ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 15 ปกติฉันก็อยู่นอกบ้านทั้งคืนอยู่แล้ว
บทที่ 15 ปกติฉันก็อยู่นอกบ้านทั้งคืนอยู่แล้ว
“ต้องเป็นป๊ะป๋าแน่ ๆ!” ฝูซิงพูดขึ้นเสียงดังพร้อมกับวิ่งหน้าระรื่นไปยังประตู
ทว่าฝูเจิ้งเจิ้งกลับร้องห้ามเขาไว้ก่อน
“ห้ามเปิดนะ! กลับไปที่ห้องของลูกซะ!” ตอนนี้ใบหน้าของเธอไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
หญิงสาวค่อย ๆ เดินไปยังหน้าประตูก่อนจะตัดสินใจผลักประตูให้เปิดออกอย่างแรง ทันทีที่ประตูกระแทกเข้ากับบุคคลปริศนาที่อยู่อีกฟากหนึ่ง เสียงร้องโอดครวญของผู้ชายก็ดังลั่นออกมา
สมควรแล้ว! เธอแอบนึกสะใจอยู่ลึก ๆ แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ตั้งใจ “โอ๊ะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณนะ!”
“ม-ไม่เป็นไร…” ชายหนุ่มคนนั้นโบกมือขณะที่กำลังกัดฟันข่มความเจ็บ
หลังจากที่พยายามมองไปยังใบหน้าของอีกฝ่าย ฝูเจิ้งเจิ้งก็พบว่า ชายผู้สวมหมวกมิดชิดตรงหน้านั้นคือ หยางเต๋า!
“รุ่นพี่หยางเต๋า!?” เธอรีบมองไปยังบันไดทันทีด้วยความกังวลว่าจะมีใครมาเห็นแล้วจึงเอ่ยถามด้วยเสียงเบา “รุ่นพี่มาทำอะไรกันคะเนี่ย?”
“ก็ฉันเห็นเธอไม่ได้ตอบข้อความกลับ ก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าจะเป็นอะไรไป แล้วฉันก็โผล่มาหาเธอตอนกลางวันไม่ได้ด้วย ก็เลย…”
เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนั้น ฝูเจิ้งเจิ้งก็นึกขึ้นได้ว่าเธอลืมตอบข้อความของหยางเต๋ามาหลายวันแล้ว พลันเมื่อจะขอโทษในความขี้ลืมของตน หญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงเสียงฝีเท้าของหานซือฉีที่กำลังค่อย ๆ เดินขึ้นมา ฉับพลันเธอรีบเปลี่ยนอารมณ์และหัวข้อเรื่องที่สนทนากันอยู่ในทันที “ต้องขอบคุณจริง ๆ นะคะที่อุตส่าต์ช่วยมาตรวจดูแก๊สให้แม้จะมืดค่ำขนาดนี้แล้ว”
ด้วยความที่หยางเต๋าเองก็เป็นตำรวจ มันทำให้เขาสามารถรับรู้ได้ว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา เพราะงั้นเขาจึงรีบพยักหน้าและเออออตามอย่างรวดเร็ว “ด้วยความยินดีครับคุณผู้หญิง ถ้าหากมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับระบบแก๊สอีกก็สามารถโทรตามผมด้วยเบอร์ที่ให้ไว้ได้เลยครับ”
ไม่ทันขาดคำ ร่างของหานซือฉีก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูห้องราวกับได้ยินสิ่งที่พูดกัน ฝูเจิ้งเจิ้งส่งยิ้มเจื่อนดูไม่เป็นธรรมชาติให้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแข็ง ๆ “คุณหาน? มาทำอะไรที่นี่อีกคะ? คิดจะมาดูฝูซิงหรือไง?”
หยางเต๋าสะดุ้งเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของหานซือฉี แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรพร้อมกับก้มหน้าก้มตาลงบันไดไปแทน
หานซือฉีเหลือบมองหยางเต๋าที่เดินลงบันไดไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“ก็แค่คนเช็คแก๊สน่ะค่ะ พอดีฉันแทบไม่อยู่บ้านเลยตลอดวัน” ฝูเจิ้งเจิ้งรีบหันเหความสนใจของเขาให้กลับมาที่เธอก่อน เพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ “คุณหาน ฝูซิงหลับไปแล้ว เพราะงั้นก็เชิญกลับไปได้เลยค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลา”
ท่าทีไม่เต็มใจของหญิงสาวนั้นทำให้ชายหนุ่มนึกสนใจ เดินเข้าใกล้เธอมากกว่าเดิม คิ้วคู่สวยของหานซือฉีขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น “เธอหึงฉันหรือไง?”
คำถามดังกล่าวทำเอาฝูเจิ้งเจิ้งหน้าแดงขึ้นมาทันที ทว่าตัวเธอกลับเลือกตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “การหึงอะไรนั่นไม่ได้ทำให้ฉันสุขภาพดีขึ้นหรอกนะคะ แล้วทำไมฉันต้องหึงคุณด้วย?”
พูดจบ ฝูเจิ้งเจิ้งไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา เธอเตรียมที่จะกลับเข้าไปในบ้าน ในตอนนั้นเอง หานซือฉีก็รวบร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาพร้อมทั้งใช้สองแขนแกร่งขังเธอไว้
หญิงสาวใช้ทักษะเฉพาะ รัวทั้งหมัดทั้งเท้าใส่เขาในทันที แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวหานซือฉีได้ แถมเขายังส่งยิ้มละไมให้เธอหงุดหงิดใจเล่นอีกด้วย “ว่องไวไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ”
ได้ยินเช่นนั้น ฝูเจิ้งเจิ้งก็ตกใจขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะกำหมัดแน่นและต่อยออกไปที่กลางอกของหานซือฉี จังหวะที่มือเข้าปะทะกับอกแกร่ง เหมือนกับเธอกำลังต่อยกำแพงอยู่ยังไงยังงั้น เขาไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน
นี่เธอไม่สามารถทำอะไรเขาได้จริง ๆ เหรอ ฝูเจิ้งเจิ้งได้แต่โมโหกับตัวเอง “คุณหาน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคะ! แถวนี้คนเยอะ ถ้าพวกเขาเกิดได้ยินหรือมาเห็นพวกเราตรงนี้มันจะวุ่นวาย! รีบ ๆ คุยธุระของคุณมาแล้วแยก ๆ กันไปได้แล้ว!”
“งั้นบอกมา ว่าเธอเป็นใคร?” เขาถามขึ้นด้วยแววตาจริงจัง
ใบหน้าสวยตกตะลึงไปอีกครั้ง หานซือฉีต้องไปรู้อะไรมาแน่ ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็รีบซ่อนสีหน้ากังวลแล้วปรับอารมณ์ให้เป็นปกติทันที เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใส “ฉันก็ฝูเจิ้งเจิ้งไงคะ!”
ชายหนุ่มแสยะยิ้ม “เอางั้นเหรอ? ได้ งั้น เจิ้งเจิ้ง คุณฝูเจิ้งเจิ้ง ใครสั่งให้เธอมาคอยประกบฉันกันล่ะ?”
“หา? คุณหานหมายความว่ายังไงกันคะ? ทำไมต้องมีใครสั่งให้ฉันมาประกบคุณด้วย?” หญิงสาวทำทียอกย้อนพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นสบตากับคนตัวสูงอย่างท้าทาย ตอนนี้เธอกับเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่ปลายจมูก
หานซือฉีก้มมองหญิงสาวตรงหน้า ถึงเธอจะพยายามซ่อนความกังวลไว้ภายใต้ใบหน้าสวย ๆ นั่น แต่เขาก็มองออกอยู่ดี คนตัวสูงไม่พูดอะไรต่อ ใบหน้าของเขาค่อย ๆ เลื่อนต่ำลงมาจนริมฝีปากบางของเขาใกล้จะสัมผัสเธอ
“ฉันแพ้กลิ่นน้ำหอม อย่าเข้ามาใกล้นะคะ!” หญิงสาวหลับตาปี๋พร้อมกับอาศัยจังหวะนี้ใช้มือดันร่างของเขาให้ออกห่าง
“ฉันอาบน้ำแล้ว ทำไมเธอถึงยังได้กลิ่นอยู่กันนะ?” หานซือฉีผละตัวออกมาแล้วดมตามเนื้อตามตัวของตนเอง เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีกลิ่นน้ำหอมที่ว่า เขาก็ขยับแขนเข้าไปใกล้ ๆ จมูกของหญิงสาวอีกรอบ “มีแต่กลิ่นของตัวฉันเอง เธอเองก็น่าจะแยกกลิ่นออกนี่”
ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแบบนี้ อย่างน้อย ๆ ฝูเจิ้งเจิ้งก็โล่งใจที่เหมือนจะเปลี่ยนความสนใจของเขาได้ กระนั้นเธอก็ยังแสร้งพูดต่อด้วยความรังเกียจ “คุณหาน! กลิ่นของคุณมันจะทำฉันป่วยเอานะ!”
ท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้าและถอนหายใจ “เธอไม่ควรหึงเสี่ยวเมิ่งนะรู้ไหม?”
“แล้วมันมีคนอื่นให้ฉันหึงหรือไงคะ?” ด้วยความที่ลนลานมาก่อนหน้านี้ เลยทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ทันระวังคำพูดตนเองเท่าไหร่ เอาจริง ๆ เธอน่ะรู้ดีอยู่แล้วว่านิสัยของหานซือฉีเป็นอย่างไร คนที่ไม่เคยปฏิเสธสาวสวยทุกคนอย่างเขาน่ะ เธอจะมาเสียเวลาหึงเขาทำไมกัน หากคราวนี้ฝ่ายหญิงไม่ใช่หลี่เสี่ยวเมิ่งที่มีข่าวลือว่ากุ๊กกิ๊กกับหานซือฉีอยู่น่ะนะ
“เห็นไหม เธอยอมรับแล้วว่าเธอหึง” ใบหน้าคมเข้มแสดงความเจ้าเล่ห์ผ่านทางดวงตาที่ส่องประกายหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าเผลอหลุดปากออกมาเอง
“ได้โปรดเถอะนะคะคุณหาน พรุ่งนี้ฉันยังต้องไปทำงาน ช่วยปล่อยฉันไปด้วยเถอะค่ะ”
เธอพูดกับเขาด้วยสีหน้าที่อิดโรย ฝูเจิ้งเจิ้งแทบอยากรีบมุดกลับเข้าไปในห้องเต็มที
“ฉันเพิ่งได้รับข่าวจากพี่ชายเมื่อเช้านี้ ว่าพรุ่งนี้เขาจะเข้ามาตรวจสอบบริษัท” หานซือฉีเอ่ยขึ้น
ทันทีที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที
“พี่ชาย?” หานซือเซียนงั้นเหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงกลับมาล่ะ?!
ทั้ง ๆ ที่ฝูเจิ้งเจิ้งก็ทำงานให้เว่ยหานมาพักใหญ่ แต่เธอกลับไม่เคยได้เห็นหานซือเซียน ประธานบริษัทแห่งนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าจำไม่ผิดตลอดเวลาที่ผ่านมาคนคนนี้อยู่แต่ในสำนักงานใหญ่ที่ต่างประเทศไม่ใช่หรือไงน่ะ? ทำไมจู่ ๆ ก็กลับมาแบบนี้…
แต่แล้วเธอก็เอะใจได้ถึงอะไรบางอย่างจากประโยคที่เขาเพิ่งพูดไป “ทั้ง ๆ ที่พี่ชายคุณจะมาตรวจสอบบริษัท แต่ตัวคุณกลับไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเนี่ยนะ?”
“อยู่นอกบ้านทั้งคืนมันเป็นเรื่องที่ฉันทำเป็นประจำอยู่แล้ว หรือเธออยากจะให้ฉันไปอยู่ด้วยล่ะ?” เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มร้ายบนใบหน้า
อั่ก อีกแล้ว! บ้าเอ๊ย!
ฝูเจิ้งเจิ้งรีบสไลด์ตัวเข้าไปในห้องผ่านช่องประตูแคบ ๆ แล้วปิดประตูเสียงดังใส่หานซือฉีทันที
ปัง!
ชายหนุ่มมองประตูที่ปิดสนิทแล้วยิ้มออกมา ภาพของเธอเมื่อครู่ที่ดูจะแอบหวั่นไหวมันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า เมื่อไหร่ฝูเจิ้งเจิ้งจะเลิกเล่นเกมนี้และยอมเขาดี ๆ ดูท่าไอ้คำว่า ‘เป็นหญิงต้องไว้เชิง’ ท่าจะจริง สาวสวยคนนี้มีพิษสงอยู่ไม่น้อยเลย ชักตื่นเต้นขึ้นมามากกว่าเดิมแล้วสิ
—————————————————————————————————-
คุยกับผู้แปล
ทำความรู้จักพี่เขยไว้สิเจิ้งเจิ้ง
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-