ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 475 ห่างกันขนาดนี้เลยเหรอ / ตอนที่ 476 ลำเอียงขนาดนี้เลยเหรอ
ตอนที่ 475 ห่างกันขนาดนี้เลยเหรอ
เห็นผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนโมโหจริง ถึงแม้เฮ่อหมิงไข่และเฮ่อสยงจะไม่พอใจแค่ไหนก็ไม่กล้าแสดงให้เห็นทันที
“เหอะๆ เฮ่อหมิงไข่ใช่ไหม ในฐานะหลานชายของผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุน ฉันเก็บนายไว้ในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อได้ แต่การฝึกซ้อมของฉันค่อนข้างเข้มงวดและเหนื่อยมากเลยนะ
ถ้านายทำตามเกณฑ์ไม่ได้ หรือเป็นตัวถ่วงทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ ขัดขวางการพัฒนาของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ งั้นก็ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่สนใจว่านายเป็นใครมาจากไหน นายต้องเก็บของแล้วไสหัวไป ฉันเป็นคนพูดตรงๆ ไม่มีเจตนาร้าย นายคงไม่โทษฉันสินะ?” มั่วซูอวิ๋นหัวเราะแล้วพูดขึ้น
ได้ยินที่มั่วซูอวิ๋นพูดแล้ว เฮ่อหมิงไข่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนอย่างนายจะมาฝึกฉันเนี่ยนะ?”
“เหอๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนกับคุณหลินเยียน ปกติฉันไม่มานั่งฝึกพวกสวะอย่างนายหรอกนะ” มั่วซูอวิ๋นหัวเราะ
“แกว่าใครเป็นสวะ!” เส้นเอ็นบนหน้าผากเฮ่อสยงปูดขึ้นเป็นเส้น
“อ้อ ขอโทษ…ไม่ใช่สวะน่ะ แต่เป็นคนที่ไม่มีเทคนิค หลงตัวเองและไม่ยอมรับความจริงต่างหากล่ะ” มั่วซูอวิ๋นแก้ไขคำพูด
“พี่หมิงไข่ กัปตันมั่วฝึกพวกเราถือว่าเพียงพอแล้วล่ะ…ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เยียน ด้วยความสามารถของกัปตันมั่ว ต่อให้พวกเราทุ่มเงินเยอะแค่ไหนเขาก็คงไม่ยอมสอนพวกเราหรอกนะ…” เฮ่อเล่อเฟิงมองไปทางเฮ่อหมิงไข่ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น
“ดูนี่สิ ดูเอาเอง เด็กคนนี้ช่างรู้เรื่องพูดจาดี แซ่เฮ่อเหมือนกัน…ทำไมถึงมีความแตกต่างเยอะขนาดนี้ล่ะ” มั่วซูอวิ๋นมองไปทางเฮ่อเล่อเฟิง “พ่อนายคงจะสั่งสอนนายมาอย่างดีสินะ”
ได้ยินเช่นนั้นแล้วเฮ่อสยงจ้องเขม็งใส่มั่วซูอวิ๋น ที่เขาบอกเฮ่อเล่อเฟิงว่าพ่อของเขาสั่งสอนเขามาดีก็หมายความว่ามารยาทที่บ้านเฮ่อหมิงไข่สอนไม่ดีน่ะเหรอ?!
“เถ้าแก่ครับ คนอย่างผมเป็นคนพูดจาขวานผ่าซาก ไม่ได้คิดร้ายอะไร ผมแค่หวังดีต่อทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ ดังนั้นภายใต้การดูแลของผม ไม่มีความสัมพันธ์ญาติอะไร หวังว่าจะเข้าใจผมนะครับ” ทันใดนั้น มั่วซูอวิ๋นมองไปทางผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุน
ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนพยักหน้าแล้วเอ่ยปากขึ้น “เข้าใจ ไม่เป็นไรหรอก จริงๆ นายพูดได้ถูก ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อต้องมีระเบียบซะบ้าง ถ้าไม่มีระเบียบก็ทำอะไรไม่ดีสักอย่าง”
“ที่นายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนพูดมา เชื่อว่าพวกนายคงจะได้ยินแล้วนะ เฮ่อหมิงไข่แล้วก็เฮ่อสยง พวกนายสองคนไปทำธุระตัวเองก่อนเถอะ ถ้ามีธุระในทีมรถเดี๋ยวฉันจะเรียกหาเอง ต่อไปนี้คือการพูดคุยระดับสูง พวกนายไม่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ” มั่วซูอวิ๋นเอ่ยปากพูดขึ้น
“การคุยระดับสูงอะไรกัน” เฮ่อสยงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พวกแกออกไปก่อนเถอะ” มั่วซูอวิ๋นยังไม่ทันพูด ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนพูดขึ้นมาก่อน
ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนพูดขนาดนี้แล้ว สองพ่อลูกเฮ่อหมิงไข่และเฮ่อสยงก็ไม่คิดจะพูดอะไรต่อแล้ว ได้แต่ออกจากตรงนั้นด้วยความอึดอัด
หลังจากสองพ่อลูกออกไปแล้ว ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนก็จัดเตรียมสัญญาซื้อหุ้น มั่วซูอวิ๋นเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่เซ็นชื่อในสัญญาหุ้นส่วน ส่วนเรื่องยิบย่อยหลังจากเป็นหุ้นส่วนแล้วยังไม่รีบเท่าไหร่
“เถ้าแก่ครับ ให้อวิ๋นเซวียนและน้องเล่อเฟิงไปลองสนามซะหน่อยเถอะครับ” ผ่านไปสักพัก มั่วซูอวิ๋นพูดขึ้น
เฮ่อเล่อเฟิงมีฝีมือแบบไหน เขารู้อยู่แก่ใจดี แต่อวิ๋นเซวียนนั้น เฮ่อติ้งคุนไม่รู้เลยแม้แต่นิด เด็กผู้ชายคนนี้ที่พากลับมานั้นดูท่าทางนิ่งขรึม เรียบร้อยสุภาพ นิสัยแบบนี้เหมือนจะไม่ค่อยเหมาะกับการขับรถเร็ว
แน่นอนว่าฝีมือการขับรถของอวิ๋นเซวียนเป็นยังไง คงต้องไปดูกันที่สนามอีกที
“ลองรถตอนนี้เหรอ?” เฮ่อเล่อเฟิงถามขึ้น
“ไม่งั้นจะรอปีหน้าเหรอ” มั่วซูอวิ๋นตอบ
เฮ่อเล่อเฟิง “…”
ตอนที่ 476 ลำเอียงขนาดนี้เลยเหรอ
“กัปตันครับ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ได้ตลอดทุกเมื่อ” เฮ่อเล่อเฟิงพยักหน้า
“ผมก็ไม่มีปัญหา” อวิ๋นเซวียนที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปากขึ้น
หลินเยียนมองไปทางอวิ๋นเซวียนที่เหมือนคนล่องหนอยู่ข้างๆ ตัวเอง
ถ้าไม่ใช่เพราะมั่วซูอวิ๋นพูดถึง เธอแทบจะลืมว่าอวิ๋นเซวียนยังอยู่ตรงนี้
เด็กผู้ชายคนนี้ไม่ค่อยมีตัวตนเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะออร่าของเขาพิเศษกว่าคนอื่น อีกทั้งยังมีหน้าตาที่โดดเด่นล่ะก็ ถ้าโยนเขาเข้าในกลุ่มคนคงจะไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากคนอื่นหรอก
“เอาล่ะ งั้นไปลองกันเถอะ ฉันอยากดูฝีมือของอวิ๋นเซวียนสักหน่อยเหมือนกัน” เฮ่อติ้งคุนหัวเราะแล้วพูดขึ้น
ได้ยินที่เฮ่อติ้งคุนพูดแล้ว ดูอวิ๋นเซวียนมีท่าทางตื่นเต้นขึ้นมา
ขณะเดียวกัน หลินเยียนตบบ่าอวิ๋นเซวียนเบาๆ เป็นนัยว่าให้อวิ๋นเซวียนไม่ต้องตื่นเต้นไป
ไม่นานทุกคนก็เตรียมตัวออกจากบ้าน มั่วซูอวิ๋นขับรถพาทุกคนไปยังสนามซ้อมของตระกูลเฮ่อที่อยู่ชานเมืองซึ่งไปมาแล้วเมื่อคืน
เมื่อมาถึงสถานที่ฝึกซ้อมแล้ว มั่วซูอวิ๋นพูดขึ้น “พวกนายเลือกรถเองแล้วก็เตรียมตัวให้ดี ขับได้เมื่อไหร่ก็มาบอกฉัน”
“กัปตันมั่ววิ่งด้วยไหมครับ” เฮ่อเล่อเฟิงเอ่ยปากถามขึ้น
“ฉันจะไปวิ่งอะไรด้วยล่ะ ฉันจะดูพวกนายนี่แหละ” มั่วซูอวิ๋นถอนหายใจ รู้สึกเด็กนี่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่
“ได้เลยครับ ผมจะทำให้ดีครับกัปตัน!” เฮ่อเล่อเฟิงพูดจบแล้วไปเตรียมตัวทันที
“ทัศนคติดีอยู่” เฮ่อเล่อเฟิงหลังเดินจากไปแล้ว มั่วซูอวิ๋นพยักหน้า
คนที่เขาไม่ชอบที่สุดคือคนอย่างเฮ่อหมิงไข่ ไม่มีความสามารถแต่ทำเป็นทะนงตัว ไม่รู้เงาหัวตัวเอง คนแบบนี้ถ้าไม่ยอมรับตัวเอง ชาตินี้คงจะยกระดับฝีมือการขับไปถึงไหนไม่ได้หรอกนะ
กลับมามองที่เฮ่อเล่อเฟิง ถึงแม้หลินเยียนเคยบอกเขาว่าฝีมือการขับรถของเขาห่วยแตกมาก แต่เขามีทัศนคติดี และสามารถยอมรับตัวเองได้ ดังนั้นถือว่ายังมีพื้นที่เติบโตได้อีกมาก
“อวิ๋นเซวียนไม่ไปเลือกรถเหรอ”
ผ่านไปสักพัก หลินเยียนเห็นอวิ๋นเซวียนยืนอยู่ข้างๆ ตัวเอง จึงสงสัยแล้วเอ่ยถามขึ้น
“พี่สาว…” อวิ๋นเซวียนมองไปทางหลินเยียนแล้วเอ่ยปากขึ้น “คืนที่พวกเรามาที่นี่ด้วยกัน…ผมสำรวจรถมาหมดแล้ว…นอกจากรถของเฮ่อหมิงไข่แล้ว คันอื่นก็เหมือนๆ กันหมด ดังนั้น…ผมได้หมดครับ”
ได้ยินเช่นนั้นแล้วหลินเยียนจึงพยักหน้า ไม่คิดเลยว่าอวิ๋นเซวียนจะเป็นคนใส่ใจในรายละเอียดขนาดนี้ คืนแรกที่มาศูนย์ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อฝึกก็จำสภาพรถไว้แล้ว
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง อวิ๋นเซวียนและเฮ่อเล่อเฟิงทั้งสองเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เฮ่อเล่อเฟิงเลือกรถแข่งที่เฮ่อหมิงไข่เคยใช้ก่อนหน้านั้น ส่วนอวิ๋นเซวียนเลือกรถมาสักคันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เตรียมตัวเสร็จแล้วเหรอ” เฮ่อติ้งคุนถามขึ้น
“พร้อมครับคุณปู่” เฮ่อเล่อเฟิงพูดขึ้น
“ได้ทุกเมื่อ” อวิ๋นเซวียนเอ่ยปากขึ้น
“เดี๋ยวก่อน” หลินเยียนเดินตรงเข้าไปเปิดประตูรถที่อวิ๋นเซวียนขับแล้วเข้าไปนั่งฝั่งคนนั่ง
“ฉันติดรถไปด้วย” หลินเยียนพูดขึ้น
“อื้ม พี่สาว…ผมขับเร็วไป เดี๋ยวพี่จะอ้วกเอานะ…” เห็นหลินเยียนขึ้นรถมาด้วย อวิ๋นเซวียนเตือนขึ้นด้วยความหวังดี
หลินเยียน “…”
อย่าว่าแต่แข่งรถเลย ต่อให้ขับจรวด ขับเรือดำน้ำ ขับรถแบ็คโฮ เธอไม่มีทางอ้วกแน่นอน
“ไม่เป็นไร” หลินเยียนพูดขึ้น
“งั้น…พี่สาวครับ ผมขับช้าหน่อย…ดีไหม” อวิ๋นเซวียนพูดต่อ
“อย่านะ” ส่ายหัว “เอาความสามารถทั้งหมดในตัวเธอออกมาให้หมด ปกติขับยังไงก็ขับอย่างนั้น อย่าจงใจชะลอ แล้วก็อย่าฝืนตัวเองขับเร็วเกินไป ฉันต้องการความเป็นปกติของเธอ สภาพปกติตอนที่เธอแข่งรถ เข้าใจไหม”
“ได้ครับ…พี่สาว ผมเข้าใจแล้ว” อวิ๋นเซวียนตอบรับอย่างเชื่อฟัง
“พี่เยียน ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ!”
เห็นหลินเยียนขึ้นรถของอวิ๋นเซวียนแล้ว เฮ่อเล่อเฟิงที่อยู่อีกฝั่งก็งอแงขึ้นมา ลดหน้าต่างลงแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “พี่เยียนครับ ถ้าจะขึ้น ก็ต้องขึ้นรถผมสิ ผมเป็นน้องของพี่นะ!”
ทำไมพี่ลำเอียงแบบนี้ ไม่ได้การแล้ว ถ้าพี่ขึ้นรถอวิ๋นเซวียน ผมจะเอาอะไรไปสู้เขาล่ะ พี่รีบมานี่เร็ว ก่อนหน้านั้นพวกเราร่วมมือกันดีไม่ใช่เหรอ!”