไร้ชีวิตชีวาราวกับซากศพอยู่ด้วย!
แต่อาหารเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจของคนเราได้ เพียงชั่วพริบตาอาหารอันโอชะพวกนี้ก็ได้ทำให้เหมยเหมยลบเลือนความกลัวไปได้ จนกล้าที่จะลงมือกิน
“ซู้ด…”
การดูดหอยขมเป็นสิ่งที่เหมยเหมยถนัดที่สุด เป็นเพราะที่บ้านเกิดของเหยียนซินหย่านั้นชื่นชอบการกินหอยขมเป็นไหน ๆ นับว่าเป็นอาหารที่จะต้องมีอยู่ในแทบทุกมื้อของอาหาร
เหยียนซินหย่าเองก็ชอบทำเมื่ออยู่ที่บ้าน ครั้งแรกที่กินเธอยังต้องใช้ไม้จิ้มฟันเป็นตัวช่วย แต่ในตอนนี้เธอสามารถดูดออกมาได้อย่างง่ายดาย
ใช้ตะเกียบคีบส่วนปลายของก้นหอยขม ปากชิดพอดีกับตำแหน่งปากหอย ปลายลิ้นกดต่ำ ออกแรงดูดเล็กน้อย เนื้อหอยขมก็จะค่อย ๆหลุดออกมา จากนั้นค่อยใช้ฟันกัดลำไส้ที่อยู่ติดกับเนื้อส่วนปลายให้ขาด เนื้อหอยขมที่แสนอร่อยก็จะเข้ามาในปากได้อย่างง่ายดาย
หนึ่งวินาทีต่อหนึ่งตัว ไม่มีหอยขมแม้แต่ตัวเดียวที่เธอดูดไม่ออก
“อร่อยจริง ๆ พี่หมิงซุ่นไม่กินเหรอ? อร่อยมากเลยนะ”
เหมยเหมยดูดกินต่อกันนับสิบกว่าตัว เผ็ดจนปากเล็ก ๆของเธอแดงเจ่อ สูดปากเผ็ดซี๊ด แต่ยิ่งกินก็ยิ่งได้อรรถรส
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้กระตือรือร้นกับการกินหอยขมสักเท่าไหร่ เขาไม่ชอบที่เนื้อหอยขมมีน้อยเกินไป จานใหญ่ขนาดนั้นมีเนื้อให้กินแค่นิดเดียว มันเสียเวลา
“ไม่ค่อยชอบกินสักเท่าไหร่ เธอซดน้ำแกงด้วยสิ ระวังจะเป็นร้อนในล่ะ”
เหยียนหมิงซุ่นตักต้มมะระให้เหมยเหมยหนึ่งถ้วย อมยิ้มและจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าที่กินอย่างเอร็ดอร่อย แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ชอบกินหอยขมแต่กลับชอบที่จะมองเหมยเหมยกิน
โดยเฉพาะจังหวะที่ปากเล็ก ๆของสาวน้อยขยับและดูดเบา ๆอยู่แบบนั้น เขายิ่งรู้สึกว่ามันน่ามองเป็นพิเศษ ทั้งยังอดคิดไม่ได้ว่าหากหอยขมนั่นเป็นปากของตนก็คงจะดี!
เหมยเหมยซดน้ำแกงไปหนึ่งถ้วย พร้อมกับคีบน่องไก่ส่งให้เหยียนหมิงซุ่น “พี่หมิงซุ่นกินเนื้อเยอะ ๆล่ะ”
เฮ่อเหลียนชิงตีหน้านิ่งขรึม น่องไก่ทั้งหมดมีแค่สองชิ้น ชิ้นหนึ่งให้ชายหนุ่มไป แน่นอนว่าอีกหนึ่งชิ้นเธอก็คงจะกินเอง
นี่เห็นว่าเขาได้ตายไปแล้วหรือไง?
แน่นอนว่าความจริงเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรกับน่องไก่เลย เพราะการกินอาหารในแต่ละวันก็มีขีดจำกัดอยู่แล้ว ต่อให้อาหารจะถูกจัดวางจนเต็มโต๊ะอยู่ตรงหน้าของเขา ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยเรียกน้ำย่อยให้เขาได้เลย
เพียงแต่ภาพที่เหมยเหมยกำลังกินหอยขมอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ กลับกระตุ้นต่อมเรียกน้ำย่อยของเขาขึ้นมาเล็กน้อย เขานึกอยากลองชิมหอยขมตัวเล็กนี่ดูว่าจะมีรสชาติอย่างไร
เหมยเหมยที่คีบน่องไก่ไว้หนึ่งชิ้น ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะรวบรวมเอาความกล้าออกมา แล้วคีบน่องไก่ที่เหลืออีกหนึ่งชิ้นวางลงในจานของเฮ่อเหลียนชิง
ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ เธอต้องใจกว้างหน่อย ไม่ควรใจแคบจนเกินไป!
“คุณก็ทานเนื้อเยอะ ๆนะคะ ทานอะไรก็บำรุงส่วนนั้น หากกินเนื้อเข้าไปแน่นอนว่าต้องเสริมสร้างเนื้อ!”
เฮ่อเหลียนตกตะลึงอยู่ไม่น้อย การกระทำของเหมยเหมยนั้นดูเกินคาดไปจากความคิดของเขา
เขาเบะปากใส่ไปที เธอต้องจงใจเล่นละครให้เหยียนหมิงซุ่นดูแน่ ๆ เป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่มักจะเล่นละครเก่ง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวย ๆนั้นนับว่าเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เกิด
แต่ถึงอย่างไรเขาก็กัดกินน่องไก่เข้าไปหนึ่งคำ เนื้อไก่ที่ถูกนึ่งจนเกือบเปื่อยกำลังดี แทบจะไม่ต้องเคี้ยวอะไรให้มากก็สามารถกลืนเข้าไปได้เลย
……………………………………………
[1] เป็นเทวนารีที่ปรากฏแต่โบราณกาลตามความเชื่อปรัมปราของจีนและเป็นที่นิยมบูชาในลัทธิเต๋าตามตำนานได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทวนารีผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ทั้งเก้าชั้น
[2] หอยชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภท หอยขมหรือหอยจุ๊บ