ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 17 อย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ!
บทที่ 17 อย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ!
ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ได้ยืนนิ่ง ๆ เธอระมัดระวังตัวเองแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะงั้นในสถานการณ์เช่นนี้ การยกแขนขึ้นรับมือของหลินหงที่กำลังตรงเข้ามาจึงทำได้โดยไม่ยากเย็นเพราะมีเวลาเตรียมตัวอยู่ตลอด ท้ายสุดแล้วมันจึงกลายเป็นฝ่ายหลินหงแทนที่ต้องเจ็บมือและร้องโอดครวญออกมา
หลินเจี่ยวที่เห็นว่าสถานการณ์พลิกกลับก็รีบกระเสือกกระสนเข้ามาหมายจะทำร้ายเธออีกคน
“หนอย นังนี่! แกกล้าดียังไงมาทำพี่สาวฉันน่ะ! คิดว่าสวยแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ!? เดี๋ยวฉันจะกระชากหน้าสวย ๆ ของแกให้มีรอยแผลเป็นมันซะตอนนี้เลย!”
คนพวกนี้คือ 1 ในสิ่งมีชีวิตที่ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ชอบมากที่สุด เป็นไปได้ก็ไม่อยากจะไปต่อล้อต่อเถียงด้วย เพราะงั้นเธอจึงเน้นไปด้านการป้องกันการโจมตีจากทั้งสองเพียงอย่างเดียว แต่เพราะการที่ต้องคอยป้องกันการโจมตีจากด้านหน้าเช่นนี้ มันเลยทำให้เธอไม่ทันได้ระวังพลาดสะดุดล้มลงไปที่โต๊ะ กลายเป็นโอกาสของสองคนนั้น สองสาวที่เห็นว่านี่เป็นโอกาสดีจึงเข้าไปกระชากผมของเธอไว้ทันที
“อึ่ก—!” ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่ถูกกระชากผมอย่างแรง เธอไม่อาจอยู่เฉยได้ หญิงสาวใช้เท้าถีบทั้ง 2 คนที่รุมทำร้ายเธอจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ร้องโอดครวญไปตาม ๆ กัน
ในตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เข้ามาถึงที่เกิดเหตุพอดี พวกเขาช่วยแยกสาว ๆ ทั้งหลายออกจากกันโดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนและเฉินเหลียงฮั่วมาช่วยด้วย
“นังร่าน! หัดรู้จักละอายใจบ้างนะ ไม่ใช่เอาแต่อ่อยผัวคนอื่นไปทั่วแล้วไข่เป็นขยะสังคมออกมาแบบนี้!!” ด้วยความเจ็บปวด ทำให้สองพี่น้องหลินไม่กล้าจะเข้าโจมตีฝูเจิ้งเจิ้งใหม่อีกครั้ง แต่ก็ใช่ว่าพิษสงจะหมดเพียงเท่านี้ เพราะถึงแม้จะโดนล็อกตัวไว้แล้ว ฝีปากของพวกเธอก็ยังคงพ่นคำด่าทอที่สุดแสนจะหยาบคายออกมาเรื่อย ๆ อยู่ดี
ทั้งที่ปกติฝูเจิ้งเจิ้งไม่ได้สนใจกับถ้อยคำด่าทออยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ดันมาเหมารวมลูกเธอด้วย มันจึงทำให้หญิงสาวโกรธสุด ๆ พร้อมที่จะกระชากสองคนนั้นมากระทืบให้สาสม แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ชิงดังขึ้นมาเสียก่อน
กริ๊ง….กริ๊ง
มันมาจากสวี่เหยียน เลขาของหานซือฉี
“คุณเจิ้งเจิ้งคะ ในออฟฟิศเละเทะไปหมดเลยค่ะ… นี่ไปอยู่ไหนกันคะเนี่ย? คุณหานบอกฉันไว้ว่าเขาจะมาไล่คุณออกแล้วนะ”
———
ฝูเจิ้งเจิ้งรีบกลับมาที่ทำงานของเธอโดยที่ไม่ได้หยุดพักหายใจ ด้านข้างเธอนั้นมีฝูซิงตามมาด้วยสีหน้างุนงง หลังจากที่ฝากลูกน้อยไว้กับสวี่เหยียนเรียบร้อยแล้ว ทางฝั่งหานซือฉีและหานซือเซียนก็เดินออกมาจากในห้องพอดี
หญิงสาวรีบจัดการเผ้าผมและเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก
“ค-ค-คุณหาน..ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะที่จู่ ๆ ก็ออกไปข้างนอกโดยพละการเช่นนี้…แต่…”
หานซือเซียนมองหญิงสาวที่ตอนนี้ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิงและเสื้อผ้าก็เลอะเทอะไปหมด เขาเพียงพูดสั้น ๆ ว่า “ฝูเจิ้งเจิ้งงั้นเหรอ? เธอถูกไล่ออกแล้ว”
คำพูดนั้นเปรียบเสมือนกับเป็นสายฟ้าผ่าลงมากลางหัวของเธอ จนร่างทั้งร่างเหมือนจะล้มลงไปทุกเมื่อ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฝูเจิ้งเจิ้งจะยอมรับได้ เธอพยายามอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง “คุณหาน ฉันมีธุระที่ต้องไปจัดการจริง ๆ นะคะ! ได้โปรดเถอะ อย่าไล่ฉันออกเลย!”
ครั้งนี้หานซือเซียนไม่ได้ตอบอะไรราวกับไม่สนใจเธออีก เขาหันหน้าหนีและเดินตรงไปยังลิฟต์ทันที
“คุณหานคะ! คุณหาน!” เมื่อเห็นว่าถูกเมินเฉยจากหานซือเซียน ฝูเจิ้งเจิ้งก็หันไปทางหานซือฉีแทน “คุณหานคะ ได้โปรด ช่วยฉันด้วยนะคะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะออกจากบริษัทในเวลางานจริง ๆ!”
ทันใดนั้น หานซือเซียนก็หยุดฝีเท้าทันทีก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมามองหานซือฉีโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
“คุณหาน…” สถานการณ์ตอนนี้มันบีบคั้นขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ยิ่งกับคนที่ตระหนักในความผิดของตนได้ชัดเจนอย่างฝูเจิ้งเจิ้ง มันก็ยิ่งทำให้ตัวเธอเหมือนโดนความกดดันอันมหาศาลบีบร่างจนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ มากขึ้นไปอีก
“ซือฉี อีกครึ่งเดือนเฉียวเค่อเหรินจะกลับมาแล้วนะ ฉันไม่อยากให้แกเจอปัญหาไปมากกว่านี้ เพราะงั้นก็ตัดสินใจจัดการเรื่องนี้เอาเองก็แล้วกัน” สายตาของหานซือเซียนเหลือบมองฝูเจิ้งเจิ้งในตอนสุดท้ายของประโยคก่อนจะหันหลังจากไป
ใครคือเฉียวเค่อเหริน?
ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ หานซือฉีก็เดินกลับไปที่ห้องของตนโดยที่ไม่รอเธอเลยแม้แต่น้อย แม้ในใจจะอยากรู้ว่าใครคือเฉียวเค่อเหริน แต่ตอนนี้รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เธอต้องทำคือรีบตามหานซือฉีให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเข้าไปถึงในห้องนั้นแล้ว ภาพที่ประจักษ์แก่สายตาก็ทำเอาหญิงสาวแทบจะทรุดลงกับพื้น นั่นเพราะบรรดาเอกสารที่ก่อนหน้านี้เธอได้จัดเรียงไว้เรียบร้อยแล้ว มันอยู่ในสภาพกระจัดกระจายทั่วห้องจนเละเทะไปหมด
ไอ้ลมบ้านั่นแน่ ๆ!
“คุณหานคะ ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ…” เธอโค้งศีรษะให้ชายหนุ่มและน้อมรับการลงโทษทุกรูปแบบ เพราะอย่างน้อย ๆ ถ้าโดนลงโทษก็คงจะไม่โดนไล่ออก…
สิ้นประโยคนั้น หานซือฉีก็เชยคางของเธอขึ้นมาพร้อมกับเหลือบมองลงไปยังใบหน้าที่กำลังสำนึกผิดนั้น ตอนนี้เธอเหมือนเป็นลูกไก่ในกำมือของเขา “แล้ว…วันนี้คุณเลขาไปอ่อยหนุ่มที่ไหนมาล่ะ?”
“ไม่ได้ไปอ่อยใครเลยนะคะ!” สาวน้อยพยายามส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉ-ฉันก็แค่ไปมีเรื่องมา…”
“ไปทำให้แฟนคนอื่นหึงมาล่ะสิ?” คิ้วเข้มบนใบหน้าของหานซือฉียกขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มร้ายแบบที่เขาชอบทำ “ชนะหรือเปล่า?”
“ฮึก…คุณหานคะ ฉันสัญญาว่าจะไม่หนีออกไปแบบนี้อีกแล้ว ได้โปรด ให้อภัยฉันด้วยเถอะค่ะ ฉันจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น!” เธอพยายามอ้อนวอนเขาอย่างถึงที่สุด
ตอนนั้นเอง ฝูซิงที่ควรจะอยู่กับสวี่เหยียนก็วิ่งปรี่เข้ามากอดขาหานซือฉีไว้แน่น “ป๊ะป๋า หม่ามี๊ไม่ได้ตั้งใจจะเกเรนะ อย่าไล่หม่ามี๊ออกเลยนะครับ?”
“ฝูซิง อย่าเข้าไปทางนั้นนน อ๊าาาา ข-ขอโทษด้วยค่ะคุณหาน…” หลังจากฝูซิงก็เป็นสวี่เหยียนที่วิ่งตามเข้ามาติด ๆ
ชายหนุ่มมองไปที่เด็กน้อย เขาเห็นว่าฝูซิงนั้นกำลังสวมชุดผู้หญิงอยู่ นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจ
“ชุดของซิงซิงเปียกน่ะค่ะ ฉันเลยเอาชุดของฉันไปสวมทับให้ก่อน” สวี่เหยียนรีบอธิบาย เธอเหลือบไปมองฝูเจิ้งเจิ้งด้วยความจนปัญญาที่จะช่วยจริง ๆ
“พวกเธอออกไปได้แล้ว” ชายหนุ่มเพิกเฉยต่อสองสาวหลังได้ฟังเรื่องที่ว่า เขาอุ้มฝูซิงขึ้นก่อนจะพากันหายไปในห้องพักส่วนตัวที่อยู่ใกล้ ๆ
หลังจากที่ประตูห้องพักดังกล่าวปิดลงไปแล้ว สวี่เหยียนก็หันไปถามฝูเจิ้งเจิ้งเสียงเบา “คุณเจิ้งเจิ้งคะ คุณหานยกโทษให้คุณเจิ้งเจิ้งหรือยังนะคะ?”
ฝูเจิ้งเจิ้งได้แต่ส่ายหน้าไปมาเท่านั้น เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหานซือฉีให้อภัยเธอแล้วหรือยัง
สวี่เหยียนตบไหล่สาวข้าง ๆ อีกครั้งหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “คุณหานดูจะชอบลูกชายของคุณนะคะ ถ้ายังไงหากคุณเจิ้งเจิ้งไม่สามารถเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวเขาได้ จะลองให้ฝูซิงช่วยดูไหมคะ?”
เสียงกุกกักภายในห้องพักส่วนตัวของหานซือฉีนั้นเงียบไปแล้ว ซึ่งสวี่เหยียนที่รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ที่ของตนก็รีบขอตัวออกไปด้วยเช่นกัน
ประตูบานใหญ่ในห้องนั้นเปิดออกช้า ๆ พร้อมกับฝูซิงและหานซือฉีที่พากันเดินออกมา ครั้นเมื่อเธอได้เห็นสภาพของฝูซิงที่สวมชุดของหานซือฉีอยู่ นั่นทำให้เธอแอบยิ้มและกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ ชุดนั้นมันใหญ่เกินตัวของเจ้าตัวเล็กไปมาก โดยเฉพาะผ้าพันคอนั่น มันยาวจนลากไปกับพื้นแล้ว
ฝูซิงที่เห็นว่าหม่ามี๊ของตนกำลังหัวเราะอยู่ เด็กชายคิ้วขมวดพร้อมกับทำแก้มป่องแสดงความไม่พอใจ หมุนตัวเองดูว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขารึเปล่า ภาพตรงหน้าปรากฏเป็นคนตัวเล็กที่โดนเสื้อผ้าห่อจนมิด โผล่ขึ้นมาแค่ใบหน้าแสนซนกำลังหมุนเป็นลูกข่าง ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กน้อย มันเลยทำให้หานซือฉีเองก็อดหัวเราะด้วยไม่ได้เช่นกัน
“อ๊ะ! ป๊ะป๋าหัวเราะแล้ว!” เจ้าตัวเล็กปรบมือขึ้นมาทันทีหลังเห็นชายหนุ่มหลุดหัวเราะออกมา “ป๊ะป๋าจะไม่ไล่หม่ามี๊ออกใช่ไหม?”
เมื่อฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกได้ว่าหานซือฉีกำลังมองมาที่เธอ หญิงสาวก็เก็บอาการให้สำรวมอีกครั้งหนึ่งเพื่อน้อมรับความผิดในทันที
“ป๊ะป๋า หม่ามี๊เกเรเพราะฝูซิง ถ้าจะทำโทษหม่ามี๊ ป๊ะป๋าทำโทษฝูซิงแทนก็ได้… นะค้าบ ป๊ะป๋า…” ร่างเล็กนั้นค่อย ๆ ปีนป่ายไปตามตัวของหานซือฉีด้วยความออดอ้อน
“…”
“แล้วเธอจะยืนรออะไรอยู่ล่ะ? รีบ ๆ ไปขอยืมชุดจากสวี่เหยียนมาเปลี่ยนได้แล้ว พนักงานที่ป่วยน่ะ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้เป็นพนักงานที่นี่หรอกนะ” หลังจากโดนลูกอ้อนของฝูซิงไปรัว ๆ สุดท้ายแล้วหานซือฉีก็ยอมพูดออกมาแม้จะด้วยสีหน้าที่เย็นชาก็ตาม
ฝูเจิ้งเจิ้งถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอชูสองนิ้วขึ้นมาก่อนจะพูดเสียงดัง “ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงมาก ๆ เลยค่ะนายท่าน! ฉันสัญญาเลยว่าจะไม่ทำให้ตัวเองป่วยอย่างเด็ดขาด!”
หานซือฉีหยุดความดีใจของฝูเจิ้งเจิ้งไว้ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นดังเดิม “เพื่อฝูซิงหรอกนะ ฉันถึงให้โอกาสเธออีกรอบ ภายใน 7 วันนี้ เธอจะต้องพิสูจน์ตัวเอง และถ้าทำให้ฉันผิดหวังอีก เธอจะถูกไล่ออกจริง ๆ แล้ว”
————————————————————————————
คุยกับผู้แปล
ห้ามไล่บอดี้การ์ดในคราบเลขาออกนะ หานซือฉี! แต่จะว่าไป หานซือเซียนก็แอบดูมีความลับหน่อย ๆ อยู่เหมือนกัน
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-