ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 685 พวกคุณช่างตาถึงเหลือเกิน! / ตอนที่ 686 หาเผยอวี้เฉิงเพื่อเพิ่มความกล้า
- Home
- ลืมรักเลือนใจ
- ตอนที่ 685 พวกคุณช่างตาถึงเหลือเกิน! / ตอนที่ 686 หาเผยอวี้เฉิงเพื่อเพิ่มความกล้า
ตอนที่ 685 พวกคุณช่างตาถึงเหลือเกิน!
ที่จริงแล้วเรื่องที่แอคหลุมกับแฟนคลับของหลินซูหย่าออกโรงนั้นอยู่ในความคาดหมายของหลินเยียนทั้งสิ้น
ตอนนั้นหลินซูหย่าเลือกที่จะเงียบถือว่าพอเหมาะพอดีจริงๆ
ด้วยนิสัยของหลินซูหย่า ถ้าหากนิ่งเงียบ นั่นเท่ากับยอมรับโดยปริยาย ดังนั้นทุกคนจึงคิดแบบนี้
แม้ว่าวันไหนเรื่องราวจะเกิดความพลิกผันในทางใดก็ตาม หลินซูหย่าก็มีหนทางถอย เธอไม่เคยพูดเลย และยิ่งไม่เคยแสดงความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นความผิดนี้ไม่ว่าจะโยนมาอย่างไรก็โยนมาไม่ถึงเธอ
รุกแล้วโจมตีได้ ถอยแต่ป้องกันได้ นี่คือความยอดเยี่ยมของหลินซูหย่า
ไม่ว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปจนถึงขั้นไหนก็ไม่เกี่ยวข้องกับหลินซูหย่าทั้งสิ้น เธอครองความเป็นผู้นำด้านความคิดอย่างเบ็ดเสร็จ
ชาวเน็ตที่ใจเย็นลงแล้วเมื่ออ่านคอมเมนต์ของแอคหลุมและแฟนคลับ ส่วนใหญ่ต่างตกอยู่ในห้วงแห่งความสงสัยเช่นเดียวกัน
จริงด้วย หลินซูหย่าไม่เคยพูดหรือแสดงออกว่าหลินเยียนแย่งบทหลินซูหย่าเลย ที่เป็นเนื้อหาที่สื่อจำนวนหนึ่งชี้นำในตอนแรก และพวกเขาเองก็ไม่ได้คิดให้มาก…
แล้วตอนนี้พวกเขามาด่าทอหลินซูหย่า เมื่อใคร่ครวญให้ดีก็ออกจะไม่ค่อยเหมาะสมอยู่บ้างจริงๆ
กระทั่งว่าแม้แต่คนนอกจำนวนหนึ่งก็ยังทนดูต่อไปไม่ได้จนต้องเข้าร่วมวงด้วย เริ่มออกตัวพูดให้หลินซูหย่า
หลินเยียนปิดโทรศัพท์ มุมปากประดับรอยยิ้มบาง น้องสาวของเธอคนนี้สถานะสูงส่งจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม
เดิมทีเธอคิดที่จะส่งข้อความหาเผยอวี่ถัง แต่ผู้รับผิดชอบจากทางกองถ่ายเลเจนด์โทรศัพท์เข้ามาพอดี
“ใช่คุณหลินเยียนหรือเปล่าครับ?”
“ค่ะๆ ฉันเอง!” หลินเยียนกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
ถึงกระนั้นเธอก็รู้สึกสงสัยอยู่ในใจเช่นกัน นี่ยังห่างจากช่วงเวลาเปิดกล้องของเรื่องเลเจนด์อยู่อีกสักระยะหนึ่ง ผู้รับผิดชอบโทรหาเธอในตอนนี้…คงไม่ใช่เพราะคำวิจารณ์ที่มีต่อหลินซูหย่าในอินเทอร์เน็ตพวกนั้นหรอกนะ
เพียงแต่ไม่นานนักหลินเยียนก็พบว่าเธอคิดมากเกินไป
“คุณหลินเยียน คือแบบนี้นะครับ มีเรื่องที่ต้องปรึกษากับคุณสักหน่อย นั่นคืออยากให้คุณเป็นคนร้องเพลงประกอบหลัก รวมถึงเพลงที่ค่อนข้างสำคัญอีกหลายเพลงในหนังเรื่องนี้ของพวกเราครับ”
เมื่อผู้รับผิดชอบพูดจบ หลินเยียนก็มีสีหน้างุนงง
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ให้เธอร้องเพลง?
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลินเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นมาว่า “คือว่า ฉันขอคอนเฟิร์มสักหน่อย เมื่อกี้คุณพูดว่าอยากให้ฉันไปร้องเพลงประกอบหลักของหนังเรื่องเลเจนด์ รวมถึงเพลงอีกหลายเพลงงั้นเหรอคะ?”
“คุณหลินเยียน ผมหมายความแบบนี้จริงๆ ครับ”
หลินเยียน “…”
กองถ่ายเลเจนด์สมองเพี้ยนหรือไง เธอเป็นนักแสดง ไม่ใช่นักร้องนะ!
เธอไม่มีปัญหาเรื่องการแสดง แต่เธอร้องเพลงไม่เป็น!
เธอโตมาจนอายุปูนนี้ จำนวนครั้งที่เคยไปคาราโอเกะแทบจะนับนิ้วได้ และในจำนวนไม่กี่ครั้งที่เคยไปในชาตินี้ก็ไม่เคยร้องเพลงมาก่อนเลย…
หลินเยียน “คือว่า…ขอโทษนะคะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากร้องเพลง แต่…”
แต่เธอร้องเพลงไม่เป็นจริงๆ นี่นา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องโน้ตได้ครบทุกตัวหรือเปล่า!
“คุณหลินเยียน คือแบบนี้นะครับ ค่าร้องเพลงนั้นแยกต่างหาก แถมพวกเรามีเพลงดีๆ ตั้งเยอะแยะ ดีมากๆ เลย พวกเราเชื่อว่าจะต้องเอาไปร้องกันอย่างแพร่หลายมากแน่ เพราะคุณแสดงเป็นเยวา ดังนั้นการเอาเพลงไปไว้ช่วงท้ายของหนังจะได้ผลดีมากที่สุด แถมค่าจ้างในการร้องเพลงยังสูงมากเลยนะครับ…”
พอได้ยินหลินเยียนก็กระโดดเด้งขึ้นมาจากโซฟาทันที “เท่าไหร่คะ?”
เมื่อได้ยินตัวเลขของเงิน หลินเยียนก็รีบตอบทันที “พวกคุณช่างตาถึงเหลือเกิน นั่นต้องให้ฉันเป็นคนร้องนะคะ ไม่ขอปิดบังความจริง ฉันร้องเพลงเก่งกว่าแสดงเสียอีก ไม่ว่าเสียงสูงเสียงต่ำของผู้ชายหรือว่าเสียงสูงเสียงต่ำของผู้หญิง ฉันก็ทำได้ดีทั้งหมดเลย แถมฉันยังถนัดเสียงเด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิง กับเสียงหญิงสาวด้วยนะคะ!”
ตอนที่ 686 หาเผยอวี้เฉิงเพื่อเพิ่มความกล้า
หลังจากยืนยันกับทางกองถ่ายเลเจนด์แล้ว หลินเยียนลากตัวเผยอวี่ถังมา ให้เผยอวี่ถังขับรถไปส่งเธอที่กองถ่าย
ระหว่างทางที่กลับมา หลินเยียนนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ เผยอวี่ถังขับรถไปพลาง พูดคุยกับหลินเยียนไปพลาง “คุณพ่อ ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคุณพ่อกลับมีความสามารถมากมายขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ขับรถแข่งดี กับแสดงดีเท่านั้น แม้แต่ร้องเพลงก็ยังทำได้อีกด้วย!”
พอได้ฟังหลินเยียนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ขอเพียงราคาเหมาะสม ใต้ท้องฟ้านี้ไม่มีเรื่องอะไรที่เธอทำไม่ได้ อย่าว่าแต่ร้องเพลงเลย ต่อให้ร้องไห้หน้างานศพเธอก็ทำได้!
“จริงสิ ผมไม่เคยได้ยินคุณพ่อร้องเพลงเลยนี่นา คุณพ่อ คืนนี้ไปเที่ยวกันหน่อยไหม ผมเลี้ยงคาราโอเกะคุณพ่อ ให้คุณพ่อได้แสดงฝีมือ!” เผยอวี่ถังเอ่ย
หลินเยียนส่ายหน้าทันที “ไม่ไป”
“หา?” เผยอวี่ถังมีสีหน้าประหลาดใจ เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือเปล่า หลินเยียนกลับต้านทานความยั่วเย้าเรื่องที่จะมีคนเลี้ยงได้ด้วยเหรอ!
“คุณพ่อ ผมเลี้ยงนะ!” เผยอวี่ถังอธิบายหลินเยียน
“ฉันไม่ชอบร้องเพลง” หลินเยียนยักไหล่ทั้งสองข้าง
พอหลินเยียนพูดจบ เผยอวี่ถังก็มีสีหน้าประหลาดใจ ไม่ชอบร้องเพลง?
ไม่ชอบร้องเพลงแต่ก็ยังรับงานร้องเพลงประกอบหลักของทีมกองถ่ายเรื่องเลเจนด์นี่นะ?
……
เมื่อมาถึงคฤหาสน์เมฆหลินเยียนก็ลงจากรถทันที และเนื่องจากเผยอวี่ถังยังมีเรื่องที่จำเป็นต้องสะสางกับทีมของตัวเอง ดังนั้นจึงขับรถไปหาทีมทันที
เมื่อกลับมาที่ห้อง หลินเยียนก็อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน
ช่วงหลายวันนี้ค่อนข้างเหนื่อยล้า ดังนั้นเพิ่งจะล้มตัวนอนลงบนเตียงก็หลับลึกไปทันที
……
เมื่อหลินเยียนลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาอีกครั้งก็ล่วงเข้ากลางดึกแล้ว
ขณะนี้หลินเยียนขมวดหัวคิ้วเล็กน้อย เธอกลับไม่ได้ตื่นขึ้นมาเอง ทว่าถูกเสียงจากภายนอกรบกวนจนตื่น
เสียงที่อยู่ด้านนอกประตูนั้นเบามาก ไม่รู้ว่าดังมาจากที่ไหน
หลินเยียนเงี่ยหูฟังราวสองนาที จากนั้นสีหน้ากลับแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
เหมือนเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กทารก แถมยังโหยหวนมากอีกด้วย
เมื่อมั่นใจแล้วว่าเป็นเสียงเด็กทารก หลินเยียนก็ขนลุกชันไปทั้งตัว
จะมีเสียงร้องไห้ของเด็กทารกอยู่ในคฤหาสน์เมฆได้อย่างไร
กระทั่งว่านี่ไม่เหมือนเสียงร้องไห้ของเด็กทารกทั่วไป รู้สึกว่าเสียงร้องไห้นี้น่าขนลุกอย่างน่าประหลาดยิ่ง
หลินเยียนนึกถึงหนังสยองขวัญที่ตัวเองเคยดูก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที…
ทีแรกหลินเยียนนึกว่าตัวเองหูฝาด กระทั่งว่าตัวเองอาจจะนอนจนเบลอไปบ้าง
แต่พอลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแล้ว เสียงน่าขนลุกนั่นก็ยังไม่เลือนหายไป ทว่ากลับชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานนักหลินเยียนก็ลุกขึ้น เดินย่องออกไปนอกประตูพร้อมกวาดสายตามองรอบด้าน แต่กลับไม่เห็น เด็กทารกอะไรทั้งสิ้น ถึงกระนั้นเสียงร้องไห้ก็ไม่ได้เลือนหายไป ราวกับว่าดังก้องวนเวียนอยู่ข้างใบหู
“อย่าหลอกฉันนะ…”
หลินเยียนรู้สึกสันหลังวาบ
ถึงแม้เธอจะเกิดมาเป็นคนใจกล้า แต่เรื่องนี้ใครจะทนไหวเล่า
คฤหาสน์เมฆมืดสนิท พวกเผยอวี่ถังน่าจะยังไม่กลับมา จิตสำนึกเริ่มรู้สึกหลอนเอง กระทั่งว่าหลินเยียนยังรู้สึกว่าคฤหาสน์เมฆค่อนข้างเย็นยะเยือก มิหนำซ้ำเสียงร้องไห้ก็ยังคงดังก้อง
ขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว ภายในคฤหาสน์เมฆมีแค่ห้องหนังสือซึ่งอยู่ตรงหน้าที่ไฟยังสว่างอยู่
นั่นคือห้องหนังสือของเผยอวี้เฉิง
ตอนนี้หลินเยียนยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุก รีบวิ่งไปที่ห้องหนังสือทันที
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องหนังสือ หลินเยียนก็เคาะประตู
“เข้ามาได้”
ไม่นานนักก็มีเสียงเรียบเฉยของเผยอวี้เฉิงดังออกมาจากห้องหนังสือ
ประตูห้องหนังสือไม่ได้ล็อก หลินเยียนจึงผลักประตูเข้าไป
……
ภายในห้องหนังสือ เผยอวี้เฉิงสวมชุดลำลองพร้อมแว่นตากรอบทอง กำลังพลิกอ่านเอกสารที่อยู่ในมือด้วยใบหน้าเรียบเฉย
หลังจากเห็นว่าเป็นหลินเยียน ดวงตาเผยอวี้เฉิงก็ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย คล้ายคิดไม่ถึงว่าเวลานี้หลินเยียนจะยังไม่นอน