ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 463 พูดกันด้วยความสามารถ / ตอนที่ 464 พวกเขาอ่อนเกินไป
ตอนที่ 463 พูดกันด้วยความสามารถ
หลินเยียนมองไปทางมั่วซูอวิ๋นแล้วพูดขึ้น “กัปตันมั่ว นี่คือคุณตาของฉัน แล้วก็เป็นเจ้าของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่ออีกด้วย”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว มั่วซูอวิ๋นพยักหน้ามองไปทางผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุน “สวัสดีครับ ผมชื่อมั่วซูอวิ๋น เคยเป็นกัปตันของ ไฟเออร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“สวัสดี…” ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนมองไปยังมั่วซูอวิ๋นแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
แต่แล้ว คนที่ยังไม่เคยเอ่ยปากพูดอย่างอวิ๋นเซวียนนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นมามองไปทางมั่วซูอวิ๋น “คุณ…จริงด้วย…อดีตเอซของทีมไฟเออร์…ผมเคย…เคยดู…การแข่งขันของคุณ เก่งมากเลย!”
“ทีมไฟเออร์?”
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นบ้าบออะไร? ฉันก็เคยเป็นกัปตันของทีมซีเอ็ชวันน่ะ!”
“กัปตันทีมไฟเยอร์พวกเรารู้จักกันหมด เขาไม่ได้ชื่อว่ามั่วซูอวิ๋น อีกอย่างไม่ได้หน้าตาแบบนายด้วย”
“สมแล้วที่คุณหลินเยียนเป็นนักแสดง หาคนมาเล่นละครให้พวกเราดูงั้นเหรอ?”
ทีมไฟเออร์มีประวัติมายาวนาน เป็นทีมรถแข่งแรกที่ก่อตั้งในประเทศจีน ดังนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อต้องรู้จักทีมไฟเออร์
“พวกนายหมายถึงกัปตันปัจจุบันงั้นเหรอ…นั่นคือลูกศิษย์ของฉันน่ะ ฉันเป็นกัปตันของไฟเออร์เมื่อไม่กี่รุ่นที่แล้วจริง” เมื่อพูดถึงกัปตันคนปัจจุบันของไฟเออร์แล้ว แววตามั่วซูอวิ๋นเผยความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้อีกทั้งยังมีความโกรธอย่างชัดเจน
“อะไรนะ? กัปตันทีมไฟเออร์เป็นลูกศิษย์นาย”
“ได้อยู่ ผมนับถือนะ จริงๆ แล้วผมก็มีความลับอยู่น่ะ…ลั่งหมั่งเป็นลูกศิษย์ฉัน ไม่มีใครรู้เลย”
“พวกนายเก่งกันจริงๆ ฉันสู้ไม่ไหว…ฉันมีแค่ลูกศิษย์คนเดียวก็คือเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ เยวา” ชิงหลี่เผยยิ้มบางๆ พร้อมด้วยสีหน้าเยาะเย้ยสุดขีด
มั่วซูอวิ๋นยักไหล่ขึ้น ขี้เกียจเถียงกับพวกคนในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ เขาหยิบเรซูเม่ตัวเองออกมาแล้วยื่นให้ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุน
“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ ไปดูในสนามแล้วก็ลองฝีมือขับรถกันเลย หลายปีมานี้ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงแข่งระดับสูงเพราะเหตุผลบางอย่าง ดังนั้น พูดกันด้วยความสามารถ ผมคนเดียวชนะทุกคนในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ ใช้รูปแบบสองรอบ ตอนที่ผมถึงเส้นชัยแล้ว ถ้ามีใครวิ่งรอบแรกจบ ผมจะออกจากทีมเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าตรงกันข้าม พวกหนอนเน่าในต่างๆ ในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้” มั่วซูอวิ๋นเผยยิ้มบางๆ
ลูกทีมสองคนในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อตั้งใจค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต จากนั้นดูรูปจากในมือถือแล้วมองไปยังผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง
ข้อมูลที่พวกเขาค้นหานั้น เขาเคยเป็นกัปตันทีมไฟเออร์ก็จริง แต่ว่าดูหน้าตาหล่อเหลาและกระปรี้กระเปร่ามาก แต่ผู้ชายตรงหน้าและผู้ชายในรูปแค่มีความเหมือนเล็กน้อยเท่านั้นเอง อีกอย่างกัปตันในอดีตของไฟเออร์ในรูปนี้เขาเรียกกันว่า ‘ไรอัน’ ไม่ได้ชื่อ มั่วซูอวิ๋น!
“น่าจะไม่ใช่คนเดียวกันหรอกมั้ง?” ทันใดนั้น มีนักแข่งรถคนหนึ่งพูดกับชิงหลี่เบาๆ
ได้ยินแบบนั้นแล้ว ชิงหลี่รับโทรศัพท์มาตั้งใจส่องดู จากนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยะเยือก “เหมือนอยู่บ้างนะ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนเดียวกัน อีกอย่าง บนนี้บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไรอัน ไม่ใช่มั่วซูอวิ๋น นายคิดว่าหลินเยียนจะหาอดีตกัปตันของทีมไฟเออร์ได้จริงเหรอ ให้คนที่ย้ายทีมแบบนี้เป็นกัปตันทีมรถแข่งตระกูลเฮ่องั้นเหรอ? ใช้ตูดคิดหรือไง มันสมจริงไหมนั่น”
เมื่อได้ยินชิงหลี่พูดแบบนี้แล้ว นักแข่งรถหลายคนจากตระกูลเฮ่อค่อยโล่งอกหน่อย ชิงหลี่พูดได้ถูก พวกเขาคิดมากไปเอง
ถ้าเป็นคนปกติที่มีสมอง ไม่มีทางออกมาจากทีมรถแข่งชื่อดังแล้วไปร่วมทีมระดับต้นแน่นอน! อีกทั้งยังเป็นทีมรถแข่งเล็กๆ ที่จะสลายตัวได้ทุกเมื่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นกัปตันของทีมรถชื่อดังเลย!
“เถ้าแก่ ที่ผมพูดมา ท่านว่าพอได้ไหมครับ” มั่วซูอวิ๋นมองไปทางผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนแล้วหัวเราะเบาๆ
ตอนที่ 464 พวกเขาอ่อนเกินไป
“โอเค ได้” หลังจากครุ่นคิดสักพักแล้ว สุดท้ายเฮ่อติ้งคุนพยักหน้าตอบรับ
สำหรับตัวตนที่แท้จริงของมั่วซูอวิ๋น นายผู้เฒ่าเองก็มีข้อสงสัยอยู่ หลินเยียนไม่มีเหตุผลโกหกตัวเขา แต่แค่กลัวหลินเยียนจะเจอกับสิบแปดมงกุฎเข้า
ส่วนทีมไฟเยอร์นั้น แน่นอนว่าเฮ่อติ้งคุนรู้จักอยู่แล้ว แต่แค่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
อีกอย่าง ไม่ว่าคนนี้จะเป็นใครมาจากไหน สุดท้ายก็ต้องไปลองรถกันที่สนามอยู่ดี เขาไม่มีเหตุผลจะปฎิเสธ
“เหอะ อยากไปลองรถที่สนามเหรอ ได้สิ แต่ถ้าแพ้ นายคลานออกไปเลยนะ” เฮ่อหมิงไข่พูดจบแล้วมองไปทางหลินเยียนทันที “แล้วก็เธอด้วย คลานไปกับเขานั่นแหละ หลังจากนี้อย่าให้ฉันเห็นเธอที่คฤหาสน์อีก ไม่งั้นก็รอดูเอาเองแล้วกัน”
หลินเยียนเสยมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ได้สิ”
ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อทุกคนในที่นี้อยากตบหน้าตัวเองขนาดนี้ เธอไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
มั่วซูอวิ๋นเคยเป็นกัปตันทีมไฟเยอร์จริง ฉายา ‘ราชาน้อยไรอัน’ มีพลังการควบคุมในสนามที่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง
แต่ตอนนั้นกระแสวงการรถแข่งภายในประเทศยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ รวมถึงมั่วซูอวิ๋นเองก็มีธุระส่วนตัว ก็เลยออกมาจากทีมไฟเยอร์สองปี แต่พอกลับมาได้ไม่นานก็ถูกวางตัวให้อยู่ในตำแหน่งตัวสำรอง ไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงแข่ง ส่วนเพราะอะไร หลินเยียนก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไร มีสิ่งหนึ่งที่หลินเยียนมั่นใจได้ ต่อให้มั่วซูอวิ๋นหลับตาก็แข่งชนะทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อทุกคนได้
“ผม…ผมคิดว่า…”
จู่ๆ อวิ๋นเซวียนที่อยู่ข้างหลินเยียนเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ “ผมก็…ไป…ลอง…ลองดูได้ครับ”
“พวกเราไปด้วยกัน” หลินเยียนหัวเราะ
“ครับ!” อวิ๋นเซวียนรีบพยักหน้าด้วยความดีใจ
เมื่อพูดถึงรถแข่ง เซลล์ที่อยู่ในตัวอวิ๋นเซวียนเหมือนถูกกระตุ้นกะทันหัน แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเร่าร้อน
ผ่านไปราวสิบห้านาที ผู้คนทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อก็มายังสนามแข่งปล่อยเช่าที่อยู่ชานเมือง ในนั้นมีรถแข่งที่ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อเอาไว้ฝึกเป็นประจำ
ขณะนี้ ฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว แต่สำหรับนักแข่งรถมืออาชีพนั้น ไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร พวกเขาล้วนแต่สามารถรับมือได้
“กัป…กัปตัน…ผมชนะ…พวกเขา…แทนคุณได้”
จู่ๆ สายตาของอวิ๋นเซวียนมองไปยังมั่วซูอวิ๋นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันเบา “เมื่อคืน…ผม…ดูคลิปแข่งของ…ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อเยอะมาก…พวกเขา…อ่อนเกินไป…”
“แกพูดบ้าอะไร!”
สิ้นเสียงอวิ๋นเซวียน หนึ่งในนักแข่งรถอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมา ทำท่าจะเหวี่ยงหมัดใส่อวิ๋นเซวียน
แต่แล้ว หมัดนี้ยังไม่เหวี่ยงออกไป ดันถูกหลินเยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ มั่วซูอวิ๋นดักเอาไว้ก่อน
หลินเยียนมีแรงมหาศาลอย่างน่าประหลาด ไม่ว่านักแข่งรถคนนั้นจะทำอย่างไรก็ดึงกำปั้นที่อยู่ในมือหลินเยียนออกมาไม่ได้
“พูดจาให้มันดีๆ หน่อย” ความเยือกเย็นปรากฏในแววตาหลินเยียน หลังจากพูดกับนักแข่งรถคนนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วถึงค่อยคลายมือออก
บ้าเอ๊ย ยัยนี่ดูเปราะบางแต่ทำไมแรงเยอะขนาดนี้วะ
“หึ หาเศษสวะมาสองตัว ทำมาเป็นเหมือนมือโปรงั้นเหรอ ฉันจะดูว่าพวกแกจะตายท่าไหน!” นักแข่งรถคนนั้นท่าทางฟึดฟัด จับกำปั้นที่เริ่มปวดเล็กน้อยแล้วเข้าไปในรถทันที
“ไม่ต้องรีบ” มั่วซูอวิ๋นมองไปทางอวิ๋นเซวียนแล้วยิ้มขึ้น “หลังจากพวกเขาไสหัวไปหมดแล้ว ฉันจะทดสอบแกด้วยตัวเอง ถ้าแกไม่มีความสามารถจริงๆ ก็ต้องไสหัวไปพร้อมพวกเขานั่นแหละ ดังนั้นเตรียมใจไว้ให้ดี”
“ได้เลยครับ” อวิ๋นเซวียนพยักหน้าด้วยความตั้งใจ