ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 946 เสือกระดาษ + ตอนที่ 947 มีชีวิตอยู่ได้ไม่ง่ายเลย
ตอนที่ 946 เสือกระดาษ
เฮ่อเหลียนชิงที่ทานข้าวไปครึ่งถ้วยใหญ่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากและใบหน้าที่ดูอิดโรยกลับดูสดใสขึ้น เขาทานช้า ๆไม่รีบร้อนแล้วแสร้งถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “ช่วงนี้หมิงซุ่นฝึกเป็นยังไงบ้าง ไหวไหม?”
“ก็ดี พอไหวครับ” เหยียนหมิงซุ่นตอบตามความจริง
“ได้ยินว่าแกฝึกทุกรายการผ่านหมดแล้ว?” เฮ่อเหลียนถามเปิดประเด็น
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า รายการฝึกที่เมื่อก่อนเขาเคยเห็นว่ามันโรคจิตเหลือเกิน ตอนนี้สำหรับเขาแล้วมันง่ายเสมือนแค่การวิ่ง
เฮ่อเหลียนชิงถามอีก “แกไม่คิดว่ารายการฝึกพวกนี้มันโรคจิตมากเหรอ?”
เหยียนหมิงซุ่นหน้านิ่งเหมือนเดิม เขาเตรียมคำตอบไว้อธิบายนานแล้วเลยตอบสบาย ๆ “ไม่ครับ เพราะผมสามารถทำมันสำเร็จได้สบายมาก รายการฝึกพวกนี้สำหรับผมแล้วไม่ได้เป็นเรื่องยากเลยสักนิด”
เฮ่อเหลียนชิงยิ้ม ถามเสียงเข้ม “มั่นใจไม่น้อย คิดว่าเพราะอะไร?”
เหยียนหมิงซุ่นตอบอย่างมั่นใจ “เพราะผมฝึกวิชากำลังภายในมาตั้งแต่เด็ก รายการฝึกที่ท่านคิดว่ายาก สำหรับผมแล้วเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย”
ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหยิบอิฐก้อนหนึ่งจากสวนผัก ใช้มือข้างซ้ายกำไว้ครึ่งหนึ่ง รวบรวมพลังไว้ที่มือขวาแล้วสับลงไปก่อนที่ก้อนอิฐจะแตกออกเป็นสองซีก
เหมยเหมยตกตะลึงอ้าปากเป็นรูปวงกลม เอ่ยปากชมไม่หยุด “เก่งจังเลย!”
เฮ่อเหลียนชิงตอบเสียงเรียบ “นี่ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร คนที่แรงเยอะหน่อยก็ทำได้”
เหมยเหมยได้ยินก็รู้สึกไม่สบายใจจนอดเถียงกลับไปไม่ได้ “คุณเป็นคนพูดก็ไม่รู้สึกสิ ทำไมไม่ลองดูเองล่ะ? อย่าว่าแต่ผ่าเป็นสองซีกเลย ฉันว่าคุณกะเทาะให้มีรอยแตกไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
เฮ่อเหลียนชิงมองเหมยเหมยด้วยสายตาเย็นชา ในอดีตคนที่โดนสายตาเขามองแบบนี้–
ร้อยละแปดสิบเก้าสิบล้วนถูกส่งตัวไปเล่นหมากรุกกับตำรวจแล้ว!
แต่–
หลังทานข้าวด้วยกันสองมื้อและรู้ว่าตาแก่โรคจิตนี่เป็นคนช่างเลือกกิน เหมยเหมยก็รู้สึกว่าเฮ่อเหลียนชิงเป็นเพียงเสือกระดาษที่ไม่มีอะไรน่ากลัว
อีกอย่างตาแก่โรคจิตไม่มีแรง ไม่สะดวกจะเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ แค่ปลายนิ้วเดียวของเธอก็เอาชนะอีกฝ่ายได้ แล้วจะกลัวทำไม!
เหมยเหมยเชิดหน้าแค่นเสียงใส่ ไม่สนใจสายตาเย็นชาของเฮ่อเหลียนชิงพลางดูการแสดงของเหยียนหมิงซุ่นต่อ
หลังจากเหยียนหมิงซุ่นผ่าก้อนอิฐเสร็จก็เดินไปใต้กำแพงสูง กำแพงรอบสวนฟาร์มนั้นเป็นกำแพงสูงอย่างแท้จริง สูงยิ่งกว่าตึกหนึ่งชั้น ต่อให้เป็นกองกำลังพิเศษที่ผ่านการฝึกฝนมาหากไม่มีเครื่องมือ ใช้เพียงสองมือเปล่าก็ยากจะฝ่าฟันมันไปได้
เหยียนหมิงซุ่นเดินไปยืนตรงจุดที่ห่างจากกำแพงไม่ถึงยี่สิบเมตร สูดหายใจเฮือกหนึ่งวิ่งเข้าหากำแพงอย่างรวดเร็ว
เห็นเพียงปลายเท้าเขาแตะกำแพงเบา ๆไม่กี่ทีก็เหมือนเหยียบขั้นบันไดข้ามกำแพงไปได้อย่างง่ายดายโดยไม่พึ่งพาเครื่องมือตัวช่วยอื่น
“ว้าว พี่หมิงซุ่นมีวิชาตัวเบาด้วย พี่หมิงซุ่นเก่งที่สุด…”
เหมยเหมยร้องอย่างตื่นเต้นพลางปรบมือไม่หยุด
เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเหยียนหมิงซุ่นแสดงกังฟูให้เห็น ได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆและรู้สึกภาคภูมิใจถึงที่สุด–
ผู้ชายที่เก่งขนาดนี้…เป็นของเธอคนเดียว…
ใครก็อย่าคิดจะแย่งชิงกับเธอ!
เฮ่อเหลียนชิงถลึงตาใส่เธออย่างไม่พอใจแล้วกล่าวตำหนิ “เสียงดังทำไม ก็แค่ปีนข้ามกำแพง ไม่เคยเห็นหรือไง!”
“ก็ไม่เคยเห็นไงคะ ไม่งั้นคุณก็ทำให้ฉันดูเป็นบุญตาบ้างสิ?” สีหน้าจริงใจของเหมยเหมยนั้นทำเอาเฮ่อเหลียนชิงทำได้แค่ถลึงตาใส่อย่างเดียว
ต่อให้เป็นช่วงที่เขาสุขภาพแข็งแรงดี อย่าว่าแต่ปีนข้ามกำแพงเลย แค่ข้ามเนินเขาลูกเล็กเขายังแค่พอไหว!
เพราะบิดาแห่งกองกำลังพิเศษนี้สุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กประเภทหนอนหนังสือที่ไม่มีแรงอย่างแท้จริง เขามีเพียงความรู้หลักการทฤษฎี หากจะให้ต่อสู้กันจริง ๆกลัวก็แต่…แม้แต่เหมยเหมยเขายังเอาชนะไม่ได้
เหยียนหมิงซุ่นปีนข้ามกลับมาจากข้างนอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง มีเพียงเสียงหอบหายใจอ่อน ๆ
“นี่คือสิ่งที่สามารถพึ่งพาผมได้ คุณพ่อคิดว่ายังไงครับ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างมั่นใจ
…………………..
ตอนที่ 947 มีชีวิตอยู่ได้ไม่ง่ายเลย
สายตาของเฮ่อเหลียนชิงแฝงไปด้วยความดีใจ ถึงต่อหน้าเหมยเหมยเขาจะทำตัวเหมือนไม่สนใจแต่เขารู้ดีกว่าใคร
เหยียนหมิงซุ่นคือหินหยกที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ขอแค่ผ่านการหล่อหลอมอีกสักหน่อยก็จะต้องเปล่งประกายเจิดจรัสแน่นอน
เขาช่างโชคดีเสียจริง เฮ่อเหลียนชิงมองเหยียนหมิงซุ่นตรงหน้าอย่างปลื้มใจ แผนของเขาถูกปรับเปลี่ยนไปแล้ว เขาจะจัดตารางการฝึกให้เหยียนหมิงซุ่นใหม่ ตารางฝึกเหนือมนุษย์ที่เขาทุ่มเทมาเป็นเวลานาน หลังจากที่เงียบหายราวนับสิบปี ในที่สุดก็ได้หาคนมาใช้งานสักที
เฮ่อเหลียนชิงไม่แปลกใจกับสภาพร่างกายที่เหนือมนุษย์ทั่วไปของเหยียนหมิงซุ่นเลย อย่างแรกเพราะเหยียนหมิงซุ่นเคยฝึกวิชากำลังภายในมาก่อน อย่างที่สองเพราะเขาเคยเจอคนโรคจิตอย่างเหยียนหมิงซุ่นมาก่อน
ไอเย็นเริ่มแผ่จากรอบตัวของเฮ่อเหลียนชิงจนเหมยเหมยตัวสั่นระริก รีบขยับเข้าหาเหยียนหมิงซุ่นอีกหน่อย
“ไม่เลว แกกลับไปก่อนเถอะ!”
เฮ่อเหลียนชิงพยักหน้าให้เหยียนหมิงซุ่นน้อย ๆ แล้วให้ลูกน้องเข็นเขากลับไปนอนพักผ่อน พออิ่มท้องหนังตาก็เริ่มหย่อน ความง่วงเริ่มโถมเข้าหา
เขาต้องเก็บแรงไว้เพื่อวางแผนการฝึกที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้เหยียนหมิงซุ่น หล่อหลอมให้เหยียนหมิงซุ่นเก่งยิ่งกว่าเฮ่อเหลียนเช่อ แบบนี้แค้นของเขาอาจจะได้วาดจุดจบเร็วกว่ากำหนด
เขารอมานานเกินไป…อีกอย่างเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน!
นึกถึงคนที่เคยเรียกเขาว่าคุณพ่อ เฮ่อเหลียนชิงก็เหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ภายใต้แสงจันทร์รอยยิ้มนั้นยิ่งดูเยือกเย็น
เขาสามารถสร้างคนโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อมาได้ก็สามารถทำลายมันได้เช่นกัน ทุกอย่างจะต้องอยู่ในกำมือของเขา!
หลายวันต่อจากนั้นพอถึงช่วงหัวค่ำเหมยเหมยก็ถูกคนมารับตัวไปทานข้าวที่สวนฟาร์ม บางครั้งเหยียนหมิงซุ่นมารับ หากเหยียนหมิงซุ่นมาไม่ทันก็จะเป็นลูกน้องของเฮ่อเหลียนชิง ซึ่งทำให้จ้าวเสวียหลินกังวลใจเหลือเกิน
เขาถามเหมยเหมยหลายครั้งแต่ล้วนไม่เคยได้คำตอบ บอกเพียงว่าเธอออกไปทานข้าวกับเพื่อน อยู่ในกรอบไม่นอกลู่นอกทาง บอกให้เขาอย่าเป็นห่วงไปเลย
แต่เขาจะไม่ห่วงได้หรือ?
น้องสาวหน้าตาสวยขนาดนี้ หากเกิดเจอใครที่คิดมิดีมิร้าย…
จ้าวเสวียหลินแทบไม่กล้าจินตนาการถึงความเป็นไปได้นี้ เขาเคยจะตามไป พยายามตามว่าเหมยเหมยไปทานข้าวที่ไหนกันแน่ แต่อีกฝ่ายฉลาดนักแถมยังมียานพาหนะสี่ล้อเลยสลัดเขาหลุดได้ง่าย ๆ
จ้าวเสวียหลินไม่กล้าบอกคุณปู่ เขากลัวคุณย่าที่สติเลอะเลือนในบ้านจะออกไปพูดเหลวไหลทำลายชื่อเสียงน้องสาว เขาทำได้เพียงแอบปรึกษากับลูกพี่ลูกน้องด้วยความหน่ายใจขั้นสุด
เหมยเหมยไม่รู้ความในใจของพี่ชายตนหรอก เธอถูกรับไปทานข้าวกับเฮ่อเหลียนชิงอีกแล้ว ครั้งนี้คนมารับไม่ใช่เหยียนหมิงซุ่นแต่เป็นชายหนุ่มที่มักอยู่ข้างเฮ่อเหลียนชิง เหมือนจะชื่อเสี่ยวเมิ่ง
“นายท่านของคุณกินข้าวเองไม่ได้เหรอ? ไม่งั้นก็ให้พวกคุณกินเป็นเพื่อนสิ จะให้ฉันไปกินเป็นเพื่อนทุกวันคงไม่ได้หรอก!”
เหมยเหมยไม่เห็นเหยียนหมิงซุ่น อารมณ์ไม่ค่อยดีนักเลยพูดจาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร
ไม่มีเหยียนหมิงซุ่นอยู่ ใครจะมีความอดทนทานข้าวกับตาแก่โรคจิตแสนเยือกเย็นนั่นกัน
“คุณหนูจ้าว นายท่านผมไม่ได้ทานข้าวมาสิบกว่าปีแล้ว ครั้งนั้นที่ทานข้าวร่วมโต๊ะกับคุณหนูจ้าว นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาทานข้าวเองในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา” เสี่ยวเมิ่งพูดอย่างเรียบนิ่ง
เหมยเหมยเบิกตากว้าง มองเสี่ยวเมิ่งอย่างไม่เชื่อสายตา อดถามไม่ได้ “นายท่านของคุณไม่ได้เลือกกินเหรอ?”
เสี่ยวเมิ่งอมยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่ นายท่านแค่มีอาการเบื่ออาหารขั้นรุนแรง ถ้าไม่มีสารอาหารที่คอยฉีดเข้าร่างกายทุกวันเขาคงประคองร่างอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว”
เขาพูดเว้นช่วงไปทีก่อนจะพูดต่อ “อีกอย่างนายท่านยังมีอาการนอนไม่หลับขั้นรุนแรง…”
เมื่อฟังเสี่ยวเมิ่งเล่าประวัติการป่วยของเฮ่อเหลียนชิง เหมยเหมยก็แอบเห็นใจอยู่หรอกเลยพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ “นายท่านของคุณมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ได้คงไม่ง่ายเลย เสียเงินไปไม่น้อยสินะ?”
เสี่ยวเมิ่ง “…”
แม่สาวน้อย ประเด็นสำคัญของเขาไม่ได้อยู่ที่เงินหรือเปล่า?
……………………..