ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 107 รูปภาพ
ฝูเจิ้งเจิ้งที่กำลังตกใจกับเสียงกริ่งประตูที่ดังขึ้นในเวลาแบบนี้ค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปเพื่อส่องตาแมว และเธอก็ต้องถอนหายใจโล่งอกเมื่อพบว่าผู้ที่อยู่หน้าประตูนั้นก็คือหลินหยงเฉิงที่เธอกำลังตามหาอยู่นั่นเอง หญิงสาวไม่รอช้าที่จะเปิดประตูให้เขาเข้ามาทันที
“พอดีผมลืมเอากุญแจไปด้วยน่ะครับ” หลินหยงเฉิงอธิบายขณะเดินเข้าห้องไปพร้อมกับชายอีก 2 คนโดยที่ในมือมีอาหารอยู่ด้วย
“กระถางต้นไม้…”
ชายหนุ่มรีบอธิบายเรื่อนั้นต่อทันที “ผมส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้แล้วครับ แต่เราไม่พบอะไรเลย ที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยครับ บางทีกระถางต้นไม้ที่ร่วงลงไปนั้นอาจจะเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ”
“โอเค” ถ้าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ก็แล้วไป
“เดี๋ยวผมจะคอยตามเรื่องนี้ให้เรื่อยๆ เอง ไว้ใจได้เลยครับคุณฝู เอ้อ พรุ่งนี้คุณหานจะมานะครับ” หลินหยงเฉิงพูดตอบด้วยรอยยิ้ม
“เขาจะมาเหรอ?” สีหน้าของฝูเจิ้งเจิ้งนั้นดูอมทุกข์ขึ้นมาทันที
หลินหยงเฉิงไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เขาจึงเงียบไปและพาเธอกับฝูซิงไปทานข้าวเย็นแทน
ขณะที่ฝูเจิ้งเจิ้งกำลังทานอาหารอยู่กับฝูซิง เฉียวเค่อเหรินก็กำลังดื่มแอลกอฮอลล์อยู่ในบาร์แห่งหนึ่งภายในเมือง B ซึ่งตรงหน้าเธอนั้นเต็มไปด้วยขวดเปล่ามากมายที่เพิ่งจะดื่มไป
“เค่อเหริน! เธอจะดื่มมากเกินไปแล้วนะ!” หลี่เสี่ยวเมิ่งกล่าวเตือนเฉียวเค่อเหรินด้วยความกังวล แต่เมื่อเห็นว่าเตือนไปอีกฝ่ายก็ไม่ฟังเธอจึงหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและข่มขู่อีกฝ่าย “ถ้ายังไม่หยุดดื่มแบบนี้ ฉันคงต้องเรียกให้ซือฉีมาที่นี่แล้วล่ะมั้ง”
“เขาไม่มาหรอก!” เฉียวเค่อเหรินที่ดื่มเงียบๆ มาตลอด ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาพูดเสียงดังทันที
หลี่เสี่ยวเมิ่งหยุดมือที่กำลังจะกดเบอร์โทร ก่อนจะหันไปถาม “เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ? ทั้งๆ ที่วันนี้ก็ดูปกติดีไม่ใช่หรือไง? วันแต่งงานก็ถูกเลือกไว้แล้วด้วย”
“เขาจะไม่แต่งกับฉันแน่ๆ ! ไม่แต่งแน่นอน!” เฉียวเค่อเหรินกวาดของทุกอย่างบนโต๊ะลงไปอย่างเกรี้ยวกราด
เห็นดังนั้นหลี่เสี่ยวเมิ่งก็รีบกอดเฉียวเค่อเหรินไว้พร้อมทั้งกล่อมเธอไปด้วย “เค่อเหริน อย่าเพิ่งหงุดหงิด ใจเย็นๆ ไว้ก่อนนะ มีเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่า? หันหน้าคุยกันหน่อยไหม?”
“หันหน้าคุยกันเหรอ? คิดว่าเขายังอยากจะคุยกับฉันอยู่อีกหรือไง?!” ดวงตาของเฉียวเค่อเหรินเริ่มมีน้ำตาไหลซึมออกมา เธอจับมือของหลี่เสี่ยวเมิ่งไว้ก่อนจะร้องห่มร้องไห้ออกมา “เสี่ยวเมิ่ง ฉันน่ะรักซือฉีจริงๆ นะ รักเขามากๆ เลยด้วย!”
“ฉันรู้ ฉันรู้เรื่องนี้ดี” หลี่เสี่ยวเมิ่งลูบไหล่ของสาวตรงหน้าเพื่อปลอบประโลมเธอไปด้วย “ซือฉีเองก็รักเธอเหมือนกัน หยุดร้องไห้ได้แล้ว ถ้าเธอตาแดงแบบนี้ ไม่กลัวซือฉีจะเป็นกังวลบ้างหรือไง”
“เขาจะกังวลเกี่ยวกับฉันเหรอ? ที่เขากังวลน่ะ มันอีตัวแสบฝูเจิ้งเจิ้งนั่นต่างหาก! ยัยผู้หญิงมือสองเอ๊ย!” เฉียวเค่อเหรินผลักหลี่เสี่ยวเมิ่งออกและพูดด้วยความเกลียดชัง “หานซือฉีน่ะเป็นคนร้ายกาจ!”
“ไม่ใช่เธอบอกว่าฝูเจิ้งเจิ้งกับลูกชายออกจากเมืองนี้ไปแล้วเหรอ? หรือต่อให้หานซือฉียังรักเธอคนนั้นอยู่ ในเมื่อทั้งสองออกไปแล้ว มันก็ไม่มีความหมายที่เธอจะไปอิจฉานี่ จริงไหม?”
“ต่อให้ยัยฝูเจิ้งเจิ้งออกจากเมืองไปแล้ว ซือฉีก็ไม่แต่งงานกับฉันอยู่ดีนั่นแหละ!” เฉียวเค่อเหรินพูดเสียงดังและหันไปหาบริกรตรงหน้า “เอาไวน์มาอีก!”
จากนั้นเธอก็รับไวน์มาและดื่มมันเข้าไปเหมือนน้ำเปล่า
“เค่อเหริน เธอดื่มมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ!” หลี่เสี่ยวเมิ่งพูดด้วยความกังวล
ขณะที่เริ่มเมาขึ้นมาอีกนิดหน่อย เฉียวเค่อเหรินก็ร้องไห้ สลับกับหัวเราะก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่น “เขาอยากจะเห็นฉันนอนกับผู้ชายคนอื่นนักใช่ไหม? ได้! ฉันจะแสดงให้เขาเห็น คิดว่าเขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่จะยอมแต่งงานกับฉันหรือไง? คิดว่าฉันไม่มีใครเอาเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
ทันใดนั้นเธอก็โบกมือแล้วพูดพึมพำ “มาเลย ใครก็ได้ ผู้ชายในบาร์นี้ ดาหน้ากันเข้ามาเลย!”
“ไม่ๆๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเค่อเหริน!” หลี่เสี่ยวเมิ่งตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมามากๆ เธอรีบยกมือขึ้นปิดปากเฉียวเค่อเหรินไว้แล้วหันซ้ายหันขวามองว่ามีใครได้ยินหรือเปล่า “ถ้าคนอื่นได้ยินมันจะทำให้ทั้ง 2 ตระกูลขายหน้าไปพร้อมๆ กันเลยนะ! แบบนั้นซือฉีจะไม่แต่งงานกับเธอแน่ๆ!”
“อย่ามาพูดถึงหานซือฉีนะ!” เฉียวเค่อเหรินของขึ้นอีกครั้ง เธอหยิบเอารูปบางส่วนออกมาจากกระเป๋าของตน จากนั้นก็โยนภาพเหล่านั้นลงไปต่อหน้าหลี่เสี่ยวเมิ่งด้วยความโกรธ “ดู ดูสิว่าไอ้สารเลวนั่นทำอะไรกับฉันไว้!”
หลี่เสี่ยวเมิ่งรีบเก็บภาพเหล่านั้นขึ้นมาดู และเมื่อเธอได้เห็นชัดๆ ดวงตาของเธอทั้งสองข้างก็กลมเป็นระฆังขึ้นมา เสียงที่เอ่ยถามนั้นสั่นจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง “ค-ค-เค่อเหริน ม-มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
“หานซือฉีมันเป็นปีศาจ! เขาวางยาลงไปในไวน์ของฉัน! จากนั้นเขาก็บอกว่าจะทำกับฉันเหมือนที่ฉันทำกับฝูเจิ้งเจิ้ง! หมอนั่นเอาภาพพวกนี้มาขู่ฉันแล้วบอกให้ฉันทำเหมือนพวกเรารักกันดีต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่!” เธอตะโกนออกมาด้วยความเคียดแค้นพร้อมกับหยิบขวดไวน์ขึ้นมาดื่มไปอีกครั้ง
แม้จะเป็นคนที่รู้จักทั้งสองคนดีอย่างหลี่เสี่ยวเมิ่ง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยินเรื่องแบบนี้ มันเกินความคาดหมายสุดๆ ดีที่ตลอดเวลาที่เธออึ้ง คนรอบข้างไม่ได้หันมาสนใจเพราะบรรยากาศที่นี่มันค่อนข้างมีเสียงดังเอะอะอยู่ตลอดเวลา
“ซือฉี…ไม่รู้เหรอว่าฉันเจ็บปวดขนาดไหนตอนที่ต้องมองไปยังรอยยิ้มเสแสร้งบนใบหน้าของคุณ?” แววตาของเฉียวเค่อเหรินค่อยๆ มืดมัวลงไปเรื่อยๆ เธอหันไปมองที่หลี่เสี่ยวเมิ่งด้วยสีหน้าที่ทั้งร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมๆ กัน “รักนังฝูเจิ้งเจิ้งมากเลยสิ? แล้วเป็นไงบ้างล่ะเวลาโดนนังนั่นหักหลัง? นายน่ะสมควรโดนแล้ว! นี่แหละคือการล้างแค้น! ฉันจะสาปแช่ง สาปแช่งทั้งตัวนายเองแล้วก็ตระกูลหานนั่นด้วย! หานซือฉี! ฉันเกลียดนาย! เกลียดนายที่สุด!”
มองเฉียวเค่อเหรินที่ดูจะเมาจนแยกไม่ออกแล้วว่าใครเป็นใคร หลี่เสี่ยวเมิ่งก็ส่ายหน้าหน่ายก่อนจะเก็บภาพเหล่านั้นลงไปในกระเป๋าของเฉียวเค่อเหรินดังเดิม จากนั้นเธอก็หันไปเรียกบริกรให้เข้ามาช่วยพาเฉียวเค่อเหรินไปยังโรงแรมใกล้ๆ
หลังจากที่พาร่างไร้สติของเฉียวเค่อเหรินมานอนบนเตียงได้แล้ว เจ้าตัวก็ยังพร่ำเพ้อว่าเกลียดหานซือฉีอย่างงั้นอย่างงี้อยู่ตลอดเวลา หลี่เสี่ยวเมิ่งที่เห็นทุกอย่างก็ได้แต่ถอนหายใจ ทำไมถึงทำให้ต้องเป็นห่วงขนาดนี้นะ?
คิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่เสี่ยวเมิ่งก็หยิบโทรศัพท์ของเฉียวเค่อเหรินขึ้นมาและโทรไปหาครอบครัวของอีกฝ่ายเพื่อบอกว่าวันนี้เค่อเหรินจะค้างกับเธอ ไม่ต้องกังวล เมื่อทางนี้เสร็จแล้ว เธอก็ขยับไปช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้หญิงสาวที่กำลังเมามายจนกระทั่งเฉียวเค่อเหรินหลับไปในที่สุด
——————————————————————–
เช้าวันใหม่ที่สดใส
ขณะที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง เฉียวเค่อเหรินก็ต้องตื่นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ดัง
เธอค่อยๆ นั่งและจับไปที่หัวที่กำลังปวดอย่างรุนแรง ขณะที่มองไปรอบๆ ห้องด้วยความไม่คุ้นเคยนั้น ดวงตาที่กำลังสะลึมสะลือก็เริ่มแสดงความหวาดระแวงออกมา
หญิงสาวรีบเปิดผ้าห่มออกแล้วก็พบว่าเสื้อผ้าของตนนั้นถูกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ยิ่งเห็นเช่นนั้น สีหน้าชก็ยิ่งซีดลงไปมากกว่าเดิม สิ่งที่ไหลออกมาจากความทรงจำอันเลือนรางนั้นก็มีเพียงเธอที่ดื่มหนักและพูดออกไปว่า ‘เอาผู้ชายมาให้ฉัน!’
อย่าบอกนะว่ามีคนสนองไอ้สิ่งที่พูดออกไปจริงๆ ?
ยิ่งคิดริมฝีปากของเฉียวเค่อเหรินก็ยิ่งสั่นเทามากขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นเอง หลี่เสี่ยวเมิ่งก็เดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเธอเห็นว่าเฉียวเค่อเหรินกำลังหวาดระแวง เธอก็รีบวางถุงกระดาษในมือลงแล้ววิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที “เค่อเหริน เกิดอะไรขึ้น?”
เฉียวเค่อเหรินตกใจมากที่เห็นหลี่เสี่ยวเมิ่ง เธอรีบถามด้วยเสียงที่สั่นเพราะริมฝีปาก “ฉ-ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“เมื่อคืนเธอเมามาก ฉันเลยไม่กล้าพาเธอกลับไปส่งที่บ้าน แต่ฉันบอกแม่ของเธอให้แล้วว่าเธอจะค้างบ้านฉันคืนนึง จากนั้นก็พาเธอมาที่โรงแรมเนี่ยแหละ”
ได้ยินเช่นนั้นเฉียวเค่อเหรินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเธอก็รีบสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ตั้งสติขึ้นใหม่อีกครั้งก่อนจะหันไปถาม “เสี่ยวเมิ่ง ฉันได้พูดไม่ดีออกไปหรือเปล่าเมื่อตอนที่ฉันเมา?”
“ไม่ เธอก็แค่เรียกชื่อของหานซือฉี” หลี่เสี่ยวเมิ่งยิ้มก่อนจะเดินกลับไปหยิบถุงบนพื้นและส่งมันให้เฉียวเค่อเหริน “เมื่อคืนเธออ้วกจนเสื้อเลอะไปหมด ฉันเลยกลับไปเอาเสื้อผ้าของฉันมาให้เธอเปลี่ยนก่อน”
“ขอบคุณนะ” เฉียวเค่อเหรินยิ้ม แต่แล้วทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นสายจาก เฉียวหยวนหาน
“ว่าไงคะคุณพ่อ” เธอรีบรับโทรศัพท์ด้วยเสียงหวาน
“กลับบ้านมาเดี๋ยวนี้!” ทว่าเสียงจากปลายสายนั้นแม้จะเป็นเสียงของเฉียวหยวนหานก็จริง แต่ครั้งนี้มันไม่มีวี่แววของความรักเจือปนมาเลย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณพ่อ?” เฉียวเค่อเหรินถามซ้ำด้วยความตกใจ
“ยังมีหน้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านมาเดี๋ยวนี้!” เฉียวหยวนหานยังพูดคำเดิมด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“ทำไมต้องรุนแรงกันด้วยล่ะคะ!” เฉียวเค่อเหรินไม่พอใจก่อนจะวางโทรศัพท์ลง เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมที่จะเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมแล้ว ทว่าโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนแรกเธอคิดว่าน่าจะเป็นพ่อของเธอที่โทรมาเพื่อขอโทษ แต่เบอร์บนหน้าจอกลับเป็นของเพื่อนเสียอย่างนั้น
“เค่อเหริน เกิดอะไรขึ้นกับพวกรูปภาพบนอินเตอร์เน็ตน่ะ?”
“รูปภาพ? ภาพอะไรน่ะ?” เมื่อคิดถึงความโกรธเกรี้ยวของผู้เป็นพ่อเมื่อครู่ เฉียวเค่อเหรินก็เริ่มคิดแล้วว่าตนเองทำอะไรผิดพลาดลงไปจริงๆ หรือเปล่า
“เธอไม่รู้เหรอ? นี่กำลังดังไปทั่วอินเตอร์เน็ตเลยนะ! รีบเปิดคอมพิวเตอร์แล้วดูด้วยตัวเองเลย!”
ได้ยินเช่นนั้นเธอเองก็รู้สึกแปลกใจ หลังจากที่วางโทรศัพท์ไปแล้ว เธอก็รีบเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาทันที
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หลี่เสี่ยวเมิ่งรีบถามขึ้นหลังจากที่เห็นสีหน้าของเฉียวเค่อเหรินดูจะไม่ดีเอาเสียเลย
เฉียวเค่อเหรินไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแค่รออย่างกระวนกระวายให้คอมพิวเตอร์นั้นเปิดเสร็จ
ในทันทีที่คอมพิวเตอร์เปิดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ข่าวบนหน้าเว็บไซต์ก็เด้งขึ้นมาให้เห็นบนหน้าจอ สายตาที่ต้องการจะรู้ถึงสิ่งที่ทำให้พ่อของตนโกรธขนาดนั้นไล่อ่านไปตามข่าวต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นมา และข่าวที่ดูจะโด่งดังที่สุดในตอนนี้ก็คือข่าวเกียวกับเมืองฮั่นต้า เฉียวเค่อเหรินไม่รอช้าที่จะคลิกเข้าไปอ่าน เนื้อหาข่าวนั้นพูดเกี่ยวกับเรื่องสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน นอกจากนี้ก็ยังเป็นข่าวเกี่ยวกับเมืองฮั่นต้าเช่นกัน อีกข่าวหนึ่งที่บอกไว้ว่า คอนโดภายในเมืองฮั่นต้านั้นกำลังเปิดจองเฟสที่ 2 แล้ว
เฉียวเค่อเหรินรู้สึกเสียใจที่ได้เห็นข่าวนั้น นี่น่ะเป็นผลลัพธ์ที่หานซือฉีพยายามข่มขู่ให้เธอไปหลอกครอบครัวของตนด้วยภาพที่น่าอายนั่น ในเมื่อตอนนี้บริษัทเว่ยหานหลุดออกจากจุดที่ยากลำบากได้แล้ว เขาคงจะมีความสุขไปเลยล่ะสิ?
แต่เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เพื่อนเธอพูด มันก็ทำให้เธอต้องสงสัยขึ้นมาอีก เมืองฮั่นต้ามันทำไมนะ? มีอะไรให้เพื่อนต้องตกตะลึงขนาดนั้น?
ขณะนั้นเอง เพื่อนคนเดิมก็โทรกลับเข้ามาอีกครั้ง “เค่อเหริน เหมือนภาพนั้นจะหายไปแล้วล่ะ แต่มันก็อยู่มาร่วมชั่วโมงแล้วนะ ในเมื่อหลายคนเห็น ฉันว่าก็น่าจะมีหลายคนดาวน์โหลดเก็บไว้แน่ๆ”
“ตกลงมันภาพอะไรน่ะ?” เฉียวเค่อเหรินเริ่มจะใจคอไม่ดีเสียแล้ว
“เดี๋ยวฉันส่งให้ดู”
ครู่หนึ่ง เฉียวเค่อเหรินก็ได้รับข้อความ MMS และเมื่อเธอเปิดดูรูปภาพ หญิงสาวก็ถึงกับช็อกและหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที
ภาพที่ว่านั้นเป็นภาพของหญิงสาวเปลือยกายนั่งอยู่บนตัวผู้ชายด้วยใบหน้าที่หลับตาพริ้มและอ้าปากกว้าง
แม้ภาพนั้นจะเป็นภาพจากมุมด้านข้าง แต่มันก็ทำให้หลายๆ คนที่ได้เห็นถึงกับจำได้ทันทีว่าเธอคนนี้คือลูกสาวคนดังของตระกูลเฉียวผู้มีอิทธิพลในเมือง B นี้แน่ๆ!
เมื่อหลี่เสี่ยวเมิ่งเข้ามาดูภาพนี้ด้วย เธอเองก็ช็อกไม่ต่างกัน มือที่สั่นเทากุมมือของอีกฝ่ายไว้ขณะถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ค-เค่อเหริน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
โทรศัพท์ในมือของเฉียวเค่อเหรินตกลงไปบนพื้น พร้อมกับร่างของเธอที่ล้มลงไปจากเก้าอี้ด้วย
“เค่อเหริน! เค่อเหริน!” หลี่เสี่ยวเมิ่งตกใจมากๆ เธอรีบเข้าไปคว้าร่างนั้นไว้ทันก่อนจะที่จะกระทบกับพื้นรุนแรง
หลังจากที่ช่วยประคองให้เพื่อนคนสนิทกลับมานั่งได้ซักพักหนึ่งแล้ว เธอคนนั้นกลับลุกพรวดขึ้นมาและผลักหลี่เสี่ยวเมิ่งออก ใบหน้าที่เกรี้ยวกราดตะโกนออกมาด้วยความเกลียดชัง “หานซือฉี! มันชักจะมากไปแล้วนะ! ฉันอุตส่าห์ยอมอดทนจนถึงขนาดนั้นแล้วแท้ๆ แต่นายกลับเผาฉันจนไม่เหลือชิ้นดี! นายบังคับให้ฉันจนตรอกสินะ!”
หลี่เสี่ยวเมิ่งประหลาดใจ “หานซือฉีจะทำแบบนี้ได้ยังไงกัน? เขาเป็นคู่หมั้นเธอนะ!”
“คู่หมั้นเหรอ? อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย!”
“เค่อเหริน ฉันมีบางสิ่งบางอย่างอยากจะบอกเธอ แต่ไม่รู้ว่า…” หลี่เสี่ยวเมิ่งลังเลที่จะพูดบางเรื่องขึ้นมา
“อะไร!?” แต่เฉียวเค่อเหรินในตอนนี้ไม่มีความลังเลด้วย
มันเหมือนเป็นการกดดันอ้อมๆ เพราะงั้นครู่หนึ่งหลังจากทำใจได้ หลี่เสี่ยวเมิ่งจึงถามออกไป “เธอเห็นว่าหานซือฉีขับไล่ฝูเจิ้งเจิ้งกับลูกชายออกจากเมือง B จริงๆ หรือเปล่า?”
“จริงสิ! ฉันยังให้คนพาฉันตามไปดูแล้วพบว่าพวกมันสองแม่ลูกถูกพาไปส่งยังสถานีรถไฟด้วยตาตัวเองอยู่เลย!”
“แต่เมื่อเช้านี้ เพื่อนที่โรงเรียนของฉันโทรมาบอกว่าเห็นฝูซิงกับฝูเจิ้งเจิ้งอยู่ในคอมมูนิตี้ที่เพื่อนฉันอยู่เมื่อวานนี้น่ะ แถมเขายังได้ไปคุยกับฝูซิงและได้รู้มาด้วยว่า พ่อของฝูซิงจะมารับในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
แววตาของเฉียวเค่อเหรินนั้นเปี่ยมไปด้วยความดุร้ายแบบสุดๆ แล้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คอมมูนิตี้ไหนอีก!”
ทันทีที่รู้ที่อยู่ของคอมมูนิตี้ดังกล่าว เฉียวเค่อเหรินก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที
“เค่อเหริน! หยุดก่อน อย่าวู่วาม!” หลี่เสี่ยวเมิ่งวิ่งตามไปติดๆ ด้วยความตกใจ
ทว่าเฉียวเค่อเหรินในตอนนี้นั้นไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เธอรีบไปยังรถของเธอและเหยียบคันเร่งออกไปจากที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
ชัดเจนเลยว่า หานซือฉีนั้นวางแผนซ้อนแผนเธอไว้อีกที! ไม่สิ คนคนนี้วางแผนซ้อนครอบครัวเธอไว้หมดแล้ว!
ต่อให้เธอและหานซือฉีจะมีความสัมพันธ์คืบหน้ากันขนาดไหน ครอบครัวของเธอก็คงจะไม่ยอมช่วยบริษัทเว่ยหานเร็วขนาดนี้แน่ถ้าพวกเขายังไม่เห็นว่าฝูเจิ้งเจิ้งนั้นออกจากเมือง B ไปพร้อมกับฝูซิงแล้ว!
หานซือฉี! ไอ้คนเจ้าเล่ห์! บังอาจมากที่มาทำร้ายฉันแบบนี้ ฉันจะขอสาปแช่ง ให้นายไม่มีชีวิตที่ดีอีกเลย!
ด้วยความเร็วระดับที่ฝ่าไฟแดงได้ทุกแยก เพียงไม่นานนักเธอก็มาถึงหน้าทางเข้าของคอมมูนิตี้ที่ฝูเจิ้งเจิ้งกับลูกชายอาศัยอยู่แล้ว ในทันทีที่รถหยุดลง เธอก็เห็นหานซือฉีออกมาจากคอมมูนิตี้ดังกล่าวพร้อมๆ กับฝูเจิ้งเจิ้งที่อุ้มฝูซิงเอาไว้ในอ้อมแขนด้วย
ดวงตาที่จ้องมองทั้งสามของเฉียวเค่อเหรินนั้นโกรธแทบจะระเบิดลุกเป็นไฟ เธอรีบลงจากรถแล้วเข้าไปขวางหน้าคนเหล่านั้นทันที!
——————————————————————————————————————
คุยกับผู้แปล
ร้ายแล้วน้าาาาา หานซือฉีนี่ถ้าไม่ใช่พระเอกก็ระดับตัวร้ายของเรื่องเลยน้า