ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 149 เครื่องจักรไร้อารมณ์ที่สนใจแต่เงิน / ตอนที่ 150 ฉันชอบเธอ
ตอนที่ 149 เครื่องจักรไร้อารมณ์ที่สนใจแต่เงิน
แฟนๆ ของเว่ยสวีเฟิงทุกคนรู้ดีว่าเขาเคารพนับถือเทพธิดาอยู่คนหนึ่ง แต่หญิงสาวผู้นั้นเป็นนักแข่งรถและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงแต่อย่างใด ทุกคนจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไรนัก
ความจริงแล้ว แฟนๆ รู้สึกว่าการที่เว่ยสวีเฟิงมีรสนิยมด้านความบันเทิงที่ค่อนข้างไม่เหมือนใคร และท่าทางที่เขาเทิดทูนบูชานักแข่งหญิงดุจเทพธิดานั้นน่ารักน่าเอ็นดูทีเดียว ถึงขนาดที่แฟนๆ บางคนเริ่มเลียนแบบเว่ยสวีเฟิงและให้การสนับสนุนนักแข่งหญิงคนนั้น
เว่ยสวีเฟิงมองหลินเยียนอย่างเหม่อลอยพลางพึมพำกับตัวเอง “ฉันไม่ต้องจินตนาการหรอก…”
เพราะเธอต้องใช่แน่ๆ
หลินเยียนจ้องมองเว่ยสวีเฟิงอย่างไม่รู้ตัว
เว่ยสวีเฟิงมีไอดอลด้วย? แล้วคนที่ว่านั่นก็เป็นคนจากวงการนักแข่งมืออาชีพเหมือนกันกับเธออีกต่างหาก?
จะเป็นคนที่เธอรู้จักหรือเปล่านะ?
เจียงอีหมิงเดาว่าเว่ยสวีเฟิงน่าจะเข้าใจที่อธิบายแล้ว เขาจึงหันมาหาหลินเยียน “หลินเยียน คุณน่าจะคุ้นเคยกับบทหลินเพียนรั่วแล้ว เธอเป็นตัวละครที่เอาจริงเอาจังกับหน้าที่การงานมาก เธอไม่เคยเชื่อมั่นในความรักเลย และไม่ต้องการความรักด้วยซ้ำ
สำหรับเธอแล้ว ฟังชั่นหยางก็แค่ผู้ชายที่เธอเห็นเป็นของเล่นฆ่าเวลาเท่านั้น
เธอไม่ได้รักฟังชั่นหยางแล้วก็ไม่ได้สนใจเขาด้วย คุณต้องควบคุมอารมณ์ออกมาให้ดีนะ คุณต้องแสร้งทำเป็นว่าชอบเขา แต่ที่จริงแล้วคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย พอจะเข้าใจไหม”
เว่ยสวีเฟิงตีหน้ายักษ์เมื่อได้ยินที่เจียงอีหมิงอธิบาย “บทบ้าบออะไรเนี่ย”
เฝิงอันหวารีบปลอบเขา “คุณชายเว่ยครับ บทนี้ดัดแปลงมาจากนิยายเลยครับ!”
หลินเยียนพยักหน้าขณะที่ฟังเจียงอีหมิง “ค่ะ ฉันเข้าใจค่ะ! หลินเพียนรั่วคือเครื่องจักรไร้อารมณ์ที่สนใจแต่เงิน เธอไม่รักฟังชั่นหยาง เขาเป็นแค่เครื่องมือสนองความต้องการของเธอเท่านั้น!”
เจียงอีหมิงครุ่นคิดก่อนจะตอบอย่างแหยงๆ “อืม…ประมาณนั้น…”
คำพูดของหลินเยียนอาจจะฟังดูโหดร้ายไปหน่อย แต่เธอก็สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครได้ค่อนข้างรวบรัดทีเดียว…
เว่ยสวีเฟิงคิดในใจ ‘อยากเปลี่ยนบทพูดจังโว้ย!’
ตัวตัวทำปากมุบมิบขณะที่ยืนอยู่ข้างๆ “ไม่ยากไปหน่อยเหรอคะแบบนี้ ใครจะกล้าทำเหมือนเว่ยสวีเฟิงเป็นเครื่องมือและห้ามใจไม่ให้ตกหลุมรักเขาได้บ้าง”
เห็นได้ชัดว่าทีมงานทั้งหมดรู้สึกแบบเดียวกับตัวตัว
“ตายละ! หลินเยียนจะพยายามฉวยโอกาสลวนลามเว่ยสวีเฟิงตอนถ่ายหนังหรือเปล่าน่ะ”
“แต่ดูเหมือนว่าหลินเยียนจะพยายามหลบเลี่ยงเว่ยสวีเฟิงนะ”
“ไม่อะ นังนี่ต้องวางแผนอะไรอยู่แน่! ฉันว่าหล่อนพยายามจะหลอกล่อเขามากกว่า!”
“แล้วจะอธิบายเรื่องที่ท่าทางของท่านเว่ยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือยังไงล่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าทั้งคู่สลับบทกันยังไงยังงั้น”
ทีมงานที่เหลือเงียบกริบเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนดูสับสนงงงวย
เจียงอีหมิงปรบมือพลางประกาศ “เอาล่ะ! กลับไปทำงาน เราจะเริ่มถ่ายฉากแรกกันแล้ว!”
ไม่นานหลังจากนั้น ทีมงานทั้งหมดก็เข้าประจำตำแหน่งและเตรียมพร้อม
ทีมงานคนหนึ่งที่ถือกระดานไว้ในมือตะโกนว่า “ฉาก 37 สาม สอง หนึ่ง แอคชัน!”
หลินเยียนหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด ในพริบตาที่ทีมงานคนนั้นตะโกน ท่าทีเฉยเมยและประหม่าของเธอก็หายวับไป เธอเปลี่ยนท่าทีเป็นคนเย็นชาในฉับพลัน
หลินเพียนรั่วถือเอกสารไว้ในมือ ส่วนที่แขนมีเสื้อคลุมพาดอยู่ เธอกำลังโทรศัพท์ไปพร้อมๆ กับเดินฉับๆ เข้าสู่ตัวบ้านอย่างรวดเร็ว
เธอเปลี่ยนรองเท้าเป็นสลิปเปอร์สำหรับใส่ในห้องนอนก่อนจะเดินเข้าสู่ห้องนั่งเล่น ในขณะที่ยังคงคุยโทรศัพท์ไม่หยุด
กล้องซูมเข้าแล้วหันไปทางโซฟาในห้องนั่งเล่น
ฟังชั่นหยางที่รอการกลับมาของหลินเพียนรั่วกำลังหลับสนิทอยู่บนโซฟา
เขาสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีน ผมสีดำดุจเส้นไหมดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย เขาลืมตาตื่นอย่างงงวยในขณะที่กอดหมอนอิงไว้แน่น ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงดัง
ชายหนุ่มผู้ง่วงเหงาหาวนอนลืมตาตื่นขึ้นในที่สุด เขามีท่าทางที่ดูน่ารักและเป็นเด็กดีทีเดียว
ตอนที่ 150 ฉันชอบเธอ
เว่ยสวีเฟิงมองหลินเพียนรั่วที่กำลังเดินเข้ามาและวางเสื้อคลุมไว้บนที่แขวนเสื้อ เขาจับจ้องเธอไม่วางตาในขณะที่เธอวิ่งเข้าไปในห้องทำงานเพื่อหาเอกสาร ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปในห้องนอนเหมือนกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง…
เขามองตามเธออย่างอ้อยอิ่งด้วยสายตาที่เหมือนกับลูกหมาตัวน้อยตั้งแต่ต้นจนจบ
หลินเพียนรั่ววางสายเมื่อเสร็จธุระแล้ว เธอเดินไปทางหน้าต่างแล้วจุดบุหรี่ก่อนจะหยิบไอแพดขึ้นมาอ่านรายงาน
เธอไม่หันมามองเขาเลย
ฟังชั่นหยางเปลี่ยนท่าทีจากสนอกสนใจไปเป็นเศร้าหมอง ก่อนที่จะกลายเป็นโกรธขึ้งในท้ายที่สุด
เจียงอีหมิงขัดจังหวะทั้งคู่อย่างอดไม่ได้ เขามองหลินเยียนแล้วเอ่ยอย่างผู้เชี่ยวชาญ “หยุด หยุด! หลินเยียน คุณแสดงได้ดีมาก…แต่ที่คุณทำกับเว่ยสวีเฟิงมันเกินไปหน่อยนะ อันนี้ไม่ใช่แค่ไม่รักแล้ว แต่คุณทำเหมือนกับเขาไม่มีตัวตน! ถึงคุณจะไม่ได้รักฟังชั่นหยาง แต่คุณก็ชอบพอเขาอยู่นะ!”
เว่ยสวีเฟิงพูดอะไรไม่ออก
คำพูดทุกคำของเจียงอีหมิงแทงใจดำเขาเข้าอย่างจัง
หลินเยียนตอบกลับ “อ้อ…ขอโทษค่ะ ขออีกทีนะคะ!”
เธอพยายามหลบเลี่ยงเว่ยสวีเฟิงให้ได้มากที่สุดจนทำให้เธอไม่สามารถเข้าถึงบทบาทได้มากอย่างที่ควรจะเป็น
แต่หลินเยียนเป็นคนเรียนรู้ไว ดังนั้นเธอจึงคิดหาหนทางอื่นได้ในทันที เธอคิดว่าจะจินตนาการว่าเว่ยสวีเฟิงเป็นลูกแมวตัวน้อยแทน
สำหรับหลินเพียนรั่วแล้ว ตัวตนของเว่ยสวีเฟิงน่าจะดูคล้ายแมวที่อยากให้เจ้านายกอดรัดฟัดเหวี่ยง
ในไม่ช้า พวกเขาก็ถ่ายทำกันต่อ…
ฟังชั่นหยางดูระทมทุกข์ในขณะที่เขาถามเธอ “ไปไหนมาครับ ทำไมกลับบ้านดึกจัง”
หลินเพียนรั่วไม่ได้เงยหน้ามองเขาด้วยซ้ำ เธอตอบว่า “ฉันมีกินเลี้ยงที่บริษัท”
ฟังชั่นหยางกำหมัด “กินเลี้ยง? ทำไมผมได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจากคุณล่ะ? ไปเอากลิ่นนี้มาจากไหน?”
“นี่เธอเป็นหมาหรือไง?” หลินเพียนรั่วหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบอย่างเปิดเผย “ฉันคุยกับเฉินจิ้งมาน่ะ”
ฟังชั่นหยางตะโกนเสียงดังในทันที “เฉินจิ้ง? เฉินจิ้งอีกแล้วเหรอ? แค่คุยกันทำไมต้องใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาขนาดนั้น? ชอบเขาหรือไง?”
หลินเพียนรั่วตอบทันควัน “ฉันชอบเธอ”
หลินเพียนรั่วจ้องมองชายหนุ่มราวกับเขาเป็นแมวน้อยที่เพิ่งทำให้ลูกบอลไหมพรมของเธอยุ่งเหยิงไปหมด เธอดูเหนื่อยใจ แต่ยังมีความรักความเสน่หาปรากฏอยู่ในแววตาของเธอ
เจียงอีหมิงรู้สึกประทับใจและปลาบปลื้ม นี่แหละ ถูกต้องแล้ว!
“คุณ…” เว่ยสวีเฟิงตกอยู่ในภวังค์ สีแดงก่ำระเรื่ออยู่บนพวงแก้มไปจนถึงใบหูของเขาเพราะสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักจากหญิงสาว
นี่มันไม่เหมือนการแสดงเลยสักนิด ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติมาก!
“คัต! ยอดเยี่ยม!” เจียงอีหมิงตะโกนอย่างมีความสุข
แม้ว่าฉากนี้จะใช้เวลาถ่ายแค่สองเทคเท่านั้น แต่การแสดงของทั้งเว่ยสวีเฟิงและหลินเยียนต่างก็ไร้ที่ติ ความก้าวหน้าของทั้งคู่เกือบทำให้เขาน้ำตาซึม
เมื่อผู้กำกับสั่งให้หยุดแสดง หลินเยียนก็พลันกลับกลายเป็นหญิงผู้เฉยเมยอีกครั้ง
เหล่าทีมงานคุ้นเคยกับการถ่ายภาพยนตร์กันมานาน พวกเขาจึงเกือบกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้เพราะจู่ๆ ผู้กำกับก็สั่งคัตอย่างกะทันหัน
“หา…จบแบบนี้เลยเหรอ”
“ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าหลินเยียนแสดงเก่งเหมือนกันนะ!”
“น่าทึ่งมาก…ไม่ใช่แค่ลุคเหมาะกับบทนะ แต่ยังแสดงได้ดีทีเดียว…”
…
“ผู้กำกับคะ เสร็จแล้วใช่ไหมคะ” หลินเยียนเดินมาหาเจียงอีหมิง
เจียงอีหมิงดูพอใจมาก “ใช่! คุณสองคนเคมีเข้ากันดีมากเลยนะ!”
เว่ยสวีเฟิงเดินมาปรากฏตัวที่ด้านหลังทั้งคู่เช่นกัน เขามองจอมอนิเตอร์ “จริงเหรอ? ฉันว่ายังไม่ค่อยดีขนาดนั้นนะ! มาลองถ่ายอีกสักเทคสองเทคเถอะน่า!”
หลินเยียนหน้าบึ้ง “ตรงไหนที่ว่าไม่ดี ทุกอย่างดูโอเคมากเลยนะ!”
เว่ยสวีเฟิงเปลี่ยนใจทันที “อ้อ ผมก็ว่าดีแล้วครับ”
เจียงอีหมิงอึ้ง…
หลินเยียนเองก็อึ้งกิมกี่…