ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 491 เป็นใครกันแน่ / ตอนที่ 492 ฉันก็ไม่รู้จักคุณเหมือนกัน
ตอนที่ 491 เป็นใครกันแน่
แน่นอนว่าในฐานะน้องชายยมบาลเผย เขาต้องห้ามกลัวเด็ดขาด!
พี่ใหญ่ไม่อยู่เขาก็ต้องปกป้องพี่สะใภ้ไว้ให้ดี ไม่งั้นถ้าพี่ใหญ่รู้เรื่องขึ้นมา ตัวเองคงจะโดนไม่เบา!
“คุณผู้ชายครับช่วยหลบไปหน่อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ” หันอี้เซวียนมองไปทางเผยอวี่ถังแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“หืม? ไม่เกี่ยวกับฉัน? ทำไมไม่เกี่ยวกับฉันล่ะ? นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? นายรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร นายรู้ไหมว่าเธอเป็นอะไรของฉัน นายรู้ว่าฉันเป็นอะไรของเธอไหม?” เผยอวี่ถังตะคอกขึ้น
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว หันอี้เซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ทำไมดูท่าทางบ้าๆ บอๆ พูดไม่รู้เรื่องสักเท่าไหร่
ถึงแม้หันอี้เซวียนก็พอรู้ว่าผู้ชายตรงหน้านี้คงไม่ธรรมดา ก่อนจะใส่ชื่อเผยอวี่ถังลงในรายชื่อเชิญชวน พวกเขาก็เคยไปสืบมาบ้างแล้ว
แต่ผลในการสืบปรากฎว่าเผยอวี่ถังแค่เป็นเจ้าของทีมรถแข่งระดับต้นที่ฝีมือห่วยแตก นอกจากนั้นแล้วข้อมูลภูมิหลังของผู้ชายคนนี้ราวกับปริศนา ค้นยังไงก็ไม่เจอ
“ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน คุณเป็นใครกันแน่” หันอี้เซวียนมองไปทางเผยอวี่ถังพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ถุ้ย คนอย่างนายอยากรู้ว่าฉันเป็นใครงั้นเหรอ?” เผยอวี่ถังทำท่าทางแข็งกระด้าง
ถึงแม้เขาอยากเปิดเผยตัวเองมาก แต่พี่ใหญ่ห้ามไม่ให้เขาสร้างเรื่อง โดยเฉพาะในฐานะน้องชายของเผยอวี้เฉิง
ดังนั้นสำหรับตัวตนของเผยอวี่ถัง ไม่มีคนอื่นรู้เลย ถึงแม้จะมีคนจำนวนน้อยที่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยออกไปเด็ดขาด
คนอื่นไม่กล้าเปิดเผย เผยอวี่ถังเองก็ไม่กล้าเหมือนกัน…
“พ่อไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมเป็นผู้ชาย มีผมอยู่รับรองว่าไม่มีใครกล้าแกล้งพ่อแน่นอน!”
ในขณะเดียวกันเผยอวี่ถังพูดกับหลินเยียนด้วยสีหน้าจริงจัง
“อื้มๆ เด็กดี!”
ได้ยินแบบนั้นแล้ว หลินเยียนพยักหน้าไม่หยุด รู้สึกอุ่นใจและซาบซึ้งขึ้นมา สมแล้วที่เป็นลูกชายคนดีของตัวเอง ไม่ได้เลี้ยงให้เสียแรงเปล่าๆ เลย!
“ดังนั้น!”
เผยอวี่ถังพูดขึ้นด้วยความจริงจัง “เดี๋ยวถ้าต่อยกันจริงๆ พี่ต้องปกป้องผมนะ…”
หลินเยียน “??”
พลังแอคเทคของพ่อตัวเอง เผยอวี่ถังรู้อยู่แก่ใจอย่างชัดเจน แค่บอดี้การ์ดพวกนี้สู้พ่อเขาไม่ได้แน่นอน ในขณะเดียวกันก็ปกป้องเขาไปด้วย ถือว่าเหลือๆ เลยล่ะ
หลินเยียนมองไปทางเผยอวี่ถัง ตอนแรกรู้สึกอุ่นใจ แต่พอเผยอวี่ถังหันมาพูดคำนี้เสร็จ ความซาบซึ้งนั้นหายสาบสูญไปทันที เจ้าเด็กบื้อนี่!
“ไล่หล่อนออกไปเดี๋ยวนี้” วินาทีนี้ หันอี้เซวียนทนไม่ได้แล้ว
“ใครกล้า!”
จู่ๆ ฉีเซ่าหยวนที่อยู่ข้างๆ ก้าวมาด้านหน้าด้วยสีหน้าเย็นเฉียบ
“ฉี่เซ่า…นาย?”
เห็นเช่นนั้นแล้ว หันอี้เซวียนรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
“ผมเป็นคนชวนคุณหลินเยียนเอง พวกนายกล้าลงมืองั้นรึ?!” ฉีเซ่าหยวนพูดขึ้นด้วยเสียงแข็ง
หันอี้เซวียนยังไม่ทันพูดอะไรต่อ มู่มู่และก็อดซีจากทีมซีเอ็ชวัน ต่างเดินเข้ามาเช่นกัน
“คุณหันหมายความว่าไงกัน พวกเราทีมซีเอ็ชวัน เป็นคนเชิญคุณหลินมา คุณรับแขกแบบนี้เนี่ยนะ?” ก็อดซีมองไปทางหันอี้เซวียน
“ก็อดซีก็เชิญบอ…เอ่อ คุณหลินเยียนด้วยเหรอครับ?” ฉีเซ่าหยวนพูดขึ้น
“ใช่แล้ว พอดีพวกเรายังมีโควตาเหลืออยู่หนึ่งที่ ก็เลยเอาโควตาให้คุณหลินเยียน” ก็อดซีเอ่ยปากขึ้น
“เข้าใจแล้วครับ” ฉีเซ่าหยวนพยักหน้า
สรุปว่า บอสถูกคนมีหน้ามีตาหลายคนเชิญชวนมาที่นี่…
แต่แล้วเจ้าหันอี้เซวียนนี่ช่างไร้มารยาทแบบนี้!
ขณะเดียวกัน เว่ยสวีเฟิงมองไปทางฉีเซ่าหยวนด้วยความประหลาดใจ ฉีเซ่าหยวนไปสนิทกับหลินเยียนตั้งแต่เมื่อไหร่? ถึงขั้นต่อต้านบอสเสนอหน้าแทนหลินเยียน เขาบ้าไปแล้วเหรอ?!
ตอนที่ 492 ฉันก็ไม่รู้จักคุณเหมือนกัน
หันอี้เซวียนมองไปทางเผยอวี่ถัง ฉีเซ่าหยวน ก็อดซีและคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าอึ้งทึ่ง
เป็นไปได้ไง…
หลินเยียนมีความสัมพันธ์อะไรกับคนเหล่านี้
หลินเยียนไม่ได้แฝงตัวเข้ามา แต่ถูกทั้งสามคนนี้เชิญชวนพร้อมกันเหรอ
มากไปกว่านั้น ทั้งสามนี้ยอมปะทะซึ่งๆ หน้ากับคนจัดงานเลี้ยงส่วนตัวอย่างเขาในสถานการณ์แบบนี้ ก็เพื่อออกตัวแทนหลินเยียน
ดังนั้น คนเหล่านี้มีความสัมพันธ์อะไรกับหลินเยียนกันแน่
หันอี้เซวียนมองไปทางหลินซูหย่าตามสัญชาตญาณ
ขณะเดียวกัน หลินซูหย่ากำลังครุ่นคิด
สำหรับการออกตัวแทนของก็อดซี เธอไม่รู้สึกแปลกใจ
ช่วงนี้เพื่อคว้ามาซึ่งบทตัวละครเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ เยวาในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ‘เลเจนด์’ เธอทำการบ้านมากมายเกี่ยวกับรถแข่ง รวมถึงการแข่งขันในวงการรถแข่งภายในประเทศเธอก็ดูมาไม่น้อย
ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘คู่ปรับมหากาฬ’ จะเข้าโรง ทีมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูเคยท้าแข่งกับทีมซีเอ็ชวัน ถึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อมาแทนที่ทีมซีเอ็ชวันในการแข่งกับทีมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยู สุดท้ายอาศัยหลินเยียนชนะทีมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูซะอย่างงั้น
ถึงแม้หลินซูหย่าพอรู้ว่าเมื่อก่อนตอนหลินเยียนอยู่ต่างประเทศมีอาชีพเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ แต่หลินซูหย่าไม่คิดว่าฝีมือการแข่งรถของหลินเยียนไม่ได้ต่ำอย่างที่คิดไว้ ขนาดทีมรถแข่งแนวหน้าภายในประเทศอย่างทีมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูยังเอาชนะได้…
ดังนั้นก็อดซีกัปตันของทีมซีเอ็ชวัน ต้องรู้จักหลินเยียนแน่ๆ
แต่ที่ทำให้หลินซูหย่าคาดไม่ถึงก็คือ นอกจากก็อดซีทีมซีเอ็ชวัน แล้วยังมีฉีเซ่าหยวน รวมถึงเผยอวี่ถังที่มีประวัติลึกลับมาออกตัวแทนเธอ
“เหอะ…”
สายตาหลินซูหย่ามองไปทางหลินเยียนแล้วเสยยิ้มขึ้นเล็กน้อย หัวเราะอย่างเยาะเย้ยเบาๆ เธอช่างดูถูกพี่สาวตัวเองจริงๆ พัวพันกับผู้ชายสามคนในเวลาเดียวกันได้แบบนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ เลย…
“คุณเยวาคะ…นี่คือพี่สาวของฉัน พี่สาวฉันไม่ใช่คนนอกวงการนะคะ เธอมาจากทีมรถแข่งเล็กๆ น่ะ” หลินซูหย่ามองไปทางหญิงสาวเย็นยะเยือกข้างๆ แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว หญิงสาวเหลือบมองหลินเยียนแล้วเอ่ยปากขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งยโส “ฉันไม่สนใจว่าเธอคือใคร มาจากทีมไหน แต่ฉันหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
“คุณเยวาคะ พวกเรารับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกค่ะ…เมื่อกี้แค่เข้าใจผิดเล็กน้อย” ผู้ช่วยหญิงที่อยู่ด้านหลังหลินซูหย่าเดินเข้ามารับปากหญิงสาว
“เจ้าซีเอ้ย อย่าให้ฉันพูดเลย วันนี้เป็นวันที่พวกเราจะแข่งกระชับมิตรกับคุณเยวานะ อีกอย่างทุกคนคุยกันแล้วว่าจะไม่เชิญคนไม่เกี่ยวข้องมา ตอนนี้นายพาใครก็ไม่รู้มานี่ ทำให้เสียบรรยากาศแบบนี้ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ”
หนึ่งในกัปตันทีมรถแข่งเควันมองไปทางก็อดซีแล้วพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด อีกทั้งยังมองหน้าหลินเยียนด้วยความเหยียดหยามเล็กน้อย
“คุณหลินเยียนเป็นเพื่อนสนิทผมน่ะครับ แล้วก็ยังเป็นนักแข่งรถหญิงที่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย อะไรคือคนไม่เกี่ยวข้องเหรอครับ” ก็อดซีเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เหอะๆ หมายความว่าไง…นักแข่งรถหญิงที่ฝีมือไม่ธรรมดา?”
ขณะเดียวกัน กัปตันหญิงคนเดียวในทีมรถแข่งเควันมองไปทางก็อดซีแล้วหัวเราะขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นักแข่งรถหญิงที่มีความสามารถในประเทศฉันเจอมาเกือบจะหมดแล้ว แต่คนนี้ ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จักจริงๆ”
“เหอะ ตัวคุณเองก็เป็นนักแข่งรถหญิง แต่ยังมาดูถูกนักแข่งรถหญิงด้วยกันเอง คุณเยวาก็เป็นนักแข่งรถหญิงเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ” หลินเยียนหัวเราะแล้วพูดขึ้นอย่างไม่แยแส
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว นักแข่งรถหญิงจากทีมรถเควันชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหันไปมองทางหลินเยียนด้วยสายตาเย็นชา “ไม่ต้องมาเล่นกับคำพูดหรอกนะ ฉันหมายความว่านักแข่งรถหญิงที่มีชื่อเสียงและมีความสามารถฉันรู้จักหมด แต่ฉันไม่รู้จักเธอ”
หลินเยียนพยักหน้า “บังเอิญจัง”
“หมายความว่าไง?”
หลินเยียน “บังเอิญว่าฉันก็ไม่รู้จักคุณเหมือนกัน”