ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 391 ผมมาส่งข่าวให้ / ตอนที่ 392 ฉันกับพี่ชายคนไหนของเธอ
ตอนที่ 391 ผมมาส่งข่าวให้
จนกระทั่งได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเจียงอีหมิงเปลี่ยนไปทันที “ไม่ได้!”
รองผู้กำกับอู๋เหวินไห่ยักคิ้วขึ้น “ผู้กำกับเจียง อย่าบอกว่าถึงตอนนี้แล้วยังจะออกตัวแทนหลินเยียนอีกนะ?”
เจียงอีหมิงเอ่ยปากพูดขึ้น “ถ้าจะลบฉากหลินเยียนออกก็ต้องลบฉากของเว่ยสวีเฟิงออกทั้งหมดด้วย เพราะยังไงทั้งสองคนแสดงร่วมในฉากเดียวกันหมด ไม่ใช่แค่นี้นะ ถึงแม้ฉากที่หลินเยียนแสดงจะไม่มาก แต่มันมีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน โดยเฉพาะฉากที่แสดงกับเผยหนานซวี่ถือว่าเป็นจุดสำคัญเลย ถ้าลบไปแล้ว หนังเรื่องนี้ก็จบแล้วล่ะ!”
พอพูดถึงเว่ยสวีเฟิงแล้วผู้คนถึงเริ่มตระหนักขึ้น ราชาน้อยเว่ยไม่ใช่ย่อยเลยล่ะ
“นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ผู้กำกับเจียงคิดอะไรสักอย่างเถอะ นี่ก็ยืนยันวันเข้าโรงเรียบร้อยแล้ว จะเปลี่ยนคนถ่ายก็ไม่ทันอยู่ดี! อีกอย่างหนังพังก็คงจะดีกว่าไม่ได้อะไรคืนมาเลยไม่ใช่เหรอ?” อู๋เหวินไห่เอ่ยปากขึ้น
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ในการประชุมครั้งนี้ต้องมีทีมงานคนอื่นๆ รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน
เฝิงอันหวาไม่ได้พูดอะไร เขาร่วมมือกับเจียงอีหมิงมานานหลายปี ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่อนข้างดีมาโดยตลอด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เจียงอีหมิงต้องรับผิดชอบระดับหนึ่ง จะผลักให้ใครก็ไม่ได้
ภายในห้องประชุมยังคงถกเถียงกันอย่างไม่หยุดหย่อน
ขณะนี้ เจียงอีหมิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ในฐานะผู้กำกับหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันไม่เห็นด้วยกับการลบฉากที่มีหลินเยียนแสดง ฉันตัดสินใจแล้ว ภาพยนตร์จะฉายตามปกติ ถึงตอนนั้นถ้าขาดทุน ผู้กำกับหลักอย่างฉันจะรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพียงผู้เดียว ฉันจะไปอธิบายกับนายทุนเอง เลิก!”
เจียงอีหมิงพูดจบแล้วโค้งคำนับให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น
ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบงัน
ผ่านไปสักพักหนึ่งถึงมีคนพึมพำขึ้นมา “ถ้าหนังเรื่องนี้ขาดทุนเหรอ? ตอนนี้หนังเรื่องนี้ต้องขาดทุนแน่ๆ แล้วสินะ?”
“นั่นสิ ไม่เห็นว่าพวกเราในฐานะคนจัดโปรแกรมแย่ขนาดไหนเหรอ? โรงภาพยนตร์ชั้นนำต่างๆ ไม่ยอมฉายหนังของพวกเรา อย่างมากก็ให้วางโปรแกรมรอบเที่ยงคืนเลย…”
“เฮ้อ หนังที่เรียกเงินได้ตั้งแต่แรก โดนยัยหนังหมานั่นทำพังหมดเลย ซวยจริงๆ ครั้งนี้ผู้กำกับเจียงมองคนผิดแล้วยังไม่ยอมรับอีก…”
…
ณ คฤหาสน์เมฆ
หลังจากผ่านคืนสยองขวัญในวันแรกไปได้ หลายวันถัดมานี้ถือว่าสงบนิ่งเป็นอย่างดี
ปกติงานเผยอวี้เฉิงค่อนข้างเยอะ เขามักจะกลับมาดึกๆ ดื่นๆ สองวันที่ผ่านมาพวกเขาแทบจะไม่ได้เจอกันเลย ตอนนี้ทั้งคู่ยังสบายดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลินเยียนนอนพลิกไปพลิกมาบนเตียง บ้างก็หยิบมือถือออกมาปัดดูข่าวบ้าง
เมื่อเห็นประกาศล่าสุดของฉี่ซิง เอนเตอร์เทนเมนต์ หลินเยียนเอามือเท้าคางไว้แล้วเบะปาก ตาเกาจื้อเวยนี่น่าไม่อายจริงๆ
ใช้เธอทำคะแนนให้บริษัทตัวเอง ยังมีหน้ามาทำเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรมอีกนะ…
แต่หลินเยียนก็ขี้เกียจไปอธิบายเพื่อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น สำหรับสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ขนาดตัวเองไม่ได้พูดอะไรยังโดนชาวเน็ตด่าจนเกือบสิ้นชีพ ถ้าเอ่ยปากพูดอะไรจริงๆ คงจะฟ้าถล่มแน่นอน
เนื่องจาก ‘คู่ปรับมหากาฬ’ กำลังจะฉาย ทำให้เธอได้รับการตอบรับที่แบนทั่วอินเทอร์เน็ตอย่างถล่มทลาย
การแสดงเป็นเพียงงานของเธอ ถ้าทำหน้าที่อย่างเต็มที่และไม่รู้สึกแย่กับค่าตัวที่ได้มาก็ถือว่าดีแล้ว ส่วนต่อไปจะเป็นยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้แล้ว
หลังจากภาพยนตร์เข้าโรงแล้ว ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับปฎิกิริยาของผู้ชม
“พ่อครับ!”
ขณะเดียวกัน เสียงเผยอวี่ถังดังขึ้นจากนอกประตู
“ประตูไม่ได้ล็อก เข้ามาเลย” หลินเยียนพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เผยอวี่ถังถึงก้าวเข้ามาในห้อง
“เธอมาทำอะไรอีกเนี่ย?” สายตาหลินเยียนมองไปทางเผยอวี่ถัง
เผยอวี่ถังพูดขึ้นด้วยสีหน้าจิ้มลิ้ม “พ่อจ๋า ผมมาส่งข่าวให้พ่อไงล่ะครับ!”
แล้วก็มาใช้ห้องเอนเตอร์เทนกับสระว่ายน้ำใหญ่ของคฤหาสน์ไงล่ะ
ตอนที่ 392 ฉันกับพี่ชายคนไหนของเธอ
เพราะหลินเยียนอยู่ที่นี่เขาถึงกล้าหนีมา ไม่งั้นตีให้ตายเขาก็ไม่กล้ากลับมาหรอกนะ!
สองวันที่ผ่านมาเผยอวี่ถังหาข้ออ้างต่างๆ เพื่อมาที่คฤหาสน์ หลินเยียนชินแล้วก็เลยไม่ได้พูดอะไร “ข่าวอะไร”
“เฮ้อ ช่างเถอะ พี่ดูเอาเอง” ทันใดนั้น เผยอวี่ถังโยนมือถือให้หลินเยียนดู
อ่านเนื้อหาในมือถือเผยอวี่ถังแล้ว หลินเยียนเผยสีหน้าเรียบนิ่ง ก็ประกาศที่ฉี่ซิง เอนเตอร์เนเมนต์โพสต์ก่อนหน้านั้นเอง
“ต้องบอกเลย พ่อฮอตจริงๆ เลยนะ!”
เผยอวี่ถังจ้องไปยังหลินเยียน “ประกาศนี่เพิ่งออกมาได้ไม่นานก็มีคอมเมนต์เป็นแสนแล้ว รีโพสต์หกหมื่น…พี่จะตามพวกดาราแนวหน้าทันแล้วน่ะ”
ต้องพูดเลยว่าการที่โดนแบนทั้งอินเทอร์เน็ตนี่ถือว่าเป็นความสามารถพิเศษ
เพราะว่าการมีอยู่ของหลินเยียนทำให้สภาพแวดล้อมในอินเทอร์เน็ตสงบมากยิ่งขึ้น แค่เธอแบนหลินเยียนเธอก็เป็นพี่น้องของฉัน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน
“ฉันไม่ได้ตาบอด เห็นตั้งนานแล้ว ขอบคุณนะ” หลินเยียนพูดขึ้น
เผยอวี่ถังหัวเราะอย่างมีเลศนัยแล้วพูดขึ้น “งั้น…มีอีกข่าว พี่ไม่รู้แน่ๆ!”
“มีข่าวอะไรที่ฉันไม่รู้อีกเหรอ” หลินเยียนเอ่ยถามขึ้น
“ได้ข่าวว่าภายในกองถ่าย ‘คู่ปรับมหากาฬ’ ทะเลาะกันเพราะเรื่องจะลบฉากที่พี่แสดงหรือไม่จนแทบจะตีกันแล้ว สรุปเจียงอีหมิงบอกว่าจะรับผิดชอบทั้งหมดเพียงคนเดียว เป็นคนห้ามไม่ให้ลบฉากที่พี่แสดงและตัดสินใจให้ฉายตามที่กำหนด!”
เผยอวี่ถังพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แหมพ่อ จะว่าไปไม่คิดเลยว่ายังมีคนฉลาดในทีมงานถ่ายทำอยู่นะเนี่ย! ถ้าพวกที่จะลบฉากที่พี่แสดงรู้ว่าพี่เป็นซ้อของฝ่ายนายทุนอย่างพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์ ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงกันนะ โถๆ…”
ตอนแรกหลินเยียนแค่อยากทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ค่อยอยากใส่ใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากภาพยนตร์เข้าฉายเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเผยอวี่ถังแล้ว การปกป้องและความไว้วางใจที่เจียงอีหมิงมีต่อตัวเธอก็ทำให้รู้สึกหวั่นไหวไม่เบาเหมือนกัน
หวังว่าพอถึงเวลานั้นจริงๆ จะพอคุ้มค่ากับการปกป้องของผู้กำกับเจียงนะ
“อ้อ พ่อครับ สองวันที่ผ่านมานี้…พี่กับพี่ชายผมเป็นไงบ้างครับ” เผยอวี่ถังอดทนมาหลายวัน สุดท้ายก็ทนไม่ได้จึงถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พอหลินเยียนนึกขึ้นได้ว่าที่ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะโดนเผยอวี่ถังล้างสมอง นึกแล้วชวนโมโหจริงๆ
ไหนว่าอ่อนแอบอบบางล่ะ
นี่น่ะเหรออ่อนแอบอบบาง?
พลังต่อสู้ระดับแม็กซ์! มีวิชาอ่านใจด้วย! เหมือนเธอถูกส่งตัวเข้ามาในรังหมาป่าอย่างไงอย่างงั้น!
หลินเยียนเหลือบมองเผยอวี่ถังอย่างไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นเอ่ยปากขึ้นพร้อมสีหน้ายิ้มเล็กน้อย “เหอะๆ เป็นไงบ้างน่ะเหรอ เธอหมายถึง…ฉันกับพี่ชายคนไหนของเธอเหรอ”
เผยอวี่ถังได้ยินแล้วถึงกับต้องชะงัก อย่างแรกคือตะลึงก่อน จากนั้นตกใจจนขวัญแทบกระเจิง “พะพะพะ…พี่สะใภ้! พี่อย่าคิดตุกติกนะ! อย่าเด็ดขาดนะ! ใจเย็นก่อน! อย่าบอกว่าพี่กับพี่รองผม…”
หลินเยียนทำเสียง ‘หึ’ ขึ้นแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห “ตุกติกหน้าเธอสิ! ฉันยังไม่ได้ถามอะไรเธอเลย! เธอบอกฉันว่าร่างกายของพี่ใหญ่เธออ่อนแอเป็นพิเศษไม่ใช่เหรอ? เธอบอกว่าพี่เธอลุกขึ้นยืนยังลำบากเลย? แต่ยังไงล่ะ เธอรู้ไหมว่าคืนแรกที่ฉันมาอยู่นี่เกิดเรื่องสยองขวัญอะไรขึ้นน่ะ”
เผยอวี่ถังเบิกตากว้าง แววตาเปล่งประกายขึ้น “เกิดอะไรขึ้นเหรอ พี่ใหญ่ผมทำอะไรกับพี่”
หลินเยียน “…”
เจ้าเด็กบ้านี่ทำหน้าตื่นเต้นแบบนั้นทำไมกัน
“พี่ใหญ่เธอน่ะต่อยกับฉัน! ฉันแทบจะไม่รอดซะแล้ว!” หลินเยียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห
“ตะ…ต่อยกัน…” เผยอวี่ถังตะลึง “ดึกดื่นแบบนี้ ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง พวกพี่สองคน…ทำอะไรที่มันมีความหมายกว่านี้ไม่ได้เหรอ สรุปว่า…ต่อยกันงั้นเหรอ”