ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 11 ฉันไม่อยากให้ความพยายามแบบสุดตัวของฉันต้องสูญเปล่า
บทที่ 11 ฉันไม่อยากให้ความพยายามแบบสุดตัวของฉันต้องสูญเปล่า
ทันทีที่ร่างเล็กเข้ามาในห้องพักดังกล่าว หยางเต๋าก็ปรากฏตัวขึ้น “เจิ้งเจิ้ง! ไม่ใช่ว่าวันอาทิตย์เป็นวันหยุดของเธอหรอกเหรอ? ทำไมเธอถึงไม่อยู่บ้านล่ะ ฉันเป็นห่วงนะ…”
“ฝูซิงบอกว่าอยู่บ้านมันน่าเบื่อน่ะค่ะ เพราะงั้นฉันเลยพาเขาไปเดินเล่น” เธอรีบพูดตัดบทเขาไป
“แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงเร่งเร้าอยากให้มาเจอแบบนี้ล่ะคะ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ฝูเจิ้งเจิ้งรีบถามด้วยความร้อนใจเพราะเกรงว่าจะมีเรื่องด่วน
“ฉันก็แค่เป็นห่วง” อีกฝ่ายตอบด้วยเสียงราบเรียบ
ได้ยินเช่นนั้นฝูเจิ้งเจิ้งก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที “หานซือฉีเห็นรุ่นพี่มาครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าเกิดเผยตัวให้เขาเห็นอีกบ่อย ๆ เขาจะสงสัยเอานะคะ ส่วนฉันก็ไม่อยากให้ความพยายามที่ดั้นด้นทำมาทั้งหมดต้องมาพังด้วยอะไรแบบนี้ด้วย” เธอพูดกับเขาไปตรง ๆ
“ฉ-ฉันก็เป็นห่วงเธอจริง ๆ นะเจิ้งเจิ้ง กลับไปที่เมือง A เหมือนเดิมเถอะ เดี๋ยวฉันจะขอผู้กำกับให้เปลี่ยนคนอื่นมาแทนเธอเอง” หยางเต๋าพูดออกมาจากใจจริง ตลอดเวลาเขาต้องคอยกังวลเรื่องเธอจนไม่เป็นอันทำงาน
“ไม่ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ทำงานด้วยตัวเอง แบบนี้แล้วจะให้ฉันยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มได้ยังไงกัน?” ฝูเจิ้งเจิ้งเองก็รู้ถึงความหวังดีของคนตรงหน้า แต่เธอคงทำตามความต้องการของเขาไม่ได้
“แต่เจิ้งเจิ้ง…” เมื่อเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของอีกฝ่าย หยางเต๋าก็เริ่มรู้ตัวว่าตนเองนั้นเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอจนเกินเหตุ เขาจึงพูดต่ออีกว่า “ทางเราได้ข้อมูลอีกชุดหนึ่งมาแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทำให้หญิงสาวคลายอารมณ์ขุ่นมัวได้บ้าง ตอนแรกหยางเต๋าแค่ต้องการจะให้ฝูเจิ้งเจิ้งมาอยู่ใกล้ ๆ ตัวเขาเพียงเท่านั้น แต่ไม่คาดคิดว่าเป้าหมายของงานครั้งนี้อย่างหานซือฉีจะร้ายกาจขนาดนี้!
เมื่อเห็นว่าแววตาของหยางเต๋าเต็มไปด้วยความเสียใจ หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะใช้เสียงที่อ่อนลง “ฉันจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ เพราะงั้นขอให้เชื่อมั่นได้เลยค่ะ”
ความมั่นใจในน้ำเสียงของเจ้าหล่อนทำให้หยางเต๋ารู้สึกทำตัวไม่ถูก เขาถอนหายใจก่อนจะเริ่มบอกรายละเอียดเกี่ยวกับหลี่เสี่ยวเมิ่งให้ฝูเจิ้งเจิ้งฟังทั้งหมด
หลี่เสี่ยวเมิ่ง อายุ 22 ปี เพิ่งกลับมาที่เมือง B เมื่อครึ่งปีที่แล้ว และตั้งแต่กลับมาก็เริ่มเป็นครูสอนเด็กอนุบาลอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลเสี่ยวเทียนหยาง เธอเป็นคนจิตใจดี ร่าเริงและมีความรับผิดชอบ จึงไม่น่าแปลกใจหากผู้หญิงคนนี้จะเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมชมชอบจากพวกคุณครูและนักเรียนเป็นจำนวนมาก
ตามข้อมูลที่ส่งต่อกันมา เธอมีแฟนหนุ่มอยู่เมื่อสองปีก่อนแต่เลิกกันไปแล้ว ทว่าไม่นานมานี้ดูเหมือนว่าหลี่เสี่ยวเมิ่งจะเริ่มเข้าหาหานซือฉี จากข่าวลือที่แพร่กระจายในวงกว้าง ยังไม่สามารถตีความได้ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันแบบไหน
หยางเต๋าหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา ซึ่งสิ่งนั้นทำเอาฝูเจิ้งเจิ้งช็อกไปไม่น้อย : หลี่เสี่ยวเมิ่งเป็นลูกสาวของหลี่หมิง พ่อค้ายารายใหญ่ที่ถูกตำรวจวิสามัญไปเมื่อ 6 ปีก่อน!
6 ปีก่อนเหรอ! 6 ปีก่อนอีกแล้ว!
เมื่อ 6 ปีก่อนนั้น เธอต้องเข้าหาเหนียนซี่ก็เพราะคดีที่เกี่ยวข้องกับการแก่งแย่งชิงดีกันในครั้งนั้นนั่นแหละ ตอนนั้นเธอเป็นพยานคนสำคัญที่ยืนยันว่าหลี่หมิงได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์จริง และด้วยการให้ปากคำของเธอ เมื่อหลี่หมิงไม่ยอมให้จับกุมและคิดต่อสู้จนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตไปอีกหลายคน เขาจึงถูกตำรวจวิสามัญไปในตอนนั้น
ว่ากันว่าสาเหตุที่เหล่าพ่อค้ายาหลาย ๆ คนเข้ามารวมตัวกันที่เมือง B แห่งนี้ก็เพราะว่ากุญแจห้องลับของหลี่หมิงที่หายสาบสูญไปเมื่อ 6 ปีก่อนนั่นแหละ
ที่ผ่านมานั้นเธอเฝ้าคิดมาตลอดว่าตนเองกับเรื่องเมื่อ 6 ปีที่แล้วไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันยกเว้นเหนียนซี่ แต่มันกลายเป็นว่า ในตอนนี้เธอถูกดึงกลับเข้าไปพัวพันกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเมื่อ 6 ปีก่อนอีกแล้ว!
หยางเต๋าไม่รู้ว่าฝูเจิ้งเจิ้งกำลังคิดอะไรอยู่ เขาได้แต่ถามหญิงสาวไปด้วยความงุนงง “การปรากฏตัวของหลี่เสี่ยวเมิ่งนั้นต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับข่าวลือเรื่องกุญแจห้องลับนั่นแน่ ๆ ตอนนี้หานซือฉีถือเป็นคนนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ แต่การที่จู่ ๆ ทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันแบบนี้ เป็นไปได้หรือเปล่าว่าคดียาเสพติดครั้งล่าสุดจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วย?”
หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาทันที นี่มันไม่ถูกต้อง เธอเองก็ไม่เข้าใจกับปฏิกิริยาของตัวเองเช่นกัน
ถึงแม้ว่างานของเธอในครั้งนี้จะเป็นการสืบหาความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทเว่ยหานและคดียาเสพติดครั้งล่าสุด แต่ตอนนี้ภายในใจของตำรวจสาวกำลังหวังให้หานซือฉีและบริษัทเว่ยหานไม่มีส่วนพัวพันกับคดีทั้งหมดนี้
ส่วนเหตุผลว่าทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นเธอเองก็ไม่สามารถอธิบายได้เหมือนกัน
“เจิ้งเจิ้ง…” เมื่อเห็นเธอตกอยู่ในภวังค์อยู่นาน คนตรงหน้าก็เหมือนจะมีอะไรที่อยากจะพูดกับเธอต่อ
“ฝูซิงอยู่บ้านคนเดียว ถ้ายังไงฉันต้องรีบกลับไปทำอาหารให้เขาทานก่อน” ฝูเจิ้งเจิ้งตัดบท พลันฉุกคิดได้ว่าหานซือฉียังอยู่ที่บ้านของเธอ หญิงสาวก็ตระหนักได้ว่าภารกิจของวันนี้ยังไม่จบ เธอจึงต้องรีบออกไปจากที่นี่ทันทีก่อนที่หยางเต๋าจะได้พูดอะไรอีก
หญิงสาวหยิบข้าวของที่ต้องการใส่ตะกร้าแล้วรีบคิดเงินก่อนจะตรงดิ่งกลับบ้านไป จิตใจของเธอในตอนนี้ยังคงมีความกังวลแม้จะถึงหน้าประตูบ้านแล้วก็ตาม
สิ่งที่กวนใจเธออยู่ก็คือการที่เธอพยายามคิดทบทวนซ้ำ ๆ ในหัวว่า ‘เธอไม่ได้ชอบหานซือฉี’ แต่ไม่ว่ายังไง…
หลังจากที่พยายามสูดหายใจลึก ๆ เข้าออกอยู่หลายครั้งเพื่อทำจิตใจให้เป็นสงบ ขณะที่กำลังจะกดกริ่งให้คนข้างในเปิดประตู เสียงร้องโวยวายของฝูซิงก็ดังออกมาจากด้านใน “อ๊าาา ไม่นะ ช่วยด้วย!”
หัวใจที่ไม่สู้ดีอยู่แล้วของฝูเจิ้งเจิ้งเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนกในทันที ฝูซิง..ไม่นะ!
เธอทิ้งถุงข้าวของทุกอย่างพร้อมกับกำหมัดแน่น รัวทุบประตูเสียงดัง
“เปิดประตู! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงร้องโวยวายจากด้านในสงบลงทันใด ด้วยสัญชาตญาณ เธอก็รีบหลบออกไปข้าง ๆ ก่อนพร้อมยกถุงของกินเหล่านั้นขึ้นมาเตรียมพร้อมไว้ด้วย
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ทั้งถุงและเท้าก็ถูกประเคนเข้าใส่บุคคลที่มาเปิดประตูนั้นอย่างไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
———————————————————————————————————————
คุยกับผู้แปล
หล่อนไปสปาร์คหานซือฉีตอนไหนน่ะ หรือว่าจริง ๆ แล้วหล่อนก็ยังเชื่อว่าหานซือฉีคือเหนียนซี่อยู่?
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-