ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 996 ยุยงอย่างแนบเนียน + ตอนที่ 997 คอขวด
ตอนนี้ 996 ยุยงอย่างแนบเนียน
ในห้องบรรยากาศเงียบกริบ หลังจากที่อาหารมาแล้วหวงอวี้เหลียนก็คีบเนื้อให้กับอู่เยวี่ย มองพิจารณาเธออย่างลึกซึ้ง พูดชมเชยว่า “จุ๊ ๆ ดูเด็กคนนี้สิสวยมากขนาดไหน ให้ฉันพูดนะตระกูลอู่ของพวกเธอช่างเลี้ยงดูได้ดีจริง ๆ จ้าวเหมยก็โดนพวกเธอเลี้ยงมาจนสวยขนาดนั้น เยวี่ยเยวี่ยเธอก็นับว่าเป็นสาวน้อยที่งดงามจริง ๆ!”
อู่เยวี่ยฝืนยิ้มออกมาพูดเสียงเบาว่า “คุณน้าหวงชมเกินไป หนูจะไปสวยเหมือนจ้าวเหมยได้ไงคะ”
หวงอวี้เหลียนตีมือเกินจริงพูดตำหนิว่า “อย่าไปพูดแบบนั้น เยวี่ยเยวี่ยถึงแม้ว่าหน้าตาของเธอจะไม่โดดเด่นเท่าจ้าวเหมย แต่นิสัยใจคอเธอดีแค่ดูก็รู้ว่ามาจากครอบครัวที่ดี ถ้าหากฉันมีลูกชายนะจะต้องเลือกผู้หญิงแบบเธอมาเป็นลูกสะใภ้แน่นอน คนอย่างจ้าวเหมยแบบนั้นฉันไม่ค่อยชอบหรอกไม่ถูกชะตาเท่าไร แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนอายุยืน!”
โอหยางซานซานได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น จ้องหวงอวี้เหลียนเขม็งอย่างไม่พอใจ วันนี้แม่กินยาผิดมาหรือไง?
ชมอู่เยวี่ยราวกับว่าไม่มีใครเกินแล้ว แซ่อู่นี่คู่ควรกับคำชมงั้นเหรอ?
หวงอวี้เหลียนส่งสายตาบอกเป็นนัยให้ลูกสาวใจเย็น ๆก่อน เธอมองอู่เยวี่ยที่โดนตัวเองชมจนจับต้นชนปลายไม่ถูกอย่างพอใจ
ดีมาก ทั้งหมดอยู่ในการคาดการณ์ของเธอ
หวงอวี้เหลียนถอนหายใจอย่างเสแสร้ง “เพียงแต่เสียดาย…”
อู่เยวี่ยรีบเงยหน้าขึ้นมา ถามซักไซ้เอาคำตอบว่า “น้าหวง เสียดายอะไรเหรอคะ?”
หวงอวี้เหลียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงจะพูดว่า “ฉันชอบเธอจริง ๆนะเยวี่ยเยวี่ยถึงได้เตือนเธอสักหน่อย เยวี่ยเยวี่ยได้ยินแล้วก็ปล่อยมันไปอย่าเอามาเก็บใส่ใจนะ ที่สูงพวกเราเข้าไปไม่ได้แต่ระดับกลางรับรองไม่มีปัญหา!”
คำพูดที่มาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุทำเอาอู่เยวี่ยสับสนงงงวยไปหมด “แต่น้าหวงพูดได้ไม่เป็นไร หนูรู้น้าหวงจะต้องหวังดีต่อหนูแน่นอนค่ะ”
หวงอวี้เหลียนตบมือของอู่เยวี่ยอย่างสนิทสนม ถอนหายใจอีกครั้งแล้วพูดว่า “นิสัยและหน้าตาของเยวี่ยเยวี่ยแบบนี้ ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย แต่มีจุดหนึ่งที่ไม่ดีวันหลังไม่ว่าจะทำงานหรือว่าแต่งงานเธอจะตัองได้รับผลกระทบแน่นอน”
“เชิญคุณน้าหวงชี้แนะ”
ใจของอู่เยวี่ยตกถึงตาตุ่ม คำพูดของหวงอวี้เหลียนแทงเข้ากลางจุดอ่อนของเธอ ทำให้เธอโดนหวงอวี้เหลียนจูงจมูกไปตามที่เขาต้องการอย่างช่วยไม่ได้
“อย่าพูดว่าช่วยชี้แนะอะไรเลย น้าแค่เสียดายแทนเธอ เดิมควรจะมีอนาคตที่สดใส แต่ตอนนี้กลับ…”
หวงอวี้เหลียนมองอู่เยวี่ยด้วยสายตาที่เห็นอกเห็นใจพูดต่อไปว่า “พวกเราเป็นผู้หญิง ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ ผู้หญิงที่ดีเยี่ยมอย่างเธอนะอู่เยวี่ย ดีกว่าพวกคุณหนูในเมืองหลวงเสียอีก เพียงแต่น่าเสียดายที่ภูมิหลังครอบครัวของเธอแย่ไปหน่อย…”
เธอพูดอีกว่า “ก็เหมือนกับครอบครัวของพวกเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกลูกสะใภ้ก็คือภูมิหลังของครอบครัว นอกจากนั้นถึงจะเป็นเรื่องหน้าตานิสัยความประพฤติ เฮ้อ แม้แต่เกียรติยศนิดหน่อยก็ยังดีกว่าตอนนี้!”
มองหวงอวี้เหลียนที่ถอนหายใจส่ายหัวไม่หยุด หัวใจของอู่เยวี่ยก็เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งก็ไม่ปาน
ถึงแม้ว่าคำพูดของหวงอวี้เหลียนจะดูโหดร้ายแต่นั่นก็เป็นความจริง อีกทั้งยังบอกเรื่องที่สำคัญแก่เธออีกด้วย
ขอเพียงแค่เธอไม่ใช่ลูกสาวแม่ค้าขายปลาแต่เป็นลูกสาวของผู้จัดการบริษัท แบบนั้นเธอก็จะสามารถรู้จักครอบครัวผู้ชายได้เหมือนกับโอหยางซานซานได้แล้วล่ะสิ ใช่ไหม!
หวงอวี้เหลียนมองอู่เยวี่ยที่กำลังดำดิ่งอยู่กับความคิดก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม
หลังจากกินข้าวไปหนึ่งมื้อ อู่เยวี่ยและหวงอวี้เหลียนก็สนิทกันเหมือนกับแม่ลูกยังไงอย่างนั้น ‘น้าหวง’ ก็กลายเป็นคุณน้า อีกทั้งหวงอวี้เหลียนยังบอกว่าเธอจะไปอุดหนุนแผงปลาของเหอปี้อวิ๋นอีกด้วยเพื่อไม่ให้อู่เยวี่ยรู้สึกไม่สบายใจ มิหนำซ้ำยังบอกอีกว่ามีเวลาก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านได้…
กลับถึงบ้าน โอหยางซานซานที่กำลังไม่เข้าใจเป็นอย่างมากก็ถามว่า “แม่คะ ทำไมแม่ถึงต้องทำดีกับอู่เยวี่ยขนาดนั้นด้วย?”
หวงอวี้เหลียนยิ้มแฝงความหมายลึกซึ้งและไม่ได้อธิบายอะไรมากมายกับลูกสาว พูดเพียงว่า “แม่ก็มีเหตุผลของแม่เอง ซานซานอีกสองสามวันลูกแนะนำให้หานจั่นเผิงรู้จักกับอู่เยวี่ยซะ”
ละครสนุก ๆกำลังจะแสดงในไม่ช้านี้แล้ว…
…………………………………………..
ตอนที่ 997 คอขวด
เหมยเหมยกินข้าวกับพวกอู่เชาด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วก็ต่างคนต่างกลับ ตัวเองก็ปั่นจักรยานกลับบ้านช้า ๆ ใบหน้าดูเหมือนจะครุ่นคิดวิตกกังวล
เมื่อกี้ตอนที่หวงอวี้เหลียนกำลังจะออกไปหันมายิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด อีกทั้งยังมีความลำพองใจอยู่หน่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่สายตาของหวงอวี้เหลียนเพียงแวบเดียวแต่เธอบังเอิญเงยหน้าขึ้นมาพอดี จึงทำให้มองเห็นอย่างชัดเจน
ทำไมหวงอวี้เหลียนถึงได้ยิ้มแบบนั้น?
หรือว่าเธอจะคิดเล่ห์เพทุบายอะไรได้อีกแล้ว?
เหมยเหมยไม่กล้าดูถูก แต่ไหนแต่ไรมาแม่ลูกโอหยางซานซานชอบคิดว่าตัวเองสูงส่ง คนแปลกหน้าปกติธรรมดาพวกเธอยังไม่แม้แต่จะชายตามอง แต่สามปีมานี้โอหยางซานซานกลับใกล้ชิดสนิทสนมกับอู่เยวี่ยมาก อีกทั้งหวงอวี้เหลียนยังเลี้ยงข้าวอู่เยวี่ยอีก…
ใจของเธอตกถึงตาตุ่ม สะดุ้งโหยงไปทั้งตัว!
เธอประมาทเกินไป คิดว่าแม่ลูกหวงอวี้เหลียนจะโดนข้อมูลในมือของเธอทำให้หวาดกลัวไปแล้วจนไม่กล้าทำอะไรอีก แต่เธอกลับลืมไปว่าสันดานคนมันเปลี่ยนไม่ได้ คนอย่างหวงอวี้เหลียนและโอหยางซานซานจะรู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้อย่างไรกัน?
พวกเธอตั้งใจใกล้ชิดกับอู่เยวี่ยจะต้องกำลังคิดวางแผนอะไรไม่ดีอยู่เป็นแน่!
เหมยเหมยที่คิดได้แล้วก็วางใจ เดิมทีวางแผนที่จะใช้ชีวิตมัธยมปลายอย่างสงบ ๆ ดูท่าความใฝ่ฝันนี่คงจะทำไม่ได้แล้ว!
ช่างมัน เริ่มจากอู่เยวี่ยก็แล้วกัน!
สามปีมานี้ไม่ได้ทารุณนังสารเลวนี่ หัวใจของเธอคันยุบยิบไปหมดแล้วจริง ๆ!
ลำดับแรกเธอต้องเพ่งเล็งไปที่อู่เยวี่ย ดูว่าเธอคิดอยากจะทำอะไร!
เหยียนซินหย่าวาดรูปอยู่ที่ห้องวาดภาพอยู่ สามปีที่ผ่านมาชื่อเสียงในวงการของเธอเพิ่มขึ้นไปอีก ฝีมือในการวาดรูปนั้นไม่มีปัญหา ทั้งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเหยียนตานชิง เป็นภรรยาของผู้นำเมืองจินและเป็นถึงลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าวในเมืองหลวงอีกด้วย…
คนที่มีโดดเด่นออร่าจับแบบนี้ แม้ว่าเหยียนซินหย่าจะไม่อยากได้รับความสนใจก็คงยาก!
ยิ่งไปกว่านั้นภาพเขียนของเธอไม่เพียงแต่ขายดีในประเทศเท่านั้น แต่ในตลาดต่างประเทศก็ยังได้รับความนิยมมากอีกด้วย แน่นอนว่าเธอสู้เซียวจิ่งหมิงไม่ได้แต่เธอก็มีชื่อเสียงกว่าตานเหอเจิ้งสามคนเยอะเลย
แน่นอนว่าตานเหอเจิ้งสามคนนั้นก็รู้จักฐานะที่แท้จริงของเหยียนซินหย่า ยิ่งได้รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมปีนั้นเหมยเหมยถึงได้พุ่งเป้ามาที่พวกเขาอยู่เสมอก็ทั้งโมโหทั้งเกลียดทั้งร้อนใจ
“แม่คะ เข้าไปได้ไหมคะ?”
เหมยเหมยถามเสียงเบา เสียงอันนุ่มนวลอ่อนโยนของเหยียนซินหย่าก็ดังขึ้น “เข้ามาเถอะ”
สามปีที่ผ่านมาไม่ทิ้งริ้วรอยอะไรไว้บนตัวของเหยียนซินหย่าเลยตรงกันข้ามกลับสวยขึ้นอีก ทำเอาละสายตาไม่ได้เลย
“ลงทะเบียนเสร็จแล้วเหรอ? เพื่อนใหม่เป็นไงบ้าง? น่าคบหาไหม?” เหยียนซินหย่าวางพู่กันลงดึแล้วงลูกสาวมามองอย่างเอ็นดู
เหมยเหมยยักไหล่ “ไม่รู้ค่ะ ไม่รู้จักทั้งหมด แม่คะ นี่คือภาพที่เพื่อนของคุณอาเซียวอยากได้ใช่ไหมคะ? วาดได้ดีจริง ๆ!”
แกลเลอรี่ของเซียวจิ่งหมิงนั้นเป็นรูปแบบธุรกิจ ซึ่งไม่เพียงแต่ขายภาพวาดของเขาเองแต่ยังขายภาพวาดโดยจิตรกรที่มีชื่อเสียงคนอื่น ๆด้วย หรือพวกศิลปินเยาวชนที่มีศักยภาพในการวาดรูปก็แขวนภาพไว้เพื่อขายด้วยเช่นกัน ช่วงสามปีที่ผ่านมาเหยีนซินหย่าและเซียวจิ่งหมิงร่วมมือกันทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว
“ใช่แล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็ต้องส่งของแล้ว เหมยเหมยช่วยแม่ดูหน่อย มีตรงไหนที่ต้องเติมอีกไหม?” เหยียนซินหย่ารู้สึกไม่ค่อยพอใจกับภาพวาดเท่าไร มักจะรู้สึกว่ามีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง
เหมยเหมยมองอยู่พักหนึ่ง ก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “แม่คะ พวกเราไปอยู่ที่บ้านพักตากอากาศของคุณตาสักสองสามวันไหมคะ? เรื่องวาดรูปพวกเราไม่ต้องรีบร้อน อีกครู่ค่อยโทรศัพท์หาคุณอาเซียวบอกว่าขอส่งช้าหน่อยสักสองสามวัน”
เหยียนซินหย่าเข้าใจถึงความหมายของลูกสาวก็คิ้วขมวด เธอจึงเอารูปปลาที่เพิ่งวาดเสร็จทำลายทิ้งอย่างไม่ลังเล เหมยเหมยเองก็ไม่ไปขัดขวางเธอเช่นกัน
ทักษะการวาดภาพของเหยียนซินหย่าดีมากแต่ตอนนี้ภาพเขียนของเธอขาดอรรถรสไปหน่อย ซึ่งนั้นหมายถึงเธอกำลังติดอยู่ที่คอขวดยังถ่ายทอดอารมณ์การวาดภาพออกมาไม่ได้ และเธอต้องการพักผ่อนเพื่อเติมพลังให้กับตัวเอง
“พวกเราไปซื้อกุ้งกันเถอะ เย็นวันนี้พ่อของลูกจะกลับบ้านมากินข้าวบ้าน” เหยียนซินหย่ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยิบกระเป๋าเงินและดึงลูกสาวออกไปจ่ายตลาด
…………………………………………