ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 988 สามปีต่อมา + ตอนที่ 989 กำลังดี
ตอนที่ 988 สามปีต่อมา
สามปีอันยาวนานผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมยเหมยจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมต้น กลายเป็นนักเรียนชั้นม.5แล้ว อีกทั้งยังเป็นมัธยมปลายที่ดีที่สุดในอีจงเมืองจิน แล้วก็เป็นโรงเรียนที่อู่เจิ้งซือทำงานอยู่ด้วย
ตามหลักแล้วเหมยเหมยควรจะเรียนม.4 แต่เธอไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ เธออยากจะไปเรียนมหาวิทยาลัยให้เร็วหน่อยแบบนั้นเธอถึงจะมีอิสระมากขึ้น
เพราะอย่างไรก็ตามสำหรับพวกผู้ใหญ่แล้ว มหาวิทยาลัยเป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาว่าเด็กโตเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือไม่
อีกทั้งถ้าว่ากันตามอายุเธอก็ควรจะขึ้นม.5แล้ว
เพราะว่าตอนอนุบาลสามผลการเรียนของเธอแย่จนเกินไป อาจารย์ประจำชั้นแนะนำอู่เจิ้งซือว่าให้เธอซ้ำอีกปี และเพราะเหตุผลนี้ทำให้อู่เจิ้งซือรู้สึกเสียหน้าและรู้สึกผิดหวังกับเธอเหลือเกิน
ส่วนเจ้าอ้วนน้อยอู่เชากลับไม่ได้เป็นเพราะซ้ำชั้น แต่เป็นเพราะคุณปู่บอกว่าควรจะก้าวเดินไปอย่างช้า ๆจะได้มั่นคง และยังบอกว่าอายุเยอะหน่อยใจก็จะยิ่งสงบมากขึ้น
เพราะเหตุนี้เด็กผู้ชายตระกูลอู่จึงเข้าเรียนช้ากว่าเด็กปกติคนอื่น ๆ
ส่วนเด็กผู้หญิงคุณปู่นั้นอย่างไรก็ได้ เพราะสำหรับเขาอย่างไรเสียหลานสาวก็ไม่ได้สำคัญอยู่แล้ว เรียนรู้คำศัพท์ไม่กี่คำก็เพียงพอแล้ว
มัธยมต้นสามปี ผลการเรียนด้านวัฒนธรรมของเหมยเหมยนั้นอยู่ในระดับกลางหรือต้น ๆเสมอ ไม่ใช่คนที่ดีที่สุดแต่ก็ไม่แย่
ถึงอย่างไรในสายตาของคู่สามีภรรยาจ้าวอิงหัว ผลการเรียนของลูกสาวพวกเขาถือว่าไม่แย่เลยทีเดียว พอไปข้างนอกก็พูดเรื่องการเรียนของลูกสาว ชมจนเหมือนว่าเหนือสวรรค์ก็ไม่มีใครเทียมเธอได้ คนไม่รู้อาจจะนึกว่าเหมยเหมยได้ที่หนึ่งของชั้นปี!
ส่วนความคิดของเหมยเหมยที่อยากจะข้ามชั้นไปม.5 สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวไม่ได้คัดค้าน แต่ไหนแต่ไรพวกเขาไม่เคยก้าวก่ายเรื่องการเรียนของเหมยเหมย เพราะพวกเขามองว่าคะแนนของลูกสาวตัวเองดีเป็นอย่างมาก ต่อให้ข้ามชั้นไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยก็ไม่มีปัญหา!
มั่นใจเป็นอย่างมาก!
ถึงแม้ในสายตาของอาจารย์ที่อีจงจะมองว่าคะแนนด้านวัฒนธรรมของเหมยเหมยยังอ่อนไปหน่อย แต่จะทำไงได้ก็เขาเป็นถึงนักเรียนพิเศษที่มีความสามารถด้านศิลปะนี่นา!
เกณฑ์คะแนนวัฒนธรรมของนักเรียนพิเศษนั้นไม่สูง ขอเพียงแค่ทำคะแนนได้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดก็โอเคแล้ว เหมยเหมยที่ทำได้ระดับกลาง ๆหรือต้น ๆอยู่เสมอนั้นถือว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดมามากแล้ว
อีกทั้งนักเรียนพิเศษที่ได้รับรางวัลระดับประเทศมาอย่างเหมยเหมยนั้น มหาวิทยาลัยชั้นนำที่น่าเชื่อถือมักจะรับนักเรียนที่มีผลการเรียนที่ดีเหมาะสม แล้วแบบนั้นอาจารย์จะไม่พอใจได้อย่างไร?
จะยินดีต้อนรับกันแทบไม่ทันน่ะสิ!
เจ้าอ้วนน้อยอู่เชาก็ได้ข้ามชั้นเหมือนกัน คะแนนของเขาและเหมยเหมยไม่ต่างกันมาก โดยเฉพาะวิชาภาษาและวรรณคดีทำให้อาจารย์ประหลาดใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งสามปีมานี้เขาก็เป็นนักเขียนอายุน้อยที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้ว และเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่างเจ้าอ้วนน้อยกับสำนักพิมพ์ฮวาหยู่ นับว่าหัวหน้ากองบรรณาธิการของสำนักพิมพ์นี้ มองเห็นความสามารถของเจ้าอ้วนน้อย!
ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนน้อยจะเคยร่วมงานกับสำนักพิมพ์มากมาย แต่เขาก็เป็นคนที่รู้จักตอบแทนคุณคน ดังนั้นจึงได้เซ็นต์สัญญากับสำนักพิมพ์ฮวาหยู่ จนถึงตอนนี้เจ้าอ้วนน้อยก็ได้ตีพิมพ์บทความไปสามบทความแล้ว
เจ้าชายน่าหลานก็กลายเป็นไอดอลในใจของชายหนุ่มหญิงสาวมากมายไปแล้ว!
ส่วนสยงมู่มู่ปีที่แล้วเขาก็ได้ไปเรียนที่อังกฤษแล้ว เดิมทีจ้าวอิงหนานเตรียมให้เขาไปที่อเมริกาเพราะว่าเฮ่อเหวินจิ้งอยู่ที่อเมริกา แต่สยงมู่มู่อยากจะไปอังกฤษเอง จ้าวอิงหนานขัดเขาไม่ได้จึงจำใจเห็นด้วย
เหมยเหมยคิดว่าเหตุผลหลักที่สยงมู่มู่ไปอังกฤษน่าจะเป็นเพราะเซียวเซ่อ ถึงแม้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเจ้าหมอนี่จะไม่ยอมรับความสัมพันธ์อันคลุมเครือไม่ชัดเจนระหว่างเขาและเซียวเซ่อเลยก็ตาม
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเจ้าอ้วนน้อยที่โทรมาบอกว่าอีกสิบนาทีจะถึง หลังจากนั้นค่อยไปลงทะเบียนด้วยกัน
เพราะว่าวันนี้คือวันที่หนึ่งเดือนกันยายนเป็นวันที่นักเรียนใหม่เข้าเรียน แล้วก็เป็นวันเปิดเทอมใหม่วันแรกด้วย
…………………………………………..
ตอนที่ 989 กำลังดี
อู่เชาและเจียงซินเหมยมาด้วยกัน ตอนมัธยมต้นเจียงซินเหมยและเจ้าอ้วนน้อยอยู่ห้องเดียวกัน เหมยเหมยอยู่อีกห้องหนึ่ง แต่ตอนม.3 ความสนิทสนมของพวกเขาทั้งสามคนก็ดีมาโดยตลอด
เจียงซินเหมยก็สอบเข้าที่อีจงได้ เธอเป็นนักเรียนพิเศษด้านการเต้น อีกทั้งคะแนนด้านวัฒนธรรมของเธอก็ไม่เลว ดังนั้นเมื่อหญิงสาวเห็นเพื่อนรักทั้งสองต่างก็ข้ามชั้น จึง ——
เธอก็ข้ามชั้นด้วยเหมือนกัน!
อีกทั้งภายใต้ข้อเรียกร้องที่แข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสามคนจึงได้มาอยู่ห้องเดียวกัน เป็นกลุ่มสามคนอีกครั้ง!
ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า เป็นเวลาที่เจ้าอ้วนน้อยโทรศัพท์มาหาแต่เหมยเหมยยังซุกอยู่ใต้ผ้านวมไม่ยอมลุกจากเตียงอยู่เลย แต่เพื่อนก็ใกล้จะถึงหน้าประตูอยู่แล้ว ต่อให้เธอไม่อยากลุกแค่ไหนก็ต้องลุกขึ้นมา และใช้ความเร็วอย่างที่สุดในการล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้านาทีเสร็จ
จ้าวอิงหัวไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว สองปีที่แล้วเลขาคณะกรรมการพรรคเก่าของเมืองจินเกษียณไป จ้าวอิงหัวจึงได้เข้ามาและกลายเป็นผู้นำของเมืองจิน ยุ่งจนหัวหมุนทุกวัน หากไม่ได้ยาของเหมยเหมยช่วยบำรุงรักษาล่ะก็ ร่างกายของจ้าวอิงหัวคงจะพังไปนานแล้ว
ไหนเลยจะเหมือนตอนนี้ที่เต็มไปด้วยพลังงานทุกวัน พลังในการสู้รบก็เต็มเปี่ยม——
ไม่เพียงแค่การทำงาน แต่ในห้องนอน ——ยังมีเหยียนซินหย่าผู้ที่มีความอิ่มเอิบเปล่งออร่าเป็นหลักฐาน!
ส่วนพี่น้องจ้าวอิงสยงกลับย่ำอยู่กับที่ไม่มีความก้าวหน้า การเลื่อนขั้นที่ตัดสินใจไปแล้วก็ถูกยกเลิกไป ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆแต่เหมยเหมยก็รู้ต้องเป็นเพราะเขาจัดการแน่ ๆ ช่างใจตรงกับเธอจริง ๆ
ปีที่แล้วจ้าวเสวียหลินก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ เรียนที่เดียวกันกับพี่น้องจ้าวเสวียไห่และจ้าวเสวียกง และไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีหรือการปฏิบัติ รวมถึงสมรรถภาพทางกาย จ้าวเสวียหลินนั้นเก่งมากอนาคตบอกได้เลยว่าสดใส
เหมยเหมยรวบผมยาวมัดเป็นมวยกลม ๆหลวม ๆสบาย ๆ อากาศร้อนจนเกินไปมัดผมจะเย็นสบายกว่า เธอพยายามทำทุกอย่างให้ไม่ยุ่งยาก จึงสวมแค่เสื้อยืดสีขาวเรียบง่ายและกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน รวมถึงรองเท้าผ้าใบสีขาว
ช่วงเวลาสามปีเป็นช่วงที่ดีของเหมยเหมยมาก ร่างกายดูสูงเพรียว ตอนนี้ก็สูง163เซนติเมตรแล้ว หน้าอกที่เป็นหมั่นโถวเล็ก ๆก็กลายเป็นซาลาเปาไปแล้ว แม้ว่าจะไม่นับว่าใหญ่มากแต่เหมยเหมยก็พอใจมากแล้ว
ใหญ่ไปมีอะไรดี เซียวเซ่อพูดถูก ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งหย่อนยานง่าย!
“เหมยเหมย แบบนี้นุ่มมือกำลังดี!”
นึกถึงเสียงแหบห้าวของเหยียนหมิงซุ่นที่ดังข้างหูอีกครั้ง เหมยเหมยก็งุดหน้าอย่างเขินอาย เมื่อไม่นานมานี้เหยียนหมิงซุ่นมีภารกิจแล้วผ่านมาทางเมืองจิน ช่วงกลางคืนก็ปีนกำแพงเข้ามาเป็นเรื่องธรรมดา!
ชายหญิงอยู่ในห้องเดียวกันตามลำพังและเป็นค่ำคืนที่มืดไร้แสงจันทร์ อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าสาวสวยอีก เวลาและสถานที่ล้วนเป็นใจ มีหรือที่ชายชาติทหารที่กำลังอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างเหยียนหมิงซุ่นจะทนไหว ถ้าทนไหวก็แปลกแล้ว!
อีกทั้งยังไม่มีพี่ชายขี้ระแวงที่คอยมาก่อกวนอีก ค่ำคืนนั้นจึงปล่อยให้อารมณ์พาไป นอกจากขั้นตอนสุดท้ายที่คู่รักควรทำกันพวกเขาก็ล้วนทำมันหมดแล้ว!
ที่เหยียนหมิงซุ่นชอบที่สุดก็คือ’ซาลาเปา’ของเธอ เพราะว่านุ่มเหมาะมือดี…
พอนึกถึงค่ำคืนที่ร้อนระอุค่ำคืนวันนั้น ด้วยมือไม้และริมฝีปากที่อยู่ไม่สุขของเหยียนหมิงซุ่น หน้าของเหมยเหมยก็ร้อนฉ่าแดงก่ำเหมือนเลือดจะไหลออกมาก็ไม่ปาน
“หน้าไม่อาย…”
เหมยเหมยพ่นน้ำใส่ตัวเองในกระจก แล้วก็ทำหน้าตาบู้บี้วิ่งไปที่ห้องน้ำใช้น้ำเย็นล้างหน้า ถึงได้ใจเย็นลงมาบ้าง
เธอก้มหัวลงมองฉาฉาที่ข้อมือ เวลาสามปีมานี้ก็ไม่ได้โตขึ้นเท่าไร เพียงแต่ร่างกายนั้นเขียวเข้มขึ้น ถ้าไม่ได้จ้องมองเป็นเวลานานก็จะไม่มีใครค้นพบถึงความเปลี่ยนแปลงของฉาฉา
ฉิวฉิวก็ไม่ได้โตขึ้นเท่าไร สามปีนี้มันกลืนของล่ำค่าไปบ้างพอสมควร แต่มองอย่างไรเหมยเหมยก็มองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง มีแต่ฉิวฉิวที่พูดเองว่า ฝีมือความสามารถของมันแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อยแล้ว สามารถถ่วงเวลาคนน่ารังเกียจอย่างเฮ่อเหลียนเช่อได้พอสมควร
เหมยเหมยส่องกระจกแล้วส่องกระจกอีกจนเห็นว่าไม่มีปัญหาแล้วก็สะพายกระเป๋า ตอนนี้ฉิวฉิวนั้นไม่อยู่บ้าน เพราะโดนเฮ่อเหลียนชิงมารับไปแล้ว แต่ว่าฉิวฉิวก็ให้ฟันเธอเอาไว้หนึ่งซี่ อันที่จริงแล้วมันคือมิติเก็บของขนาดเล็ก จริง ๆก็ไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ใส่ของได้ไม่น้อย
“แม่คะ หนูไปเรียนแล้วนะ!”
เหมยเหมยตะโกนไปทางชั้นสองแล้วก็ปั่นจักรยานออกจากบ้านไป อู่เชาและเจียงซินเหมยถึงหน้าประตูใหญ่แล้วเรียบร้อย โบกไม้โบกมือให้เธออยู่ไกลๆ
…………………………………………..