ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 709 ฉันหาเงินให้คุณได้ค่ะ / ตอนที่ 710 ฉันเป็นพวกมีความสามารถ
ตอนที่ 709 ฉันหาเงินให้คุณได้ค่ะ
“ก็ได้ๆ ฉันไม่พูดก็ได้ เธอพูดเอง” ซิงเฉินหัวเราะขึ้น จากนั้นนั่งลงที่โซฟาของหลินเยียน
“พี่สะใภ้คะ ฉันเรียกพี่แบบนี้ได้ไหมคะ?” หลิงเย่ว์มองไปทางหลินเยียนพลันพูดขึ้นเสียงเบา
ได้ยินเช่นนั้น หลินเยียนรู้สึกลำบากใจยังไงไม่รู้
พี่สะใภ้นี่ เธอไม่กล้ารับไว้จริงๆ
ก่อนหน้านั้นเธอเคยบอกต่อหน้าทุกคนว่าเธอคือ ‘คุณนายเผยในอนาคต’ แล้ว ถึงตอนนี้แล้วมาบอกว่าไม่ได้ แลดูกระไรอยู่
ดังนั้น หลินเยียนได้แต่ฝืนใจแล้วตอบ “แฮ่ก ได้สิ ได้อยู่แล้วน่ะ…”
“พี่สะใภ้คะ ฉันฟังที่ซิงเฉินพูดหมดแล้ว ครั้งนี้ก็เพราะพี่สะใภ้ช่วยไว้ ไม่งั้นชาตินี้ฉันคงไม่มีทางได้กลับมาที่บ้านตระกูลเผยอีกแล้วล่ะค่ะ” หลิงเย่ว์มองไปทางหลินเยียนด้วยสายตาตื่นเต้น
ได้ยินที่หลิงเย่ว์พูดแล้ว หลินเยียนรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก บ้านตระกูลเผยนี่มีดีตรงไหนเนี่ย หรือว่ามันมีความสำคัญกับหลิงเย่ว์ขนาดนั้นเชียวหรือ?
ก็แค่งานหนิ…เปลี่ยนงานก็ได้ ทำไมต้องมาอดทนอะไรแบบนี้ด้วยล่ะ
อย่างหลินเยียนเนี่ย ถ้าไม่ตั้งใจทำงานหรือทำงานด้วยความอึดอัด เธอคงไล่เถ้าแก่ไปตั้งนานแล้ว ไม่ปล่อยไว้แน่นอน
แน่นอนว่าถ้าได้เงินเยอะล่ะก็ อึดอัดนิดหน่อยก็พอทนได้แหละ เพราะไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากเท่าไหร่
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะเรียกเธอว่าอะไร?” หลินเยียนมองไปทางหลิงเย่ว์แล้วหัวเราะขึ้น
“พี่สะใภ้คะ ฉันชื่อหลิงเย่ว์ พี่เรียกฉันว่าเสี่ยวเย่ว์ได้” หลิงเย่ว์พูดขึ้น
“เสี่ยวเย่ว์ ที่ฉันทำก่อนหน้านั้นก็แค่เรื่องเล็กน้อย อีกอย่างฉันตกลงกับซิงเฉินแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรต้องขอบคุณหรอก” หลินเยียนพยักหน้าเล็กน้อย
“คุณหลิน ไม่ว่ายังไง คุณก็เป็นผู้มีบุญคุณของผมและเสี่ยวเย่ว์ พวกเราจะตอบแทนบุญคุณให้แน่นอน” ซิงเฉินมองไปทางหลินเยียน
หลินเยียนยังไม่ทันเอ่ยปากพูดขึ้น ซิงเฉินพูดต่อ “คุณหลินไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ถ้าคุณต้องการอะไร แค่บอกผมและหลิงเย่ว์ก็พอ พวกเราจะทำอย่างเต็มที่แน่นอน”
“มีความต้องการอะไรเหรอ?”
หลินเยียนเอามือเท้าคางด้วยสีหน้าครุ่นคิด เธอน่าจะไม่ต้องการอะไรเท่าไหร่
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ” หลินเยียนส่ายหน้า
“คุณหลินไม่ต้องเกรงใจกับพวกเราจริงๆ นะครับ งั้นคุณหลินสนใจเรื่องอะไรบ้างเหรอครับ?” ซิงเฉินถามขึ้น
“จะให้พูดจริงๆ เหรอ?” หลินเยียนลังเลนิดเดียว
“ครับ” ซิงเฉินพยักหน้า
“เงินน่ะ” หลินเยียนมองตรงไปยังซิงเฉิน
แต่แล้วสิ้นเสียงหลินเยียน รอยยิ้มของซิงเฉินที่ปรากฎอยู่บนหน้านั้น ในขณะนี้แช่แข็งไว้กับที่ทันที
ซิงเฉินมองไปยังหลิงเย่ว์ก่อน จากนั้นมองไปทางหลินเยียนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “คุณหลิน คืองี้นะครับ เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ได้เกิดมาพร้อมมัน ตายก็ไม่ได้เอามันไปได้ อีกทั้งยังถือว่าเป็นวัตถุทางโลก ผมคิดว่าคุณหลินไม่ใช่คนแบบนั้น ดังนั้น…”
ซิงเฉินยังไม่ทันพูดต่อ หลินเยียนรีบส่ายหัวทันที “ไม่ๆๆ ฉันเป็นสิ ฉันเป็นคนรักทางโลก อีกทั้งยังเป็นอย่างเต็มตัวเลยล่ะ”
หลินเยียนพูดจบ ซิงเฉินจ้องไปยังหลินเยียนครู่หนึ่ง จากนั้นพูดขึ้นกับหลิงเย่ว์ “อ้อ เสี่ยวเย่ว์ ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ จะต้อนรับการกลับมาของเธอ จองโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันว่านี่ก็สายแล้ว…”
“ไหนนายบอกว่าฉินฮวนมีภารกิจไปต่างประเทศ ต้องอีกหลายวันถึงกลับมาล่ะ” หลิงเย่ว์เอ่ยปาก
ซิงเฉิน “…”
หลินเยียน “…”
“พวกเราอย่ารบกวนคุณหลินพักผ่อนเลย เดี๋ยวค่อยมาใหม่แล้วกัน” ซิงเฉินพูดขึ้น
“หุบปาก! นายช่วยแก้นิสัยแบบนี้ได้ไหม?” หลิงเย่ว์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“อ้อ” ซิงเฉินหุบปากทันที
“พี่สะใภ้คะ” ไม่นาน สายตาหลิงเย่ว์มองไปทางหลินเยียนอีกครั้ง จากนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ฉันขออยู่ข้างๆ พี่สะใภ้ได้ไหมคะ? ฉันหาเงินให้คุณได้ค่ะ!”
ตอนที่ 710 ฉันเป็นพวกมีความสามารถ
หลังจากฟังที่หลิงเย่ว์พูดแล้ว หลินเยียนชะงักไปครู่หนึ่ง หลิงเย่ว์อยากอยู่ข้างเธองั้นเหรอ
นอกจากนั้นยังบอกว่าหาเงินให้เธอได้อีกงั้นเหรอ
“พี่สะใภ้ ก่อนหน้านั้นพี่อวี้บอกแล้วว่าถ้าพี่สะใภ้โอเค ฉันอยู่ข้างๆ พี่สะใภ้ได้ค่ะ…พี่สะใภ้ขาดบอดี้การ์ดไหมคะ” หลิงเย่ว์มองไปทางหลินเยียนด้วยความตื่นเต้น
“หืม?” หลินเยียนงงกับคำพูดหลิงเย่ว์ เธอเหมือนจะไม่ต้องการบอดี้การ์ดหรอกนะ?
ไม่ได้โม้นะ แต่ถ้าจะใช้กำลังกันจริงๆ ชายฉกรรจ์หลายคนยังเข้าใกล้ตัวเธอไม่ได้เลย ก่อนหน้านั้นหลินเยียนยังอยากหางานพาร์ทไทม์ตำแหน่งบอดี้การ์ดเลย เธอคิดว่าตัวเองมีความสามารถที่จะเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของใครสักคนได้…
“คุณหลินครับ หลิงเย่ว์เก่งมากจนน่าประหลาดใจเลยล่ะ” ซิงเฉินที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว หลิงเย่ว์เหลือบมองซิงเฉิน “นายหาว่าใครน่าทึ่งจนประหลาดใจห้ะ”
ซิงเฉินรีบแก้ตัว “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น ฉันหมายถึงว่าเธอน่าทึ่งมาก”
“เสี่ยวเย่ว์ ฉันคิดว่าฉันน่าจะไม่ต้องการบอดี้การ์ดหรอกมั้งนะ” หัวเราะอย่างเก้อๆ กังๆ
“แล้ว…พี่เลี้ยงล่ะคะ?” หลิงเย่ว์ครุ่นคิดสักพักแล้วถามขึ้น
หลินเยียน “…”
เมื่อกี้จะเป็นบอดี้การ์ดอยู่เลย วินาทีต่อมาจะมาเป็นพี่เลี้ยงซะงั้น อาชีพทั้งสองอย่างนี้ต่างกันเกินไปหรือเปล่าน่ะ
“พี่สะใภ้คะ ถ้าไม่ต้องการพี่เลี้ยงด้วยล่ะก็ ผู้ช่วยก็ได้ค่ะ…อ้อ พี่สะใภ้เป็นนักแสดงไอดอลไม่ใช่เหรอคะ ฉันเป็นผู้ช่วยให้พี่สะใภ้ได้ หรือจะให้เป็นผู้จัดการก็ไม่มีปัญหานะคะ” หลิงเย่ว์พูดขึ้น
“เดี๋ยวก่อน” หลินเยียนพูดแทรกหลิงเย่ว์แล้วส่ายหน้า “ฉันไม่ใช่นักแสดงไอดอลหรอก”
“แล้วพี่สะใภ้คือ…”
“นักแสดงที่มีความสามารถ!” หลินเยียนพูดขึ้น
“คุณหลิน คุณให้หลิงเย่ว์ตามคุณไปเถอะ พี่อวี้ตกลงแล้ว ตอนนี้รอแค่คุณจะว่าไงแล้วล่ะครับ” ซิงเฉินพูดขึ้น
“เอ่อ…” หลินเยียนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายได้แต่พยักหน้า “งั้นก็ได้”
ในเมื่อเผยอวี้เฉิงพูดแล้ว หลินเยียนเองก็ไม่มีอะไรจะแย้ง อีกอย่างหลิงเย่ว์ดูเหมือนเป็นคนเย็นชา แต่กลับดูกระตือรือร้นกับหลินเยียน ถึงจะมากไปหน่อยก็เถอะ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วหลินเยียนก็ต้องรับไว้
“ซิงเฉิน ไม่มีธุระของนายแล้ว นายไปเถอะ”
ผ่านไปไม่นาน หลิงเย่ว์ออกคำสั่งส่งแขกให้ซิงเฉิน
ซิงเฉิน “…”
ซิงเฉินเอามือจับจมูกเล็กน้อยแล้วเดินออกมาก่อน
หลังจากซิงเฉินออกไปแล้ว ในห้องก็เหลือแค่หลินเยียนกับหลิงเย่ว์สองคน
“พี่สะใภ้คะ สถานการณ์ของพี่ ฉันพอจะรู้แล้วค่ะ ก่อนที่จะมาที่นี่ ฉันลองค้นหาข้อมูลของพี่สะใภ้มาบ้างแล้ว” หลิงเย่ว์พูดขึ้นเสียงเบา
ได้ยินเช่นนั้น หลินเยียนรู้สึกประหลาดใจ มืออาชีพขนาดนี้เลยเหรอ
หลินเยียนยังไม่ทันพูดอะไร หลิงเย่ว์หยิบสมุดบันทึกขึ้นมา พลิกอ่านสักพักแล้วพูดต่อ “พี่สะใภ้คะ หลินซูหย่าน่าจะเป็นศัตรูของพี่ใช่ไหม พี่สะใภ้อยากทำการล้างแค้นแบบทำลายล้างกับหลินซูหย่าไหมคะ”
มองไปทางหลิงเย่ว์ด้วยสายตาตกตะลึง เธอรู้เรื่องหลินซูหย่าด้วยเหรอ
“การล้างแค้นแบบทำลายล้างยังไงเหรอ” หลินเยียนถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ได้หมด เช่นหายไปจากโลกอะไรแบบนั้น” หลิงเย่ว์พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
สิ้นเสียงหลิงเย่ว์ มุมปากหลินเยียนกระตุกเล็กน้อย เธอจริงจังหรือเปล่าเนี่ย
“แน่นอนค่ะ ถ้าพี่สะใภ้คิดว่านี่ไม่สะใจพอ พวกเราสามารถทำในวิธีที่เธอทำกับเรา จ้างแอนตี้แฟนคลับสร้างกระแสจู่โจมหลินซูหย่า ฉันชำนาญเรื่องอินเทอร์เน็ตมาก จริงๆ แล้วฉันสนิทกับทั้งวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้ค่ะ” หลิงเย่ว์คิดแล้วพูดขึ้น
หลินเยียนยังไม่ทันได้พูด หลิงเย่ว์ตรงเข้าไปเปิดคอมพิวเตอร์ของหลินเยียนแล้วหาเพจเวยปั๋วของหลินเยียนจนเจอ
“พี่สะใภ้คะ คะแนนโหวตให้เป็นแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลเยอะขึ้นนะคะ” หลิงเย่ว์พูดกับหลินเยียน
หลินเยียนเดินเข้าไปมองทางหน้าจอคอมพิวเตอร์
และแน่นอนว่า ในเวยปั๋วมีกิจกรรมโหวตเพื่อเลือกแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลซึ่งคะแนนของเธอในตอนนี้แลดูผิดธรรมชาติไปมากจริงๆ