ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 589 ไม่ชอบเอาเปรียบคนอื่น / ตอนที่ 590 ฟังข้ออ้างหนูก่อนนะ!
ตอนที่ 589 ไม่ชอบเอาเปรียบคนอื่น
หลินเยียนมองดูชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ ตอนนี้เธอเริ่มสงสัยจริงจังแล้วว่าผู้ชายคนนี้มีใบขับขี่จริงหรือเปล่า
ฝีมือขับรถแบบนี้หลินเยียนไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ถึงแม้ตอนที่เธอเพิ่งเริ่มเรียนรู้การขับรถ เธอก็ไม่เคยขับรถด้วยฝีมืออุบาทว์แบบนี้มาก่อน
แต่แล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่มีฝีมือขับรถที่ห่วยแตกถึงขั้นสุด อีกทั้งยังหลงตัวเองและมีโอโก้ขั้นวิกฤตต่อฝีมือขับรถตัวเองอีกด้วย แค่บอกว่าเขาขับรถห่วยแตกก็จะมีโอกาสโดนเขาอาละวาดทุกเมื่อ
แต่จะว่าไปแล้ว หลินเยียนเริ่มสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่…
“เอ่อ นายชื่ออะไรเหรอ” ผ่านไปครู่หนึ่ง สายตาหลินเยียนมองไปทางชายหนุ่ม เธอเผยยิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้น
หลังจากหลินเยียนพูดจบ ชายหนุ่มหันหน้ามาแล้วมองไปทางหลินเยียน “อย่าถาม”
หลินเยียน “…”
หลินเยียนยังไม่ทันพูดขึ้น ชายหนุ่มถามกลับ “ชื่อคุณล่ะ”
หลินเยียนหัวเราะแล้วพูดขึ้น “อย่าถาม”
ได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มกวาดสายตามองหลินเยียน “รับทราบ”
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นฉันไปแล้วนะ” หลินเยียนเตรียมตัวจะลงจากรถ
“เดี๋ยวก่อน” ชายหนุ่มเรียกหลินเยียน
“ยังมีอะไรอีกเหรอ?” หลินเยียนเผยสีหน้าประหลาดใจ
“ผมมีงานที่เหมาะกับคุณ สนใจไหม” ชายหนุ่มจ้องไปยังหลินเยียน
“หืม?”
หลินเยียนชะงักไปครู่หนึ่ง งานที่เหมาะกับเธอ? ทำงานกับเขางั้นเหรอ?
“งานอะไรเหรอ?” หลินเยียนหลุดปาก
ชายหนุ่มมองไปทางหลินเยียนแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง “แปล”
“ช่างเถอะ ฉันมีงานทำแล้ว” หลินเยียนส่ายหน้าแล้วปฎิเสธไป “ครั้งนี้ถือว่าเป็นล่ามให้ฟรีแล้วกัน”
“ฟรี?” ได้ยินที่หลินเยียนพูดแล้ว ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ผ่านไปไม่นาน นัยน์ตาคู่นั้นกลับสู่ความเย็นชาอีกครั้ง “ผมไม่ชอบเอาเปรียบคนอื่น”
“อ้อ” หลินเยียนพยักหน้าแล้วยื่นมือไปทางชายหนุ่ม “งั้นจ่ายเงินมา”
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เขาเดินลงจากรถเพื่อไปหยิบเงินมัดใหญ่ออกมาจากหลังรถแล้วยื่นให้หลินเยียน
เห็นเงินก้อนโตตรงหน้าแล้ว หลินเยียนชะงักไปชั่วขณะ นี่ไม่ได้ล้อเล่นกันใช่ไหม?!
เงินเยอะขนาดนี้!
เธอแค่เป็นล่ามแปลให้เขามั่วๆ แต่เขากลับให้เงินเธอก้อนโตขนาดนี้?
“ถ้าไม่พอล่ะก็ เดี๋ยวผมโอนให้” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“พอๆๆๆ ! พอ!” เขายังไม่ทันพูดจบ หลินเยียนรีบพยักหน้าตอบรับ เงินพวกนี้น่ะเหรอจะไม่พอ?
ขณะนี้ หลินเยียนมองไปทางชายหนุ่มด้วยสายตาประหลาดใจ สมองผู้ชายคนนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?
ค่าจ้างที่เขาให้เธอมานั้น เท่ากับเงินเดือนสองเดือนของล่ามแปลภาษาที่ชำนาญทั้งแปดภาษาเลยมั้งนั่น
แต่ถ้าจะบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นพิการทางสมอง หลินเยียนคงไม่เชื่อหรอก สันนิฐานได้ว่าคงเป็นลูกคนรวยที่ใช้งานสิ้นเปลือง
“คือว่า…ขอถามอะไรหน่อย” หลินเยียนมองไปทางชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
“ว่ามา” ชายหนุ่มพูดขึ้น
“เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณขาดล่าม…เงินเดือน…เท่าไหร่คะ?” หลินเยียนเอ่ยปากถาม
“สิบเท่า” ชายหนุ่มตอบ
“ฉันชำนาญ…ไม่สิ พอรู้ภาษาของสิบแปดประเทศ ภาษาถิ่นฉันก็พอรู้เรื่อง อักษรกระดองเต่าฉันก็พอได้…ฉันคิดว่าฉันเหมาะกับงานแบบนี้มาก” หลินเยียนรีบพูดขึ้น
ชายหนุ่มยังไม่ทันโต้ตอบอะไร หลินเยียนพูดต่อ “แต่ว่า…ฉันมีงานของตัวเอง ถ้าจะให้เป็นล่ามก็เป็นได้แค่ล่ามพาร์ทไทม์ คุณว่าโอเคไหม”
“ได้” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“งั้นเถ้าแก่คะ คุณว่าเรามาเซ็นสัญญาว่าจ้างงานอะไรก่อนดีไหมคะ…” หลินเยียนถามขึ้น
“ได้”
หลินเยียน “…” เงินตกลงมาจากฟ้าหรือเปล่าเนี่ย
จากนั้นหลินเยียนแอดวีแชทของเขาทันที
รูปโปรไฟล์ของเขาเป็นเหมือนหลุมดำในจักรวาล ชื่อไอดีมีแค่คำว่า ‘เซียว’ คำเดียว
…
ตอนที่ 590 ฟังข้ออ้างหนูก่อนนะ!
หลังจากขับรถออกมาแล้ว หลินเยียนรู้สึกจิตใจเบิกบานมาก เงินเดือนของงานพาร์ทไทม์สูงกว่าเงินเดือนงานหลักอีกมั้งเนี่ย…
ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายหรือเปล่านะ
อีกอย่างงานนี้สบายจะตาย มีงานเมื่อไหร่ค่อยเรียกหาเธอ ถ้าไม่มีอะไรตัวเองก็ถือว่ายังเป็นอิสระอยู่ งานแบบนี้เธอทำได้เป็นสิบงานเลยล่ะ!
ถึงแม้ก่อนหน้านั้นเธอจะบอกไปว่าตัวเองเป็นสิบแปดภาษาจะดูเว่อร์ไปหน่อย แต่ที่เธอไม่เป็นก็พอแถได้ ไม่สิ พอเรียนได้ไงล่ะ…
หลังจากกลับมาที่คฤหาสน์เมฆแล้ว หลินเยียนพบว่าเผยอวี่ถังไม่อยู่แล้ว คงจะออกไปเที่ยวที่ไหนแล้วสินะ
หลินเยียนยังไม่ทันได้นั่งพัก สายเรียกเข้าของเจ้าหงหลิงดังขึ้นราวกับดนตรีมรณะ
หลินเยียนเห็นสายเรียกเข้าก็รู้สึกผิดขึ้นมา หรือว่าเจ้าหงหลิงจะรู้เรื่องแล้ว… คงไม่เร็วขนาดนั้นหรอกมั้ง?
ขณะที่หลินเยียนกำลังลังเลว่าจะรับสายหรือไม่ สายก็โดนตัดไปก่อนแล้ว
แต่ผ่านไปไม่กี่วินาที เสียงเรียกเข้าที่เป็นดั่งดนตรีมรณะก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ในที่สุดหลินเยียนรับสายเจ้าหงหลิง
“หลินเยียน…ยมบาลมาตามเธอไปหรือยัง” เสียงเรียบนิ่งของเจ้าหงหลิงดังขึ้น
“หืม?” หลินเยียนชะงักไปเล็กน้อย
“เธอฝ่าไฟแดงสี่ที่ติดๆ ฉันอยากขอสัมภาษณ์ทริปฝ่าไฟแดงของเธอว่าเป็นไงบ้าง” เจ้าหงหลิงพูดขึ้น
“พี่หลิง เรื่องไม่ได้เป็นเหมือนที่พี่คิด มีเรื่องที่ทำให้ฉันจำเป็นต้องฝ่าไฟแดง อย่าโกรธไปเลย ฟังข้ออ้างหนูก่อนนะ!” หลินเยียนรู้สึกเก้อเขินขึ้นมา
“ยังมีข้ออ้างอีก รีบขับรถมาเดี๋ยวนี้…”
……
ผ่านไปสักพัก หลินเยียนขับรถไปที่กรมการขนส่งทางบกแถวนั้น เพิ่งจะจอดรถก็เห็นเจ้าหงหลิงเดินออกมาจากกรมการขนส่งทางบก
รถจอดอยู่ตรงหน้าเจ้าหงหลิง แต่เจ้าหงหลิงทำเหมือนมองไม่เห็นอย่างนั้น สายตามองไปยังที่ไกล
ทันใดนั้น หลินเยียนลดหน้าต่างลงแล้วมองไปทางเจ้าหงหลิง “พี่หลิง ตรงนี้ๆ หนูอยู่นี่!”
เห็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าหงหลิงเผยสีหน้าประหลาดใจ “หลินเยียน รถของฉันล่ะ”
หลินเยียน “…”
หลินเยียนหัวเราะเก้อๆ “นี่ไงล่ะ…”
มองดูดีๆ แล้ว เจ้าหงหลิงโมโหหลินเยียนจนแทบจะตายคาที่
นี่มันรถของเธอตรงไหนเนี่ย!
ตอนเอารถให้เธอยังเป็นหมาเชเพิร์ดสวยๆ อยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นหมาจรจัดพิการไปซะงั้น!
ฝากระโปรงรถบุบเข้าไป ตัวรถเต็มไปด้วยรอยขูดขีด อีกทั้งยังเต็มไปด้วยฝุ่นและดินที่แห้งไปหมดแล้ว
“เธอเอารถไปคลุกโคลนงั้นเหรอ” เจ้าหงหลิงจ้องไปยังหลินเยียน
“เอ่อ…เรื่องมันยาว…” หลินเยียนไม่รู้จะอธิบายกับเจ้าหงหลิงยังไงดี ถ้าตัวเองพูดความจริง เจ้าหงหลิงต้องคิดว่าสมองเธอมีปัญหาแน่ๆ
ทันใดนั้น เปิดประตูฝั่งคนนั่งออกและนั่งลง “ขับรถ”
“พี่หลิง หรือว่าพี่มาขับดีกว่าไหม” หลินเยียนพูดขึ้น
หลินเยียนไม่พูดถึงเรื่องขับรถยังพอไหว แต่พอพูดถึงปุ๊บ เจ้าหงหลิงระเบิดทันที
หลินเยียนโดนเจ้าหงหลิงจ้องจนสันหลังเย็นวูบ เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา “ทำไมเหรอพี่หลิง”
“เธอคิดว่าตอนนี้ฉันยังขับรถได้อยู่เหรอ” เจ้าหงหลิงพูดขึ้น
หลินเยียนชะงักไปเล็กน้อย “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ”
เจ้าหงหลิงเหลือบมองหลินเยียน “เธอฝ่าไฟแดงมาสี่จุด ความเร็วมากกว่าที่จำกัดไว้ในเมืองสองร้อยเปอร์เซ็นต์ โดนหักไปสามสิบหกคะแนน แบบนี้ฉันยังติดลบอีกยี่สิบสี่คะแนน ใบขับขี่ก็โดนยึด ฉันจะขับยังไงต่อ”
หลินเยียน “…” นี่ช่างน่าลำบากใจจริงๆ
“อีกอย่าง โดนชนได้ยังไง” เจ้าหงหลิงขมวดคิ้วเข้ม
“โดนคนอื่นชนน่ะ” หลินเยียนตอบตามความจริง
เจ้าหงหลิงเห็นความจริงผ่านกล้องบันทึกบนรถ และเป็นเรื่องจริงที่รถของเธอโดนรถจิ๊ปหรูชน