ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 667 เป็นแฟนคลับพี่แค่คนเดียว / ตอนที่ 668 โจ่งแจ้ง
ตอนที่ 667 เป็นแฟนคลับพี่แค่คนเดียว
รถแข่งเปรียบเสมือนแสงของดวงดาวที่ไม่อาจจับต้องได้บนท้องฟ้า มีความเร็วเหนือทุกสิ่ง คล้ายความฝันคล้ายภาพลวงตา ทำให้คนจำนวนมากถวิลหาและไล่ตาม
และแสงนี้ยิ่งเหมือนตะเกียงที่ไม่มีวันดับ งดงามเจิดจ้า ทำให้คนเห็นเพียงแวบเดียวก็จมดิ่งลงไป ลุ่มหลงจนไม่อาจไถ่ถอนตัว
มีสักกี่คนจบสิ้นชีวิตระหว่างเส้นทางในการไล่ตามแสงออโรร่า และมีสักกี่คนที่เข้ามามีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาพยายามต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เพียงเพื่อไล่ตามแสงที่ไม่อาจจับต้องได้
มองเห็น แต่ไม่อาจสัมผัส ทว่าเสน่ห์ของมันกลับไม่เคยลดทอนไปแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามหลินเยียนกลับไม่อยากไปไล่ตามแสงออโรร่า
ฉันก็คือแสงออโรร่าที่ไม่มีวันดับ
สถานที่ที่ฉันอยู่ก็คือจุดสุดยอด
ไม่ยอมไล่ตามแสง แต่ฉันนี่แหละคือแสง
…
“ทีมออโรร่าเหรอ? ชื่อนี้ไม่เลวเลยนะครับ!” เฮ่อเล่อเฟิงมองหลินเยียนพร้อมรีบพูดขึ้นมาทันที “ชื่อทีมนี้เหมาะกับบุคลิกของพี่มากเลย!”
เมื่อได้ยินมั่วซูอวิ๋นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเหลือบมองเฮ่อเล่อเฟิงแวบหนึ่ง “อายหน่อยสิ”
“ทำไมผมต้องอายด้วยล่ะ?” เฮ่อเล่อเฟิงรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง
“นายชื่อชายผู้ตามสายลมไม่ใช่รึไง?” มั่วซูอวิ๋นพูดเย้ยหยัน
“ชายผู้ตามสายลม?”
พอได้ยิน สมาชิกทีมจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากัน
“ก็ใช่น่ะสิ ชื่อในวีแชทของเฮ่อเล่อเฟิงคือชายผู้ตามสายลม นายยังจะมาออโรร่าอีก นายไปไล่ตามสายลมเถอะน่า” มั่วซูอวิ๋นพูดจาเยาะเย้ย
“ฮ่าๆ หัวหน้า ชื่อในวีแชทของเฮ่อเล่อเฟิงคือชายผู้ตามสายลมงั้นเหรอครับ เชยเกินไปแล้ว นี่มันชื่อเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้วนะครับ!”
“ยังจะมาชายผู้ตามสายลมอีก ฉันว่าชื่อหนุ่มเลือดเย็นยังจะดีกว่า” สมาชิกที่อยากเป็นสุนัขหัวเราะเสียงดัง
เมื่อสมาชิกทีมคนนี้พูดจบ มั่วซูอวิ๋นก็มีสีหน้าเย็นชา
สมาชิกจำนวนไม่น้อยต่างมีแอคเคาท์วีแชทของมั่วซูอวิ๋น รู้ว่าชื่อของมั่วซูอวิ๋นก็คือหนุ่มเลือดเย็น ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าพูดต่อไปชั่วขณะ
“หัวหน้า เฮ่อเล่อเฟิงนี่โลว์เกินไปแล้วจริงๆ ทำไมเขาไม่ชื่อหนุ่มเลือดเย็นไปเลยล่ะ นี่เขาโลว์จนถึงขีดสุดเลยนะ!” สมาชิกทีมที่อยากเป็นสุนัขหัวเราะเสียงดังต่อไป
มั่วซูอวิ๋นมองสมาชิกคนนั้นอย่างเย็นชา พูดเสียงเย็นชาออกมาว่า “ฉันนี่แหละชื่อหนุ่มเลือดเย็น”
สมาชิกที่อยากเป็นสุนัข “…”
“นายสุนัข วันนี้นายผิดใจคนเยอะเกินไปแล้วนะ เย็บปากไปซะเถอะ” เฮ่อเล่อเฟิงหัวเราะ
สมาชิกที่อยากเป็นสุนัข “นายเรียกใครว่าสุนัข?”
ยังไม่ทันให้เฮ่อเล่อเฟิงได้เอ่ยปาก สมาชิกที่อยากเป็นสุนัขคนนั้นก็แก้ไขคำพูดเล็กน้อย “โปรดเรียกฉันว่านายสุนัขที่เป็นของพี่เยียนเท่านั้น”
เฮ่อเล่อเฟิง “…”
หลินเยียน “…”
หลินเยียนเหลือบมองมั่วซูอวิ๋นแวบหนึ่ง นี่เขารับคนแบบไหนมา
“คือว่า พี่เยียนครับ” ทันใดนั้นหลี่เทาซึ่งไม่ได้เอ่ยปากมานานที่อยู่ด้านข้างก็ใช้สายตามองหลินเยียน
“มีอะไรเหรอ?” หลินเยียนมองหลี่เทา
“พี่เยียน ผมอยากจะขอโทษพี่ ก่อนหน้านี้ผมพูดกับพี่แบบนั้น เฮ้อ ผมไร้เดียงสาเกินไป อ่านข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมากมาย ทั้งยังฟังคำใส่ความของคุณลุงกับลูกพี่ลูกน้องของพี่เยียน จนผมนึกว่าเป็นเรื่องจริง ผมคิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าพี่เยียนจะเก่งมากขนาดนี้
วันหลังผมจะขอเลิกเป็นแฟนคลับหัวหน้ามั่วซูอวิ๋นแล้ว ผมขอสาบานว่านอกจากเยวา ผมจะเป็นแฟนคลับพี่แค่คนเดียว ถ้าใครกล้าสร้างข่าวลือเกี่ยวกับพี่ ใครกล้าด่าพี่ ผมจะด่าแม่มันกลับไปสามรอบเลย!”
“ด่าแม่สามรอบ?” เฮ่อเล่อเฟิงมีสีหน้างุนงง
หลี่เทาเหลือบมองเฮ่อเล่อเฟิง “ไปหาในอินเทอร์เน็ตเอาเอง ฉันกลัวว่าจะทำให้หูพี่เยียนแปดเปื้อน”
หลินเยียนยิ้มเล็กน้อย “รู้จักผิดแล้วแก้ไข ยังถือว่าเป็นเด็กดีอยู่นะ”
หลี่เทา “…”
มั่วซูอวิ๋น “นายอยากเป็นแฟนคลับเธอก็เป็นไป แต่นายเลิกเป็นแฟนคลับฉันมันหมายความว่ายังไง?”
หลี่เทามองมั่วซูอวิ๋น “หัวหน้า ขอโทษครับ สมองผมความจุน้อย เป็นแฟนคลับได้ไม่มาก…”
ตอนที่ 668 โจ่งแจ้ง
หลังจากการแข่งขันของกลุ่มซีสิ้นสุดลง ทีมตระกูลเฮ่อกลายเป็นแชมป์ของกลุ่มซี หลินเยียนถูกเชิญให้ขึ้นไปพูดบนเวที
เพียงแต่หลินเยียนมอบโอกาสนี้ให้มั่วซูอวิ๋น ส่วนตัวเองก็เดินออกจากสถานที่เตรียมตัวเข้าแข่งขัน
เรื่องปลีกย่อยอย่างการต้องไปโผล่หน้าหลังการแข่งขันพวกนี้ หลินเยียนไม่สนใจเลยสักนิด
อย่างไรก็ตามหลินเยียนยังไม่ทันได้จากไป ซูไฉ่ก็เข้ามาหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกหลายคน
“คุณหลินเยียน มีเรื่องบางอย่างที่ต้องขอยืนยันกับคุณสักหน่อยครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งมองหลินเยียนพร้อมเอ่ยปากพูดเบาๆ
“มีอะไรเหรอคะ”
ตอนนี้มั่วซูอวิ๋นซึ่งพูดบนเวทีกลับมาแล้ว เขามองซูไฉ่กับเจ้าหน้าที่สนามแข่งหลายคนด้วยความสงสัย
“คุณพ่อ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
เผยอวี่ถังพาสมาชิกทีมบลาสท์มายังสถานที่เตรียมตัวเข้าแข่งขันของทีมตระกูลเฮ่อ โดยไม่ทันให้มั่วซูอวิ๋นได้เอ่ยปากถามต่อไป
เมื่อได้ยินหลินเยียนกลับไม่ได้ตอบ เธอรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ไหนกันเล่า
“คือแบบนี้นะครับ พวกเราคิดว่ามีการแข่งสนามหนึ่งของทีมตระกูลเฮ่อที่ทำผิดกฎ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ยปากพูด
เมื่อพูดจบ สมาชิกทีมตระกูลเฮ่อทุกคนต่างมองหน้ากัน
มีการแข่งสนามหนึ่งที่ทำผิดกฎ?
หมายความว่าอย่างไร
“สงสัยว่าพวกเราจะแข่งกันแบบหลอกๆ งั้นเหรอครับ” มั่วซูอวิ๋นเอ่ยปากพูดหลังจากครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง
การแข่งขันจัดอันดับแบบนี้เป็นการแข่งขันขนาดใหญ่ที่หาได้ยากภายในประเทศ การแข่งขันแบบหลอกๆ จะถูกแบนโดยสิ้นเชิง ถ้าหากมีทีมที่ต้องสงสัยว่าจะแข่งกันแบบหลอกๆ ทางผู้จัดการแข่งขันก็มีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบ
ถ้าหากตรวจสอบแล้วเป็นความจริง ทีมรถแข่งก็จะถูกลงโทษ และนักแข่งที่แข่งแบบหลอกๆ ก็จะถูกลงโทษหนักยิ่งกว่า
“ตอนนี้แค่สงสัยครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ย
“ผมไม่ได้แข่งแบบหลอกๆ ผมห่วยจริงๆ นะครับ!” เฮ่อเล่อเฟิงรีบพูดขึ้นมาทันที
เมื่อเฮ่อเล่อเฟิงพูดจบ สายตาของทุกคนต่างทยอยไปอยู่บนร่างเฮ่อเล่อเฟิง
ทุกคนต่างรู้มาตรฐานของเฮ่อเล่อเฟิงดี ไม่มีใครสงสัยว่าเขาจะแข่งแบบหลอกๆ แน่นอน เขาห่วยจริง เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึง
“สมาชิกคนนี้ช่วยอายสักหน่อยสิ ใครเขาบอกว่านายเป็นคนที่แข่งแบบหลอกๆ เขาหมายถึงหลินเยียนต่างหากล่ะ” มั่วซูอวิ๋นเหลือบมองเฮ่อเล่อเฟิง
“อ้อ…” เฮ่อเล่อเฟิงเอ่ย
“ฝีมือระดับหลินเยียนแต่กลับแพ้ทีมบลาสท์ แถมยังแพ้อย่างหมดรูปอีกด้วย นี่คงไม่ต้องใช้หลักฐานแล้วล่ะมั้ง” ขณะนี้เองซูไฉ่ซึ่งมาพร้อมเจ้าหน้าที่ก็ส่งเสียงพูด
“เธอฟ้องว่าหลินเยียนแข่งแบบหลอกๆ งั้นเหรอ” มั่วซูอวิ๋นมองซูไฉ่
เมื่อได้ยิน ซูไฉ่ก็ตอบเรียบๆ ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “สนามแข่งมีกฎของสนามแข่ง พวกเราทุกคนไม่ใช่แค่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ตรวจสอบอีกด้วย หลินเยียนแข่งแบบหลอกๆ ชัดเจนมากซะขนาดนั้น หรือว่าไม่ควรอธิบายให้มันชัดเจนสักหน่อยเหรอ”
มั่วซูอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที ซูไฉ่พูดแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าควรเถียงเช่นไรจริงๆ
ซูไฉ่เป็นหัวหน้าทีมเควัน มีน้ำหนักมาก ซูไฉ่ร้องเรียนด้วยตัวเอง ผู้จัดงานก็ต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง มิหนำซ้ำการแข่งขันที่หลินเยียนพ่ายแพ้สนามนั้นมันออกจะโจ่งแจ้งมากเกินไปจริงๆ
อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่พวกเขาเองก็ยังคิดว่าหลินเยียนจงใจอ่อนข้อให้ทีมบลาสท์
อันที่จริงกับทีมระดับต้นอย่างทีมบลาสท์ จะอ่อนข้อให้ก็ดี จะไม่อ่อนข้อก็ช่าง ก็ไม่แตกต่างอะไรทั้งสิ้น เพราะทีมบลาสท์ไม่มีวันส่งผลกระทบต่อการแข่งขันระหว่างทีมระดับสุดยอดของกลุ่มซีเลย
ในการแข่งขันขนาดใหญ่จำนวนมาก มีทีมระดับสุดยอดยอมอ่อนข้อให้ทีมขนาดเล็กเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่วันนี้ซูไฉ่เกาะเรื่องนี้ไม่ยอมปล่อย ผู้จัดงานจึงต้องตรวจสอบ พูดไปแล้วอันที่จริงก็คือถูกซูไฉ่ฉวยโอกาสใช้เรื่องกฎเกณฑ์มาหาเรื่องนั่นเอง