ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 16 นังแพศยา
บทที่ 16 นังแพศยา
หานซือเซียน ประธานของบอร์ดบริหารแห่งเว่ยหานกรุ๊ป เขาเป็นชายอายุ 32 ปี เริ่มเข้ามาดูแลบริษัทตั้งแต่ 20 ต้น ๆ เป็นคนเข้มงวดและฉลาดหลักแหลม หานซือเซียนแต่งงานเมื่อ 6 ปีที่แล้วและมีลูกสาว 1 คนในอีก 2 ปีให้หลัง ไม่มีข่าวคราวใด ๆ เกี่ยวกับเขาหลุดเล็ดลอดออกมา
ฝูเจิ้งเจิ้งค่อนข้างประหลาดใจกับประโยคสุดท้ายของข้อมูลเอามาก ๆ
ทำไมพี่น้องที่คลานตามกันมาถึงมีนิสัยต่างกันได้ขนาดนี้นะ?
ว่ากันว่าที่หานซือฉีเป็นรองประธานได้ในทุกวันนี้ก็เพราะมีหานซือเซียนคอยผลักดันมาตลอด ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ หานซือฉีนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกลูกผู้มีอิทธิพลทั่ว ๆ ไปเลยแฮะ
ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น ฝูเจิ้งเจิ้งก็หันไปตรวจสอบอีกทีว่าเธอจัดเตรียมเอกสารไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วหรือยัง ทว่าเมื่อสังเกตดี ๆ แล้วกลับพบว่าที่โต๊ะนั้นมีหยดน้ำกระจายอยู่ให้เห็น
มาจากหน้าต่างที่เปิดไว้งั้นเหรอ?
ถ้าคุณหานมาเจอสงสัยมีหวังฉันโดนไล่ออกแหง ๆ… แล้วยิ่งต้องมาถูกไล่ออกเพราะความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
ขณะที่กำลังจะจัดการความเรียบร้อยบนโต๊ะของเจ้านาย
กริ๊ง…กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์ของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นและหญิงสาวก็ไม่รอช้าที่จะรับมันอย่างรวดเร็ว ปลายสายนั้นคือโรงเรียนอนุบาลที่ฝูซิงเรียนอยู่ คุณครูที่โทรมาบอกกับเธอว่าลูกชายของเธอไปผลักเด็กคนอื่นล้ม และทางครอบครัวของเด็กคนที่โดนผลักก็กำลังมาเอาเรื่องที่โรงเรียน พวกเขาอยากให้ฝูเจิ้งเจิ้งรีบไปจัดการเรื่องนี้ในทันที
หลังจากวางโทรศัพท์ ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบไปบอกเลขาหน้าห้องของหานซือฉีไว้ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที
ท้องฟ้าในวันนี้ดูมืดมนเหมือนลางร้ายที่กำลังก่อตัวอยู่ใกล้ ๆ ลมพัดรุนแรงโหมเข้าปะทะร่างบางจนทรงผมที่จัดเซ็ตไว้เสียทรง กระนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะจัดการผมเผ้าให้มันดูดี เธอยังคงมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนอนุบาลต่ออย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงโรงเรียนอนุบาลแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็พบว่าเหล่าบรรดาครูรวมไปถึงหลี่เสี่ยวเมิ่งนั้นกำลังยืนประจัญหน้ากับผู้ปกครอง 3 คนอยู่ พวกเขามีผู้ชาย 1 คนและผู้หญิง 2 คน ทันทีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนเห็นว่าเธอมาถึงแล้ว เขาก็แนะนำเธอให้อีกฝ่ายรู้จัก และทันทีที่อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นใคร หญิงสาวทั้ง 2 คนนั้นก็เข้ามารุมด่าทอเธออย่างไม่มีการประณีประณอม
ผู้อำนวยการโรงเรียนรีบแยกตัวฝูเจิ้งเจิ้งออกมาก่อนเพื่ออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านี้ ชั้นเรียน ‘ลูกแกะ’ จัดให้เหล่าเด็ก ๆ ในชั้นได้ไปเล่นสไลเดอร์ด้วยกัน ฝูซิงที่ยืนอยู่ด้านหลังฮ่าวฮ่าวก็นึกสนุกผลักฮ่าวฮ่าวลงมาจากสไลเดอร์ โชคยังดีที่ฮ่าวฮ่าวนั้นไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรนอกจากมีแผลถลอกนิดหน่อยเท่านั้น
หากแค่นี้ยังโวยวายกันจะเป็นจะตาย ถ้าถึงขั้นกระดูกหักนี่จะกลายเป็นสงครามโลกเลยหรือเปล่านะ…เธอคิด
“ฝูซิงยังไม่ได้ยอมรับผิดเรื่องที่ได้ทำลงไปเลยนะครับ เด็ก ๆ หลายคนรวมถึงอาจารย์หลี่เองก็อยู่ในจุดนั้นด้วย” ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเหลือบมองหลี่เสี่ยวเมิ่งที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาเชิงหาพวกพ้อง
แม้ภายในแววตาของหลี่เสี่ยวเมิ่งจะแฝงไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพยักหน้าช้า ๆ
“ถ้ายังไงฉันต้องขอโทษคุณพ่อของฮ่าวฮ่าวด้วยนะคะ หากความผิดนี้เป็นของฝูซิงจริง ๆ ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง” ฝูเจิ้งเจิ้งที่เข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างแล้วจึงรีบเข้าไปขอโทษแทนลูกชายของเธอทันที
เฉินเหลียงฮั่ว พ่อของฮ่าวฮ่าว กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผู้เป็นแม่อย่าง หลินหง กลับชิงส่งสายตาและคำพูดเย้ยหยันใส่ฝูเจิ้งเจิ้งเสียก่อน “ฉันจะยินดีมาก ๆ เลยถ้าคุณจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกของฉัน ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าเลี้ยงดู ค่าทำขวัญ ค่าดูแล ค่ายาต่าง ๆ แล้วไหนจะค่าจ้างพี่เลี้ยงฮ่าวฮ่าวอีก เห็นทีเราต้องมาคุยเรื่องราคาของสิ่งเหล่านี้กันแล้วล่ะค่ะ”
“พี่หลิน พี่ลืมค่ารักษารอยแผลเป็นไปนะ…. แต่ยัยคนนี้น่ะดูยังไงก็คงไม่มีปัญญาจ่ายเราได้หรอก เพราะงั้นฉันคิดว่าแค่ 5 หมื่นหยวนก็พอแล้วล่ะ” น้องสาวของหลินหงพูดเสริมจากด้านหลัง
“5 หมื่นหยวน!? นี่พวกคุณคิดจะปล้นฉันกันหรือไง!!” ความโลภจนน่าเกลียดของสองสาวตรงหน้าทำเอาฝูเจิ้งเจิ้งตกใจเป็นอย่างมาก
“คุณแม่ของฮ่าวฮ่าวครับ ผมคิดว่า 5 หมื่นนี่มันจะเกินไปหน่อยนะครับ ตัวฮ่าวฮ่าวเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บที่อื่นนอกจากรอยถลอกบนใบหน้าเลยแท้ ๆ” ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลรวมถึงหลี่เสี่ยวเมิ่งเองต่างก็พยายามช่วยพูดให้ฝูเจิ้งเจิ้งไปด้วย เนื่องจากการเรียกค่าเสียหายครั้งนี้มันสูงเกินไป
ไม่เว้นแม้แต่เฉินเหลียงฮั่ว เขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องค่าเสียหายขนาดนั้นของภรรยาตนเอง ถึงกับต้องเดินเข้ามาพูดเพื่อให้เธอใจเย็นลงก่อน “ที่รัก ฮ่าวฮ่าวแค่มีแผลถลอกนิด ๆ หน่อย ๆ เรียกตั้ง 5 หมื่นมันจะเกินไปนะ นอกจากนั้นฝูซิงเองก็ไม่ได้ตั้งใจทำตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อแม่ของเขามาขอโทษ เรื่องมันก็ควรจะจบแค่นี้ดีกว่าน่า”
แววตาของเฉินเหลียงฮั่วเปล่งประกายขณะที่เหลือบมามองฝูเจิ้งเจิ้ง ซึ่งการกระทำนี้ของเขามันทำให้หลินหงโกรธฝูเจิ้งเจิ้งมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เธอสลัดสามีของเธอออกจากแขนพร้อมกับพูดขึ้นเสียงดัง “หน้าไม่อาย! พอเจอสาวสวยหน่อยก็ทำเป็นพวกใจเสาะ นังแพศยานี่มันมีอะไรดีฮะ! ฟังนะ ลูกของฉัน ฉันเลี้ยงมาฉันยังไม่กล้าทำอะไรให้เขาบาดเจ็บเลย ในเมื่อเธอไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหาย ฉันก็จะทำแบบเดียวกันกับลูกของเธอแทนจนกว่าจะพอใจ จากนั้นฉันถึงจะยอมคิดเสียว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ฝูเจิ้งเจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบขวางทางหลินหงไว้ทันที
“ที่รัก อย่าให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้เลย ถ้าหากคุณทำแบบนั้น ฝ่ายที่ผิดจะกลายเป็นพวกเราแทนนะ!” เฉินเหลียงฮั่วเองก็ยังคงรักษาความสุภาพและใจเย็นเอาไว้ขณะโน้มน้าวภรรยาของเขา
ส่วนหลินเจี่ยวผู้น้องที่ไม่ได้พูดอะไรมาพักใหญ่ก็ตัดสินใจเอ่ยคำถากถางขึ้น “พี่เฉิน พี่นี่มันไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ นะ ทำไม เห็นมันสวยหน่อยแล้วแข้งขาไม่มีแรงเดินไปตบปากหรือไง?”
“เลิกพูดจาเสี้ยมไปทั่วได้แล้ว! จะไปไหนก็ไปเธอน่ะ!” เฉินเหลียงฮั่วตะโกนหลังได้ยินคำถากถางนั้น
“ไอ้ผัวเฮงซวย! แกกล้าดียังไงมาด่าน้องสาวของฉันฮะ! ใช้ชีวิตมามากพอแล้วหรือยังไง!?” หลินหงหันขวับกลับมาทางเฉินเหลียงฮั่ว จากนั้นเธอก็แสร้งทำเป็นง้างแขนจะตบที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ทว่ายามเมื่อตอนตวัดมือลงมานั้น ปลายทางมันกลับกลายเป็นใบหน้าของฝูเจิ้งเจิ้งแทน
—————————————————————————————————-
คุยกับผู้แปล
โอ้โห ร้ายกาจนักน้า เห็นแล้วอยากจะเข้าไปช่วยฝูเจิ้งเจิ้งจัดการกับคนนิสัยแบบนี้เลย ฮึ่ย!
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-