ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 976 เหยียบเรือของปู่เธอสิ + ตอนที่ 977 ฉันนั่งเครื่องบิน
ตอนที่ 976 เหยียบเรือของปู่เธอสิ
เซียวเซ่อเป็นหญิงสาวที่มีความคิดแน่วแน่ ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะกลับไป วัวนับสิบตัวก็ไม่อาจฉุดดึงเธอไว้ได้ อีกทั้งคุณพ่อบ้านสตีฟเว่นและคุณป้าซูซือก็กลับไปพร้อมเธอด้วย
“พ่อแม่ของคุณลุงสตีฟเว่นยังแข็งแรงอยู่ ฉันจะเห็นแก่ตัวมากไปกว่านี้ไม่ได้ ยังไงก็ต้องกลับไปให้คุณลุงสตีฟเว่นได้ทดแทนบุญคุณท่านบ้าง ถ้าฉันมีเวลาว่างจะรีบกลับมาหาเธอ!” เซียวเซ่อรับปากกับเหมยเหมย
“อืม ถ้าฉันว่าง ฉันก็จะไปหาเธอที่อังกฤษ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ต้องเขียนจดหมายหาฉันด้วย!” เหมยเหมยน้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่ได้
เซียวเซ่อนี่ช่างใจจืดใจดำ บอกว่าจะไปก็จะไป ไม่มีแม้แต่ช่วงเวลาที่จะให้เธอได้ทำใจ ตั๋วเครื่องบินก็จองเสร็จสรรพ ตัวเธอถือสัญชาติอังกฤษ พำนักอยู่ในเมืองหลวงเป็นการชั่วคราวจึงสามารถบินกลับไปได้ทุกเมื่อ โดยไม่จำเป็นต้องรอทำวีซ่าอะไร อีกสามวันเธอก็จะเดินทางกลับแล้ว
“แล้วฮ่องเต้กับฮ่องเฮาจะทำยังไง?” เหมยเหมยเอ่ยถาม
“ลุงสตีฟเว่นจัดการทำเรื่องโหลดใต้ท้องเครื่องให้แล้ว คาดว่าน่าจะถึงอังกฤษในเวลาใกล้เคียงกับฉัน”
เซียวเซ่อมองดูเพื่อนของเธอที่น้ำตาไหลเป็นสาย ในใจก็ไม่ได้รู้สึกดีนักแต่เธอจะต้องเข้มแข็งให้มาก ไม่ใช่แค่ทำเพื่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่ก็เพื่อตัวของเธอเองด้วย
หากว่าเธอแข็งแกร่งขึ้น ในอนาคตก็ไม่จำเป็นต้องขอร้องใครอีก!
ส่วนคฤหาสน์ตระกูลเซียว เซียวเซ่อบอกให้เหมยเหมยอาศัยอยู่ที่นั่นต่อ คนงานที่นั่นยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งอีกหน่อยในช่วงวันหยุดเธอก็จะกลับมาพักที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นเฝิงไห่ถังหรือเซียวจิ่งหมิงพวกเขาต่างก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินจำนวนเล็กน้อยที่ต้องจ่ายให้กับคนงานเลย
“ฉันคงอยู่ต่ออีกไม่กี่วันหรอก พอเธอกลับอังกฤษฉันก็จะเตรียมตัวกลับเมืองจินแล้วล่ะ” เซียวเซ่อไม่อยู่แล้ว เธอจะอยู่ที่นั่นต่อก็คงไม่ได้แน่ อีกอย่างวันหยุดช่วงฤดูร้อนก็ใกล้จะหมดลงแล้ว มันถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับเมืองจินเสียที!
“งั้นถ้าครั้งหน้าเธอมาเมืองหลวงก็มาพักที่บ้านฉันนะ หลีกเลี่ยงที่จะไปพักบ้านของปู่ของเธอจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องโมโหกับคุณย่าจอมเลอะเลือนของเธออีก!” เซียวเซ่อเอ่ยปากพูดพร้อมกัดแอบเปิ้ลไปพลาง ในคำพูดที่พ่นออกมาเจือปนไปด้วยความดูแคลนที่มีต่อคุณย่า
พวกไอคิวประเภทนี้ในละครทีวีที่ฉายไม่เคยอยู่รอดได้ถึงสามตอนเลย ซึ่งความฉลาดเพียงแค่ครั้งเดียวก็คือเธอแต่งงานกับคุณปู่ ไม่อย่างงั้นตัวเองตายอย่างไรคงไม่รู้เหมือนกัน
สามวันถัดมาเหมยเหมยออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปส่งเซียวเซ่อที่สนามบิน ความจริงแล้วอาการบาดเจ็บของเธอทุเลาจนใกล้หายแล้ว และสามารถออกจาโรงพยาบาลได้ทุกเมื่อ แต่เหมยเหมยก็เลือกที่จะอยู่โรงพยาบาลต่อไป
ถึงอย่างไรช่วงนี้ก็เป็นช่วงซบเซาของโรงพยาบาล เตียงของผู้ป่วยว่างระนาว เหมยเหมยนั้นได้จ่ายค่าห้องพักผู้ป่วยเป็นจำนวนหนึ่งเดือนเต็มให้กับฝ่ายผู้อำนวยการ มีแต่ได้กับได้อีกทั้งไม่จำเป็นต้องมีหมอหรือพยาบาลมาคอยดูแล โอกาสเพิ่มรายได้ดี ๆแบบนี้ ถ้าผู้อำนวยการไม่เห็นด้วยก็คงโง่แล้วล่ะ!
คงอยากให้เหมยเหมยพักอยู่ที่นี่นาน ๆเสียมากกว่า!
เซียวเซ่อและคุณลุงสตีฟเว่นพร้อมด้วยภรรยาได้ขึ้นเครื่องบินไปพร้อมกัน สยงมู่มู่และเจ้าเด็กอ้วนก็ได้มาส่งด้วย ทางฝั่งเซียวเซ่อมีเซียวเซียงเพียงแค่คนเดียวที่มา คุณหนูใหญ่เฝิงและเซียวจิ่งหมิงต่างก็ไม่ได้มาด้วย
เซียวเซียงนั้นมีทีท่าเศร้าสลดอยู่บ้าง แต่พอเธอได้เห็นท่าทีไร้เยื่อใยของเซียวเซ่อ ความเศร้าโศกอันน้อยนิดของเธอก็ได้คะย้อนกลับไปเสียหมด จึงพูดเพียงแค่ว่าถ้าเธอได้ไปเรียนที่อังกฤษจะแวะไปเที่ยวหาเซียวเซ่อ
เหมยเหมยกอดเซียวเซ่อไว้ด้วยน้ำตาไหลพราก พูดบ่นอุบอิบอยู่หลายประโยค บ้างก็บอกเธอว่าอย่าลืมเขียนจดหมายมาหา บ้างก็บอกเธอว่าให้ทำตัวใจกว้างขึ้นหน่อย ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามอย่าเอาแต่พูดจาเป็นขวานผ่าซากอยู่เรื่อย
“เธอต้องหัดเรียนรู้การทำร้ายคนอื่นอย่างลับ ๆเข้าใจไหม? ฉันได้ยินมาว่าคนตะวันตกเป็นคนตรง ๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีเจตนาอะไร แค่รับมือกับลุงลุงของเธอก็น่าจะเพียงพอแล้ว อย่าทำให้ฮวาเซี่ยของเราต้องขายหน้าเชียวล่ะ”
เหมยเหมยบ่นพึมพำอยู่ข้างเซียวเซ่อไม่หยุด เธอเป็นห่วงยัยซื่อบื่อคนนี้ที่จะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปอยู่ต่างที่ โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง หากถูกใครรังแกเข้าจะทำยังไง?
เซียวเซ่อมองเธออย่างระอา ตัวเองโง่จะตายไปยังกล้าบอกว่าเธอโง่อีกเหรอ?
เธอคิดไปคิดมาพลางตัดสินใจว่าจะต้องตักเตือนยัยโง่นี้เสียหน่อย จึงได้เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น “เหยียบเรือสองแคมไม่เป็นไร แต่เธอไม่ควรจะใช้จ่ายด้วยเงินของเหยียนหมิงซุ่นอีก เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกครรลองคลองธรรม…”
ความรู้สึกเศร้าโศกของการจากลาที่เหมยเหมยมีได้สลายหายวับไปในพริบตาเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเซียวเซ่อ เธอกัดฟันพูดออกไปว่า “เหยียบเรือของปู่เธอสิ เซียวเซ่อเธอไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยนะ…”
………………………………………………..
ตอนที่ 977 ฉันนั่งเครื่องบิน
เมื่อส่งแม่นางเซียวเสร็จ เหมยเหมยกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรนัก ถึงอย่างไรก็คงได้พบกันอีก หากว่าคิดถึงมาก ๆก็ยังสามารถไปหาเพื่อนที่อังกฤษได้ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
สยงมู่มู่กลับมีท่าทีแปลกไป เขาดูไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย ทำได้เพียงขังตัวเองเขียนเพลงอยู่แต่ในห้อง
พูดถึงเพลงเพลงนี้เขาใช้เวลาทั้งช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเขียนมันแต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ทุกวันนี้จึงได้ยินเสียงพึมพำอยู่ในห้อง
สยงมู่มู่และเจ้าเด็กอ้วนไม่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านคุณปู่อีก ช่วงนี้เจ้าเด็กอ้วนเขียนบทความแล้วได้เงินมาจำนวนไม่น้อย เขาจึงเลือกที่จะจองห้องในเกสต์เฮาส์ไว้ ข้าวก็กินที่เกสต์เฮาส์ ทั้งสะดวกและอิสระ สบายใจเสียยิ่งกว่าพักที่บ้านคุณปู่เยอะ
ส่วนสยงมู่มู่นั้นจะพูดให้สวยหน่อยคงเรียกว่ามาอยู่เป็นเพื่อน เขาตัดสินใจเองที่จะย้ายเข้าไปอยู่ที่เกสต์เฮาส์ เข้ามาเบียดเสียดอยู่ในห้องกับเจ้าเด็กอ้วน ในความเป็นจริงทุกคนต่างทราบดีว่าสยงมู่มู่เบื่อหน่ายคุณย่า ไม่เต็มใจที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับคุณย่า
เหมยเหมยยังรู้อีกด้วยว่าสาเหตุที่เขาดูผิดปกติไปนั่นเป็นเพราะไม่มีคนให้ต่อปากต่อคำด้วย การที่เซียวเซ่อจากไป เกรงว่าคนที่เจ็บปวดที่สุดจะเป็นเจ้าหมอนี่
แค่พริบตาเดียวก็ย่างมาถึงช่วงกลางเดือนแปดแล้ว เหยียนหมิงซุ่นฝึกซ้อมอยู่ที่ฐานก็ลำบากมาได้ระยะหนึ่ง ศักยภาพทางร่างกายของเขาได้รับการพัฒนาไปในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาพักสักระยะหนึ่ง เพื่อที่จะเข้าสู่การฝึกในขั้นต่อไป
ซึ่งนั่นเป็นแผนการฝึกซ้อมที่เฮ่อเหลียนชิงออกแบบมาเพื่อตัวเขา ในตอนนั้นเขาเองก็ได้ฝึกเฮ่อเหลียนเช่อแบบนี้เช่นกัน สามารถพูดได้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อถูกสร้างขึ้นด้วยมือของเขา และในตอนนี้เขาต้องการจะสร้างเหยียนหมิงซุ่นให้เก่งกาจยิ่งกว่าเฮ่อเหยียนเช่อ
เดิมทีเหมยเหมยต้องการจะรอให้เหยียนหมิงซุ่นกลับมาจากการฝึกซ้อมแล้วค่อยกลับเมืองจินด้วยกัน แต่คุณปู่กลับโทรหาเธอเพื่อให้เข้าไปหา โดยบอกว่าจะจัดงานวันเกิดแบบง่าย ๆให้กับคุณย่า รวมตัวคนในตระกูลเพื่อทานข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
จ้าวอิงหัวก็โทรมาเพื่อกำชับเธอโดยเฉพาะ บอกกับเธอว่าอย่าไปสนใจว่าในใจรู้สึกไม่ดีขนาดไหน แต่อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้าให้เกียรติกันบ้าง อย่าปล่อยให้คนอื่นหัวเราะเยาะได้
เหมยเหมยเข้าใจเหตุผลนี้ดี ถึงอย่างไรคุณย่าก็เป็นผู้อาวุโส หากเธอไม่ยอมไปร่วมแม้แต่งานฉลองวันเกิดของคุณย่า คนนอกอาจจะมองว่าเธอไร้มารยาท ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่มีทางปล่อยให้คนนอกจับพิรุธได้
คุณปู่ก็ไม่ได้ออกไปทานข้าวนอกบ้านแต่สั่งให้เชฟหยวนเตรียมจัดโต๊ะฉลอง สองสามีภรรยาอย่างจ้าวอิงสยงรีบกลับมา แต่คู่สามีภรรยาอย่างจ้าวอิงหย่งไม่ได้กลับ แต่สั่งให้จ้าวเสวียเอ๋อร์ซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณย่าแทน
สีหน้าของคุณย่าไม่สู้ดีนัก เธอรู้ดีว่าลูกชายคนที่สามจะต้องถูกอันหย่าฟางบงการเป็นแน่ ลูกชายไม่เชื่อฟังแม่ แต่กลับเชื่อฟังเมีย ไอ้ลูกอกตัญญูเนรคุณ
ลูกชายคนเล็กและสะใภ้ก็เหมือนกัน ใจจืดใจดำทั้งนั้น เห็นอย่างนี้แล้วดูท่าลูกรองจะดีที่สุด สะใภ้รองก็ดีไม่น้อยเพราะจำวันเกิดของเธอได้ทุกปี
เมื่อเทียบกับทั้งสองฝ่าย คุณย่าดูมีเมตตาต่อจ้าวอิงสยงและสะใภ้มาก จนสีหน้าท่าทางแลดูอ่อนโยนขึ้นมาก
เหมยเหมยไม่ได้พิถีพิถันต่อการเลือกของขวัญนัก ซื้อเพียงแค่ขนมเต้าเซียงชุนให้ไปอย่างลวก ๆก็ถือว่าจบแล้ว ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ยังเป็นแค่เด็ก ต่อให้ไม่ซื้อของขวัญก็ยังได้
เมื่อหานซู่ฉินเห็นเหมยเหมยจึงเข้าหาเธออย่างสนิทสนม เริ่มจากบาดแผลของเธอก่อนและพูดประโยคที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอีกนิดหน่อย แต่ไม่นานก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็วเพื่อพูดถึงหลานชายของหล่อน และบอกให้หลานชายเธอกลับเมืองจินพร้อมกันเพื่อจะได้ช่วยดูแลระหว่างทาง
เหมยเหมยกลับไม่ได้ยินดีที่จะกลับพร้อมคนนอกจึงเอ่ยปฏิเสธอย่างลำบากใจ “ป้ารองคะ ไม่ทราบว่าหลานของป้าเดินทางกลับอย่างไรเหรอคะ? ฉันตั้งใจจะนั่งเครื่องบินค่ะ”
หานซู่ฉินยิ้มเจื่อน นั่งเครื่องบิน?
ต้นปีแบบนี้ใครจะมีกินมีใช้มากพอจนต้องนั่งเครื่องบิน?
ตั๋วเครื่องบินหนึ่งใบก็เท่ากับเงินเดือนครึ่งเดือนแล้ว พี่สะใภ้ของเธอจะยอมหรือ?
“นั่งเครื่องบินจะดีอะไรล่ะ ราคาก็แพงนั่งก็ไม่สบายด้วย นั่งรถไฟไม่ดีกว่าหรือ”
หานซู่ฉินพยายามพูดเกลี้ยกล่อมเพื่อให้เหมยเหมยยอมนั่งรถไฟ เหมยเหมยได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วแน่น แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรได้แต่ส่งยิ้มให้ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีทางนั่งรถไฟเด็ดขาด ต่อให้คุณจะพูดอะไรก็ช่าง!
…………………………………………………..