ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 978 ชายอื่นล้วนไม่มีความสำคัญ + ตอนที่ 979 การพบปะศัตรูหัวใจ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 978 ชายอื่นล้วนไม่มีความสำคัญ + ตอนที่ 979 การพบปะศัตรูหัวใจ
ตอนที่ 978 ชายอื่นล้วนไม่มีความสำคัญ
หานซู่ฉินเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าในใจของเหมยเหมยนั้นคิดอะไรอยู่ จึงเลียบ ๆเคียง ๆถามอยู่หลายหน แต่กลับไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา เธอจึงปล่อยไว้เสียแบบนั้น
เธอประสงค์จะให้หลานชายแต่งงานกับเหมยเหมย ไม่เพียงแค่ต้องการเกาะตระกูลจ้าว แต่เธอยังค้นพบว่าเหมยเหมยเป็นดั่งดาวนำโชคดวงน้อย
ตั้งแต่ที่รับเหมยเหมยกลับเข้ามา สุขภาพร่างกายของคุณปู่ก็เปลี่ยนไปแข็งแรงขึ้น อาจช่วยปกป้องดูแลผู้ชายของเธอได้อีกนับสิบกว่าปี ทั้งยังสามารถทำให้หน้าที่การงานของชายคนรักก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว เดิมทีที่คิดว่าตำแหน่งการงานก้าวหน้าจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นอีกหลายปี
แต่สิ่งที่วาดฝันไว้ ซึ่งไม่กี่วันมานี้ชายคนรักของเธอได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว
หานซู่ฉินฉลาดถึงเพียงนี้ เพียงไม่นานจึงเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น
เฮ่อเหลียนเช่อทำร้ายเหมยเหมยจนเกิดรอยฟกช้ำดำเขียวไปทั่วร่างกาย ซึ่งเรื่องราวที่เกิดแม้แต่หนิงเฉินเซวียนก็ไม่อาจพูดอะไรได้ นายใหญ่จับจุดอ่อนได้อย่างพอดิบพอดีจนทำให้หนิงเฉินเซวียนน้ำท่วมปาก
ไม่ว่าจะเป็นการขอบคุณหรือการปลอบขวัญ ถึงอย่างไรนายใหญ่ก็จำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างให้ตระกูลจ้าวเห็น ไม่ใช่แค่จ้าวอิงสยงที่ได้เลื่อนขั้น จ้าวอิงหย่งและจ้าวอิงหัวต่างก็ได้เลื่อนไปด้วย ถือเป็นความโชคดีในความโชคร้าย
งานวันเกิดของคุณย่านั้นดูจืดชืดไร้สีสัน ได้ยินแต่เสียงของหานซู่ฉินที่พูดอยู่คนเดียว คนอื่น ๆต่างทำหน้าอึดอัดพร้อมทานข้าวไปพลาง บรรยากาศไม่ครึกครื้นเหมือนอย่างที่ผ่านมา
เหมยเหมยนั้นยิ่งไม่พูดถึงตั้งแต่งานเริ่มจนงานจบ นอกเสียจากตอนที่เข้าบ้านมาก็เข้าไปอวยพรกับคุณย่าด้วยคำพูดอันเป็นมงคลแค่นั้น
คุณปู่เก็บบันทึกภาพเหตุการณ์ตรงหน้าไว้ พร้อมทั้งถอนหายใจออกมายกใหญ่ เขาเหลือบมองหญิงชราซึ่งมีสีหน้าไร้ความสุข พลางส่ายหน้าให้กับตัวเอง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรกับภรรยาของตนได้
หลังจากทานข้าวเสร็จ เหมยเหมยแสร้งทำเป็นว่าจะไปยกน้ำชามาให้คุณปู่ โดยเธอได้ลอบหยดยาน้ำลงไปในชาเป็นจำนวนสามหยด ส่วนคุณย่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอแล้วนี่!
วันถัดมาเหมยเหมยและจ้าวเสวียหลินไปเดินชอปปิ้งเพื่อหาซื้อของขวัญ โดยจะซื้อนาฬิกาให้จ้าวอิงหัวสักเรือน และซื้อสร้อยทองให้เหยียนซินหย่า และซื้อสร้อยข้อมือคริสตัลสวย ๆให้เจียงซินเหมย
เจียงซินเหมยนี่นับว่าใช้ได้ทีเดียว เพียงแต่เขาไม่ค่อยมีความคิดเห็นตรงกับเธอก็เท่านั้น ไม่เหมือนกับเซียวเซ่อที่เหมือนกันราวกับฟ้าลิขิต แต่ก็นับว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอ
เดินมาถึงห้างสรรพสินค้าได้ไม่นาน ด้านหน้าก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าเดินเข้ามา รูปร่างสันทัดแลดูสง่า ส่วนสูงปานกลาง สวมใส่แว่นตากรอบทอง ดูท่าทีมีมารยาท
จ้าวเสวียไห่ถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางเดินเข้าไปหาเขาด้วยท่าทางที่เกินจริง แสร้งทำทีเหมือนเจอกันโดยบังเอิญ “พี่ มาซื้อของที่นี่เหมือนกันเหรอ?”
ชายผู้นี้ก็คือหลานชายของหานซู่ฉิน หานจั่นเผิง [1]หานซู่ฉินต้องการเพิ่มความมั่นใจเลยนึกอยากให้หลานชายรู้จักกับเหมยเหมยไว้ก่อน ไม่แน่ว่าแม่สาวน้อยด้อยประสบการณ์ เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์แสนสง่างามของหลานชายตน อาจจะตกหลุมรักหลานชายของเธอก็เป็นได้!
เพื่อทำให้การเกี้ยวพาราสีของหลานชายราบรื่น หานซู่ฉินจึงจำยอมให้เงินสมทบไปเป็นจำนวนสามสิบเหรียญ ออกคำสั่งต่อเขาไม่ให้ปล่อยไก่เมื่ออยู่ที่ห้าง หากว่าเหมยเหมยถูกใจก็จัดการซื้อให้เธอเสียหมดนั่นเลย
ผู้หญิงมักจะชอบผู้ชายที่ใจกว้างพร้อมจ่าย ในตอนนี้ต้องยอมวางทุน ทำการใหญ่ต้องใช้เวลาซึ่งวันข้างหน้าก็จะสามารถกอบโกยกลับคืนมาได้
หานจั่นเผิงได้เห็นถึงความงดงามเฉกเช่นดอกไม้ของเหมยเหมย แววตาเปล่งประกาย เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวช่างงดงามเสียยิ่งกว่าภาพถ่ายเป็นร้อยเท่า คุณอาก็จริง ๆ เลยทำไมถึงไม่แนะนำให้เขารู้จักเร็วกว่านี้หน่อย
รูปลักษณ์หน้าตาดีขนาดนี้ ต่อให้ชื่อเสียงแย่ไปบ้างแต่แล้วจะทำไมเล่า?
อย่างมากก็แค่แต่งเข้ามาเป็นของเล่น พอเบื่อก็แค่ออกไปหาความสนุกนอกบ้าน!
“สวัสดีครับ ผมเป็นพี่ของจ้าวเสวียไห่ ชื่อหานจั่นเผิง เธอคือจ้าวเหมยสินะ? ยินดีที่ได้รู้จัก!”
หานจั่นเผิงเผยรอยยิ้มอันสุภาพอ่อนโยน ยื่นมือขวาอันขาวนวลออกไปเพื่อหวังทำการทักทายเหมยเหมยอย่างจริงจังด้วยการจับมือ ซึ่งนี่เป็นวิธีที่เขาหยั่งเชิงดู
สาวน้อยวัยเดียวกับเหมยเหมยมักจะต้องการให้คนอื่นปฏิบัติกับเธอเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ใช้วิธีแบบนี้ในการจีบสาวมาไม่น้อย!
เหมยเหมยจ้องมองชายตรงหน้าที่คิดว่าน่าจะเป็นคนดีโดยไม่มีความรู้สึกอื่นมาแฝง ในสายตาเธอนอกจากเหยียนหมิงซุ่นแล้วชายอื่นก็ไม่มีความสำคัญ!
เพราะงั้นการกระทำของหานจั่นเผิงในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการส่งสายตาหวานเยิ้มให้คนตาบอด…ตาบอดเสียเปล่า!
………………………………………………..
[1] เป็นคน ๆเดียวกับหานป๋อหย่วน แต่นักเขียนเขียนเป็นหานจั่นเผิง
ตอนที่ 979 การพบปะศัตรูหัวใจ
เหมยเหมยไม่ได้ยื่นมือออกไป เธอไม่ชอบการถูกเนื้อต้องตัวกับชายแปลกหน้าจึงเธอส่งยิ้มบาง ๆให้หานจั่นเผิง พร้อมกับพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ซึ่งนั่นคือการทักทาย
มือของหานจั่นเผิงเคว้งอยู่กลางอากาศ จะยื่นออกไปก็ไม่ใช่จะหดกลับมาก็ไม่เชิง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆจางหายไป บรรยากาศโดยรอบดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
จ้าวเสวียไห่จึงรีบยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับผู้พี่ตนแทน และเขย่าอยู่หลายครั้งจนเกินเหตุ นั่นถือว่าเป็นการช่วยสร้างความผ่อนคลายให้หานจั่นเผิง
ความจริงเขาเองก็ไม่คุ้นชินกับท่าทีเสแสร้งของพี่นัก คิดจะจับมือกับน้องตนเนี่ยนะ ไม่ใช่การทักทายกับผู้ใหญ่เสียหน่อย
หากไม่ใช่เพราะแม่ที่กำชับไว้ เขาคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก!
หานจั่นเผิงวางท่าพลางดึงมือกลับ เพียงชั่วพริบตารอยยิ้มก็ปรากฏดังเดิมแล้วกลับสู่ท่าทีผู้ดีมีมารยาท
แต่ความรู้สึกในใจของเขาที่มีต่อเหมยเหมยกลับปรารถนาที่อยากจะพิชิตใจเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งใจว่าจะต้องเอาชนะใจเหมยเหมยให้ได้ ทำให้เธอรักเขาเจียนตาย รักอย่างสุดหัวใจ
หานจั่นเผิงหวังที่จะคุยกับเหมเหมยอยู่หลายหน แต่เหมยเหมยกลับไม่ได้สนใจอะไรเขามากนัก ตอบกลับตามอารมณ์เพียงแค่ไม่กี่คำ เอาแต่ตั้งน่าตั้งตาเลือกของขวัญ
“เหมยเหมยซื้อของขวัญให้เพื่อนหรือ? ฉันคิดว่าขนมเต้าเซียงชุนก็ไม่เลวนะ มีความเป็นเอกลักษณ์และรสชาติก็ดีด้วย ฉันว่าเพื่อนเธอต้องชอบแน่” หานจั่นเผิงพูดเองเออเอง
เหมยเหมยเหลือบมองเขาเพียงครู่เดียว พลางกระตุกยิ้ม “พ่อของฉันไม่ชอบทานขนม คุณเรียกชื่อของฉันจะดีกว่านะคะ ฉันกับคุณไม่ได้สนิทกัน”
ถูกหานจั่นเผิงเรียกชื่อตัวเองว่าเหมยเหมยเธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงเอ่ยปากบอกอย่างไม่เกรงใจ แม้ว่าจะเป็นหลานชายของหานซู่ฉิน แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากใจนี่นา
รอยยิ้มของหานจั่นเผิงค่อย ๆเลือนหายไป ไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรต่อ คุณอาบอกว่าจ้าวเหมยเป็นคนอ่อนโยนจิตใจดี เข้ากันได้ง่าย แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ชีวิตของจ้าวเหมยนั้นถูกเอาใจจนกลายเป็นหญิงสาวนิสัยเสียคนหนึ่งแล้ว!
เขาก็ไม่ได้ท้อถอยพลันฉีกยิ้มกว้าง เป็นอีกครั้งที่ตั้งใจจะเสนอความคิดแต่กลับพบว่าเหมยเหมยได้เดินมายังชั้นบนสุด ในส่วนบริเวณนี้เป็นเคาน์เตอร์ขายสินค้าราคาแพงโดยเฉพาะ อาทิเช่นของจำพวกนาฬิกา สร้อยข้อมือ
หานจั่นเผิงรู้สึกใจฝ่อ พลางลูบคลำกระเป๋ากางเกงที่มีเงินจำนวนสามสิบหยวนอยู่ในนั้น พอมาอยู่ที่นี่เงินจำนวนน้อยนิดของเขายังไม่พอที่จะเอาออกมาใช้เลย!
เดิมทีตั้งใจจะซื้อของขวัญให้จ้าวอิงหัวที่ได้พบกันครั้งแรก แต่หานจั่นเผิงกลับไม่กล้าปริปากพูด กลัวว่าถึงเวลานั้นเขาจะจ่ายไม่ไหว
จ้าวอิงหัวไม่ต่างไปจากผู้ชายส่วนใหญ่ที่ชื่นชอบสะสมนาฬิกา งานวันเกิดของเขาในทุกปีเหมยเหมยจะให้นาฬิกาแบรนด์ดังกับเขาหนึ่งเรือน
วันเกิดของจ้าวอิงหัวตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วง ให้เขาตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นจังหวะที่เขาจะไปทำงานที่อเมริกา จะได้ให้เขาสวมนาฬิกาเรือนใหม่ไปด้วย
เหมยเหมยสนใจนาฬิกาโรเล็กซ์รุ่นใหม่อยู่ เธอไม่กล้าซื้อนาฬิกาแบรนด์ดังจำพวกวาเชอรอง คอนสแตนตินสักเท่าไหร่ อย่างไรเสียจ้าวอิงหัวก็เป็นแค่พนักงานราชการ ได้รับเงินเดือนที่ตายตัว หากว่าเขาสวมนาฬิกาแบรนด์ดังอย่างวาเชอรอง คอนสแตนตินพวกนี้ล่ะก็ เกรงว่าจะต้องถูกคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเรียกสอบเป็นแน่
โรเล็กซ์นับว่าไม่เป็นปัญหา จากเงินเดือนของจ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าแล้ว หากยอมกัดฟันซื้อก็นับว่าจ่ายไหว
หานจั่นเผิงแอบมองราคาของนาฬิกาเรือนที่เหมยเหมยถูกใจก็เกิดอาการเสียวสันหลังวาบ ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง นาฬิกาเรือนเดียวตั้งสองพันกว่าหยวน ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่มีปัญญาซื้อ! จ้าวเหมยเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะขนาดนี้?
เหมยเหมยให้พนักงานขายช่วยห่อนาฬิกาให้ จากนั้นไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อทำการชำระเงิน แต่กลับได้รับแจ้งว่ามีคนจ่ายเงินให้แล้ว
เธอจึงหันหลังสอดสายตามองอย่างไม่รู้ตัว ทว่ากลับมองเห็นเหยียนหมิงซุ่นที่ยิ้มตาหยีส่งมาให้ และเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอยิ้มหวานดุจดอกไม้
“จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ช่วงเช้าของวันมะรืนนี้ ไว้ถึงเวลาพี่จะมารับเธอเอง” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงแผ่วเบาที่ข้างหู แต่ทว่าสายตาพลันมองเห็นหานจั่นเผิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
สายตาของชายผู้คนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไรนัก เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าคิดอะไรกับเหมยเหมยอยู่ แต่ฝันไปเถอะ!
…………………………………………………..