ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 321 แสดงละครโกหกแต่ทำจริง / ตอนที่ 322 สงบเยือกเย็นและสงวนท่าที? ไม่มี!
- Home
- ลืมรักเลือนใจ
- ตอนที่ 321 แสดงละครโกหกแต่ทำจริง / ตอนที่ 322 สงบเยือกเย็นและสงวนท่าที? ไม่มี!
ตอนที่ 321 แสดงละครโกหกแต่ทำจริง
หลินเยียนพอได้ยินก็พยายามครุ่นคิดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นี่คือประโยคดังของออสการ์ ไวลด์…
“อืม หมายความว่ายังไงคะ?” หลินเยียนไม่เข้าใจ
ราตรีส่องสะท้อนอยู่ภายในดวงตาเผยอวี้เฉิง เขาตอบกลับไปว่า “ถ้าหลอกฉัน งั้นก็หลอกไปทั้งชาติ”
เผยอวี้เฉิงใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งตอบเธอ…
หลินเยียนเกิดภาพหลอนว่าตัวเองถูกคนดูออกและรู้ความจริงเข้าแล้ว ดังนั้นจึงอดรู้สึกตกใจไม่ได้
ขณะเดียวกันเธอก็เข้าใจความหมายของเผยอวี้เฉิง
การแสดงละครโกหกกันอะไรที่ว่านี้ ถ้าแสดงละครโกหกไปทั้งชาติ แล้วจะมีใครแยกแยะออกได้อีก แล้วมันต่างจากไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปชั่วชีวิตยังไงกันล่ะ?
ดังนั้นต่อให้รู้ว่าหลอกลวง เขาก็ไม่สนใจอย่างงั้นหรือ?
นี่ต้องชอบและรักอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งแค่ไหน ถึงจะทนรับเรื่องแบบนี้ได้?
เมื่อคิดเช่นนี้ หลินเยียนก็หัวใจกระตุกวูบทันที
พับผ่าสิ!
เผยอวี้เฉิงรักเธออย่างลึกซึ้ง?
คงไม่ได้เสียสติหรอกนะ!
“อา…เหอะๆ แบบนี้นี่เอง…” หลินเยียนหัวเราะแห้งๆ จากนั้นก็รีบทำตัวไม่เกี่ยวข้องทันที
“คือว่านั่นน่ะ ที่ฉันเล่ามันเป็นเรื่องของเพื่อนสนิทฉันนะคะ ไม่เกี่ยวกับฉันเลย ฉันไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
คราวก่อนที่บอกเลิก ที่จริงแล้วก็เพราะฉันมีข่าวอื้อฉาวกับใครก็ไม่รู้ ฉันห่วงว่าสักวันคุณจะถูกฉันทำให้เดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นฉันถึงได้สะกดกลั้นความเจ็บปวด พูดบอกเลิกด้วยความหุนหันพลันแล่นไปน่ะค่ะ…”
เผยอวี้เฉิงมองหญิงสาวซึ่งกำลังอธิบายอย่างเร็วรี่ด้วยสีหน้าประหวั่นลนลานด้วยท่าทางคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม พร้อมพูดเสียงเรียบๆ ออกมาว่า “อันที่จริง การแสดงละครโกหกกันยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างนะ”
“ความเป็นไปได้อะไรเหรอคะ?” หลินเยียนนิ่งอึ้งก่อน จากนั้นก็จ้องมองพร้อมเอ่ยถามเผยอวี้เฉิงทันที
หลินเยียนอยากรู้มาก ยังมีความเป็นไปได้อะไรอีก?
เผยอวี้เฉิงมองตาเธอ “แสดงละครโกหกแต่ทำจริง”
หลินเยียน “เอ่อ…”
หลินเยียนนิ่งอึ้ง วินาทีต่อมาใจก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่งทันที
แสดงละครโกหกแต่ทำจริง…?
อะไรกันเนี่ย ทำไมจู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนเป็นวัวสันหลังหวะล่ะ???
เยือกเย็นไว้! เยือกเย็นไว้!
ที่พูดไปตั้งมากมายเมื่อครู่เป็นแค่เรื่องสมมุติ เรื่องสมมุติเท่านั้น!
หลินเยียนนวดคลึงใบหน้า ทำให้ตัวเองสงบเยือกเย็นลง เธอกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่งพร้อมพูดว่า “อันที่จริง ตอนนั้นที่ฉันบอกเลิก ด้านหนึ่งเพราะฉันกลัวว่าชื่อเสียงฉันมันแย่เหลือเกินจนทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย ส่วนอีกด้านก็เพราะ…”
เผยอวี้เฉิงไม่ได้พูดขัด เขาอดทนฟังหญิงสาวพูดต่อไป
หลินเยียนพูดต่อไปว่า “เพราะตั้งแต่แรก ท่าทีที่คุณมีให้ฉันดูไม่ค่อยใช่ความจริงเหลือเกินค่ะ!”
“ไม่ใช่ความจริง…” เผยอวี้เฉิงพึมพำเสียงต่ำ
หลินเยียนพยักหน้า “ค่ะ…เพราะตั้งแต่เจอกันครั้งแรก คุณก็ทำตัวอบอุ่นมีมารยาท สงบเยือกเย็นและสงวนท่าทีมาตลอด แม้แต่ตอนที่โมโหครั้งนั้น พอคุณโมโหเสร็จก็คืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว ถึงฉันจะมีประสบการณ์ไม่มาก แต่ฉันรู้สึกว่า นี่มันทั้งเหมือน…และไม่เหมือนท่าทางในการรักและชอบคนคนหนึ่งค่ะ…”
ในเมื่อพูดออกไปแล้ว หลินเยียนจึงพูดความสงสัยของตัวเองออกไปทั้งหมด “ดังนั้นนะคะ ฉันเลยนึกว่าเพราะคุณเบื่อ เลยแค่มาเล่นสนุกกับฉันเท่านั้นเอง…”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ในที่สุดเผยอวี้เฉิงก็ช้อนดวงตา เขามองไปที่หญิงสาวพร้อมพูดพึมพำกับตัวเอง “สงบเยือกเย็นสงวนท่าที…”
หลินเยียนพยักหน้า “ใช่ค่ะ…”
แววตาชายหนุ่มลุ่มลึกมากขึ้นทีละน้อย “ดูเหมือนเธอจะเข้าใจฉันผิดไปอยู่บ้างนะ”
“เข้าใจผิด…” หลินเยียนกะพริบตาด้วยความงุนงง
ภายใต้แววตางุนงงและสงสัยของหญิงสาว จู่ๆ มือข้างที่สวมนาฬิกาข้อมือสีดำของเผยอวี้เฉิงก็ยกขึ้นมาอย่างแช่มช้า นิ้วมือเรียวยาวก็ค่อยๆ ประกบลงบนมือน้อยที่วางแนบข้างตัวของหญิงสาว จากนั้นก็สอดประสานกับนิ้วมือของหญิงสาวทีละน้อย…
ตอนที่ 322 สงบเยือกเย็นและสงวนท่าที? ไม่มี!
อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องจัดเลี้ยงของกองถ่าย
กำลังจะเริ่มงานแล้ว แต่หลินเยียนยังไม่กลับมา
เจี่ยงซือเฟยกับนักแสดงหญิงคนอื่นๆ ที่อยู่ที่โต๊ะเริ่มพูดด้วยความไม่พอใจแล้ว
“ทำไมยังขาดอีกคนหนึ่งล่ะ”
“เหมือนจะเป็นหลินเยียนนะ!”
“เป็นแค่ตัวละครเบอร์สี่ แต่กลับวางท่าใหญ่โตนักนะ ให้คนตั้งเยอะแยะอย่างพวกเรารอเธอแค่คนเดียว?”
เมื่อเฝิงอันหวาได้ยินก็แสดงสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน “นั่นสิ หลินเยียนล่ะ? เมื่อกี้ยังเห็นเธออยู่ตรงนี้อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ก็ไม่เห็นแล้วล่ะ”
เผยหนานซวี่พูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “เมื่อกี้เห็นเธอไปห้องน้ำ อีกเดี๋ยวก็น่าจะมาถึง อย่ามายึดติดกับเรื่องพวกนี้เลย พวกเราเริ่มงานก่อนเถอะ”
เมื่อได้ยินเผยหนานซวี่พูดขนาดนี้แล้ว คนอื่นถึงค่อยๆ เงียบลง
ทำไมถึงรู้สึกว่าเผยหนานซวี่เอาใจใส่หลินเยียนมากเป็นพิเศษอยู่เสมอเลยนะ
เพียงแต่ไม่ว่าใครเผยหนานซวี่ก็ดีด้วย ทุกคนจึงไม่ได้คิดอะไรมาก…
มีแค่เฉินเจามู่ที่ลูบคางพลางอดมองสำรวจเผยหนานซวี่อยู่หลายครั้งไม่ได้
ทำไมชอบรู้สึกว่าเผยหนานซวี่กับหลินเยียน…มีอะไรแปลกๆ
พอเผยหนานซวี่พูดจบก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความหาเผยอวี้เฉิง เพียงแต่รออยู่นานทางนั้นก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา
ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่โทรหาหลินเยียน คิดจะเตือนเวลาหลินเยียนสักหน่อย
ถึงอย่างนั้นแต่หลินเยียนปิดเครื่องไปแล้ว…
เผยหนานซวี่จ้องมองโทรศัพท์ รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
งานในวันนี้ หลินเยียนไม่สมควรที่จะมาสายมากเกินไปนัก มิหนำซ้ำยังจะถูกคนสงสัยได้ง่าย
……
ขณะเดียวกัน ภายในห้องเก็บของอันมืดมิด
หลินเยียนรู้สึกเพียงฝ่ามือที่ถูกกุมร้อนระอุ ส่วนสายตาที่ชายหนุ่มจ้องมองมาในเวลานี้ก็ยิ่งทำให้เธอไม่กล้าสบตาด้วย
วินาทีต่อมา มืออีกข้างหนึ่งของเผยอวี้เฉิงก็เกาะกุมท้ายทอยของหญิงสาวเบาๆ เข้าใกล้จนอยู่ในระยะที่ได้ยินเสียงลมหายใจ
จุมพิตที่แสนจะเบาประทับลงบนหน้าผากหญิงสาวเหมือนจะหยั่งเชิง
จากนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างแช่มช้ามาจนถึงริมฝีปากของหญิงสาว…
หลินเยียนเลิกตาโพลงทันที “…”
ช่วงที่กำลังลนลานทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น ตอนนี้เอง เผยอวี้เฉิงก็ค่อยๆ ดึงมือเธอมาประกบลงบนตำแหน่งของหัวใจที่อยู่บนหน้าอกข้างซ้ายของตนเอง
ชั่วพริบตาที่มือประกบลงบนหัวใจเผยอวี้เฉิง หลินเยียนก็แทบจะแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นทันที…
ทุกครั้งที่ถูกเผยอวี้เฉิงยั่วเย้า สมองเธอจะขาวโพลนไปหมด อารมณ์กระเจิดกระเจิง ใจก็เต้นรัวจนใกล้ตายไปแล้วหลายรอบ ส่วนเผยอวี้เฉิงนั้น ทุกครั้งกลับสงบนิ่ง เยือกเย็นสงวนท่าที ราวกับเป็นคนนอกอย่างนั้น
ดังนั้นจะไปโทษหลินเยียนว่ามักจะมีความคิดแบบนั้น รู้สึกว่าเผยอวี้เฉิงก็แค่เล่นๆ เท่านั้นไม่ได้เช่นกัน
เพียงแต่ตอนนี้ เพราะการกระทำของเผยอวี้เฉิง ทำให้หลินเยียนรับรู้ได้ว่าหัวใจของชายหนุ่มที่อยู่ใต้ฝ่ามือนั้นกำลังเต้นรุนแรงมากเพียงไหน…
กระแทกฝ่ามือเธอราวกับรัวกลองครั้งแล้วครั้งเล่า…
และฝ่ามือที่เย็นเล็กน้อยของชายหนุ่มก็ร้อนระอุมากขึ้นเรื่อยๆ…
นี่…ไม่ใช่ความสงบเยือกเย็นและสงวนท่าทีเด็ดขาด…
ความคิดที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ผุดขึ้นในสมองหลินเยียนทันที
“คุณหลิน…”
ไม่นานนักชายหนุ่มก็ผละออกจากริมฝีปากเธอ ส่วนนิ้วมือยังคงกดมือเธออยู่บนหน้าอกตัวเอง เสียงทุ้มแหบทว่ามีเสน่ห์ระคนความจนใจอยู่หลายส่วนราวกับกำลังทอดถอนใจอยู่ดังขึ้นข้างใบหูเธอ “เธอเข้าใจฉันผิดยังไงกันแน่ ถึงได้คิดว่าฉันสงบเยือกเย็น…และสงวนท่าทีต่อหน้าเธอ?”
“…” หลินเยียนรู้สึกว่าตอนนี้เหมือนอยู่บนรถไฟซึ่งกำลังวิ่งทะยานด้วยความเร็วสูงจนเกือบหลุดออกนอกรางยังไงอย่างงั้น
ถึงเมื่อครู่จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วินาที แต่การเต้นของหัวใจเผยอวี้เฉิงที่สัมผัสได้ กลับยังคงหลงเหลืออยู่บนฝ่ามือ เหมือนจริงเช่นนี้
จริงหรือหลอกกันเนี่ย…
เผยอวี้เฉิงกลับ…กลับ…
ตาบอดจริงๆ งั้นเหรอ!?