ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 12 ต้องใจเย็น
ตอนนี้ชายหนุ่มเปลือยท่อนบน ระหว่างเอวคาดผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่…
เห็นหญิงสาวนั่งอยู่บนขอบเตียง ดวงตาอันลึกล้ำและเย็นชาของชายหนุ่มพลันมองเธออย่างไม่ใส่ใจ “ตื่นแล้วเหรอ”
หลินเยียนจ้องชายที่เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างกะทันหันอึ้งๆ พลันรู้สึกเหมือนมีช้างยุคบรรพกาลนับร้อยตัวคำรามเหยียบผ่าน…
“เผย…เผยอวี้เฉิง?”
ความประทับใจชั่วขณะที่เห็นในโทรทัศน์ลึกซึ้งเกินไป เพราะฉะนั้นเธอไม่มีทางจำผิดแน่
เธอพยายามหวนคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ก็ยังคิดไม่ออกเลยสักนิด
ป๊าบ!
หลินเยียนตบหน้าตัวเองทีหนึ่ง!
หลินเยียน เธอใจเย็นๆ!
เธอฝันไปหรือเปล่า!
เธอต้องฝันไปแน่ๆ!
เผยอวี้เฉิงที่กำลังเช็ดผมอยู่ เห็นว่าจู่ๆ หลินเยียนก็ตบหน้าตัวเอง สีหน้าพลันสับสนขึ้นมา “…”
เพื่อไม่ให้ทำร้ายตัวเองอีก ชายหนุ่มจึงเตือน “บางที เธออาจจะต้องใจเย็นๆ ก่อน”
“ใช่ๆๆ! ฉันต้องใจเย็นๆ! ใจเย็นๆ …ใจเย็นๆ หน่อย…”
หลินเยียนพลางท่องพลางพยายามสงบสติอารมณ์
สุดท้าย…
เธอกัดริมฝีปาก มองเผยอวี้เฉิงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ท่านประธานเผย…คุณ…คุณช่วยใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหม? คุณทำแบบนี้ ยากสำหรับฉันที่จะสงบสติอารมณ์ได้…”
นัยน์ตาของชายหนุ่ม ราวกับมีรอยยิ้มแวบผ่าน “ได้”
ครู่ใหญ่ ในที่สุดเผยอวี้เฉิงก็ใส่ชุดลำลอง บนใบหน้ามีแว่นอันหนึ่งเพิ่มเข้ามา
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง แสงแดดที่สาดส่องผ่านเงาของต้นไม้ตกกระทบบนคิ้วที่เย็นชาและห่างเหิน แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกถลกขึ้น ขาอันเรียวยาวไขว่ข้างลวกๆ แว่นตาอันเรียบง่ายบนดั้ง ไม่เพียงลดความน่าเกรงขามของเขา ยังทำให้เขาดูเป็นเท่ห์ระเบิดไปเลย
หลินเยียน “…!!!”
หลินเยียนรู้สึกว่าวันนี้ตนอาจจะไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว
คนในวงการบันเทิงต่างบอกว่า ความหล่อของเผยหนานซวี่สามารถฆ่าคนได้ แต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้ เรียกได้ว่าสามารถกระชากวิญญาณได้เลยทีเดียว
เผยอวี้เฉิงเหมือนดูออกว่าเธอมีอะไรจะพูด จึงค่อยๆ จุดบุหรี่มวนหนึ่ง ควันจางๆ ลอยอยู่ที่ปลายนิ้วเรียว “จะพูดอะไร?”
ในที่สุดหลินเยียนก็ตั้งสติได้ เรียบเรียงคำพูด แล้วถามอย่างระมัดระวังพร้อมหัวใจที่สั่นสะท้าน “ขอโทษท่านประธานเผย เมื่อคืนฉันอาจจะดื่มหนักไปหน่อย เลยจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น…”
เพราะฉะนั้น ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเช้านี้ฉันถึงตื่นมาในบ้านท่านประธานเผย…”
“จำไม่ได้…” เมื่อได้ยินเช่นนี้ริมฝีปากบางของเผยอวี้เฉิงเหยียดขึ้นเล็กน้อยอย่างยากจะสังเกตเห็น แสงประกายแวบเข้ามาในดวงตาภายใต้เลนส์
หลังจากนั้นเขาพลันพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่น่าเย้ายวนอย่างที่สุด “ทำไม หลับนอนกันแล้วไม่ยอมรับ แกล้งความจำเสื่อมงั้นเหรอ?”
หลินเยียน “…”
หลินเยียนขาอ่อนจนไหลพรวดลงจากเตียงมาคุกเข่าด้วยความตกใจ