ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 19 หวานใจของฉัน
บทที่ 19 หวานใจของฉัน
“หม่ามี๊!!” เสียงของฝูซิงที่ร้องขึ้นอย่างสิ้นหวังหายไปในอากาศ ฝูเจิ้งเจิ้งเองก็เตรียมรับแรงปะทะด้วยการยกมือขึ้นกันช่วงท้องไว้ โดยหวังว่า หากรถคันนี้พุ่งเข้ามา อย่างน้อย ๆ เธออาจจะหาโอกาสผลักตัวเองออกจากแรงปะทะได้ ในเสี้ยววินาที หญิงสาวหลับตาแน่นเมื่อมือใกล้จะสัมผัสกับกระโปรงรถ
“…”
แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เธอก็รู้สึกว่าไม่มีส่วนไหนบนร่างกายเธอได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ดูเหมือนว่ารถสีดำคันนี้จะหยุดลงก่อนจะถึงตัวหญิงสาวเพียงไม่ถึงนิ้วเท่านั้น
เธอก็ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ และพบว่าคนที่ขับรถคันนั้นคือเขา…
หานซือฉี!
ความกลัวที่สั่งสมมาก่อนหน้าพลันเปลี่ยนเป็นความโกรธ ถ้าวันนี้เป็นวันตายของเธอจริง ๆ เธอคงไม่ได้ตายเพราะโดนอันธพาลกระทืบหรอก แต่เป็นเพราะเป็นฝีมือของเขานี่แหละ! หมอนี่น่ะ ทำแบบนี้ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าจงใจฆ่า!
ฝูซิงที่ได้โอกาสผละตัวออกจากหลินเจี่ยวก็รีบวิ่งเข้ามาหาแม่ของตนทันที มือเล็ก ๆ คู่นั้นค่อย ๆ จับไปตามเนื้อตัวของผู้เป็นแม่ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจากการร้องไห้ “หม่ามี๊ หม่ามี๊เจ็บไหม… ?”
“ไม่เป็นไร หม่ามี๊ไม่เป็นไร…อย่างน้อย ๆ ก็ยังไม่ตาย” ฝูเจิ้งเจิ้งกุมมือลูกชายของตนไว้เพื่อปลอบใจ แม้ว่าเธอจะพูดด้วยเสียงหวาน แต่ท้ายประโยคนั้นก็แอบเหลือบมองคนที่อยู่ในรถสีดำคันนั้นอยู่เหมือนกัน
ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนรีบเข้าไปล้อมรถของหานซือฉีไว้ พวกเขาทุบไปที่กระจกอย่างแรงสลับกับการก่นด่าสาปแช่ง
หลินเจี่ยวที่ยืนดูเห็นการณ์ก็เริ่มเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกครั้ง “ใบขับขี่นั่นสอบหรือซื้อมายะ! ถ้าไม่รีบลงมาฉันพังรถแกอีกคนแน่!” ไม่พูดเปล่า เธอเดินไปสมทบกับพวกอันธพาลทันทีหวังจะรุมเล่นงานคนในรถคันนั้น
หานซือฉีค่อย ๆ ลดกระจกลงมาและตอบรับหลินเจี่ยวด้วยรอยยิ้มที่เสมือนอาวุธพิฆาตสาว ๆ ของเขา “สาวน้อย ความโกรธจะทำเธอแก่เร็วนะ”
ท่าทีจองหองและเลือดร้อนของหลินเจี่ยวหายไปในทันที กลายเป็นความเขินอายเข้ามาแทนที่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานซือฉี รอยยิ้มนั้นทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ ทว่าเมื่อรู้สึกตัวขึ้นเธอก็รีบหันไปสั่งชายฉกรรจ์ที่มาด้วยทันที “แล้วพวกแกจะยืนบื้อทำไมอีก ไปจับสองคนนั้นมาสิ!”
“….” ไร้เสียงตอบรับ
เมื่อหันกลับไปดูก็พบว่าพวกที่มากับตนนั้นกำลังก้มหัวให้กับชายหนุ่มที่อยู่ในรถคนนี้ ทว่าแทนที่เธอจะรู้สึกเกรงกลัว หญิงสาวกลับเดือดดาลขึ้นมามากกว่าเดิม ครั้นเมื่อจะเริ่มใช้ฝีปากเป็นอาวุธอีกครั้ง หนึ่งในอันธพาลพวกนั้นก็รีบเข้ามากระซิบบอกเธอเสียก่อน สิ่งที่ได้รับรู้นั้นทำให้สีหน้าของหลินเจี่ยวเปลี่ยนไป
หญิงสาวหันกลับไปพูดกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม “ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าคุณหรอกนะคะ”
จากนั้นหญิงสาวก็หันไปชี้ฝูเจิ้งเจิ้งและต่อว่าในทันที “เธอ! ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือยังไงน่ะ? เดินโท่ง ๆ ไม่ยอมดูรถ อยากตายหรือไง? คนอย่างเธอน่ะ ไม่สมควรที่จะโดนรถชนตายหรอกนะ!”
“ยัยนี่…”
ครั้นเมื่อฝูเจิ้งเจิ้งเตรียมเปิดฉากปะทะฝีปากอีกครั้ง หานซือฉีก็พูดตัดหน้าขึ้นมาเสียก่อน “ทำไมเธอถึงไม่รอให้ฉันไปรับล่ะ? ไม่เห็นหรือไงว่าถนนมันอันตราย? ขึ้นมาบนรถเร็ว ซิงซิง พาหม่ามี๊ของลูกขึ้นรถมาได้แล้ว”
ฝูซิงหันไปมองตามเสียง และพบว่านั่นเป็นรถของหานซือฉี เด็กน้อยก็เหมือนได้เจอกับอัศวินขี่ม้าขาวในนิทาน เขารีบฉุดมือฝูเจิ้งเจิ้งเข้าไปในรถพร้อมตะโกนเรียก ป๊ะป๋า ตลอดทาง
ป๊ะป๋า? หม่ามี๊?
ทั้งหลินเจี่ยวและคนอื่น ๆ ยืนแข็งทื่อเป็นหินไปตาม ๆ กัน
“น่าประหลาดใจจังเลยนะที่ทำให้ผู้หญิงของฉันเลือดขึ้นหน้าได้ขนาดนี้น่ะ” หานซือฉีหันไปยังหญิงสาวตัวปัญหาพร้อมกับแสยะยิ้มร้าย
แม้หลินเจี่ยวจะยังไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้หัวใจเธอก็เต้นรัวราวกับอยู่ต่อหน้าปีศาจร้ายเสียแล้ว
เขาเป็นคนที่น่ากลัวมาก…หลินเจี่ยวคิดในขณะทั้งร่างสั่นเทากับความน่ากลัวของชายตรงหน้า
“บางทีคงจะเป็นหวานใจของฉันที่ทึ่มไปหน่อย ถ้ายังไงเดี๋ยวกลับไปแล้วฉันจะสั่งสอนเธอให้ก็แล้วกันนะ” เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ตอบอะไร หานซือฉีก็ทำเพียงแค่ส่งยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะขับรถจากไป
และถึงแม้รถจะวิ่งออกไปไกลแล้ว พวกเขาก็ยังคงยืนนิ่งเป็นหินกันอยู่เช่นเดิม
เมื่อมาถึงออฟฟิศกันแล้ว หานซือฉีก็ฝากฝูซิงให้สวี่เหยียนดูแล ส่วนตัวเขาเดินตรงดิ่งเข้าห้องทำงานไปทันที ถึงแม้ว่าฝูเจิ้งเจิ้งจะยังคงโกรธอยู่ แต่เธอก็พยายามระงับความโกรธไว้ให้ได้มากที่สุดและรีบเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องพิจารณาโทษในทันที
“เอาล่ะ วันนี้ไปทำอะไรมาอีก” ครั้งนี้หานซือฉีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เมื่อวานฝูซิงทะเลาะกับเด็กที่โรงเรียน แล้วทางฝั่งผู้ปกครองเด็กรู้สึกว่าการตัดสินของทางโรงเรียนมันไม่เป็นธรรม เพราะงั้นวันนี้พวกเขาเลยจะมาแก้แค้น ถึงฉันจะไม่ตายเพราะโดนกระทืบ แต่ก็เกือบตายเพราะรถคนแถวนี้ เป็นวันที่สุดยอดไปเลยล่ะค่ะ!” ฝูเจิ้งเจิ้งตอบไปตามจริงแต่ก็ไม่ลืมที่จะค่อนแคะคนตรงหน้า
ถึงจะรู้ว่าหานซือฉีช่วยตนไว้ก็จริง แต่ไอ้วิธีการช่วยแบบนี้น่ะเธอยอมรับไม่ได้! ถ้าเกิดเบรคมันเกิดแตกขึ้นมากะทันหันล่ะ? ตู้มเดียวได้ไปเกิดใหม่เป็นคุณแม่ในต่างโลกเลยนะ! แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว ไอ้คำพูด ‘หวานใจของฉัน’ ที่เขาพูดไว้เนี่ย…มันก็ทำเอาเธอแอบใจเต้นแรงไม่หยอกอยู่เหมือนแฮะ
หญิงสาวคงไม่รู้ตัวอีกเช่นกันว่าปฏิกิริยาของเธอในตอนนี้ตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มตลอดเวลา
หานซือฉีค่อย ๆ เชยคางเลขาตัวแสบของเขาขึ้นมา และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “นี่เธอเขินงั้นเหรอ? หลังจากนั้นไปทำอะไรมาอีกหรือเปล่า? ได้แอบไปทำเรื่องผิดศีลธรรมลับหลังฉันแล้วไม่ยอมบอกอีกรึเปล่า?”
“ไอ้เรื่องผิดศีลธรรมที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไงกันคะ? ยกตัวอย่างให้ชัด ๆ มาเลยดีกว่า” หญิงสาวปัดมือของอีกฝ่ายออก เมื่อวานก็ปวดหัวกับยัยพี่น้องหน้าเลือดนั่นไปแล้ว วันนี้ยังต้องมาเหนื่อยกับตานี่อีกเหรอเนี่ย? แต้มบุญที่สะสมมาเริ่มหมดแล้วหรือไงน่ะ…
“อย่างเช่น…ที่เธอจ้องจะถอดกางเกงฉันอยู่เรื่อย ๆ เป็นไง?” เขายืนเอามือล้วงกระเป๋าและรอคำตอบอย่างใจเย็น
“อ่ะ—” ฝูเจิ้งเจิ้งถึงกับชะงัก ในใจได้แต่คิดหาทางบ่ายเบี่ยง แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ตอบคงเข้าทางอีกฝ่ายมากกว่า “จ-จะไปมีเรื่องแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ!” เธอตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ถึงจะเห็นว่าจ้องจะทำบ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่เคยทำสำเร็จหรอกนะ! นอกจากนั้นแล้วเราต่างหากที่ควรพูดว่าเขาจ้องจะทำแต่เรื่องผิดศีลธรรมน่ะ! เขากล้าพูดมาได้ไง!
ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายมีศักดิ์เป็นเจ้านายของเธอล่ะก็ ฝูเจิ้งเจิ้งคงจะกระโดดหยิกให้หน้าเขียวเพื่อระบายความหงุดหงิดไปแล้ว
“ยังไม่เคยทำแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าเธอไม่ได้จ้องจะทำนี่?” เขามองมาที่เธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แล้วพูดต่อว่า “แต่ฉันไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ” หานซือฉียิ้มกว้างอย่างมีเลศนัยก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แค่ว่า เธอต้องมาทำกับฉันเท่านั้น อย่าได้คิดที่จะไปทำกับคนอื่นด้วย”
น่าแปลกที่คำสั่งที่ดูเห็นแก่ตัวของหานซือฉีกลับทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกชอบใจในการกระทำของเขา
เธอเคลิบเคลิ้มได้ไม่นานนักก็มีบางอย่างให้เธอฉุกคิด “ใครคือเฉียวเค่อเหรินเหรอคะ?”
“แล้วเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ?” ชายหนุ่มทำทีไม่อยากตอบคำถามของเธอ
จนเธอทนไม่ได้ต้องถามออกไปตรงๆ “แฟนของคุณหานเหรอคะ?”
“พูดแบบนี้แสดงว่าหึง เวลาหึงแล้วเธอน่ารักมากเลยนะรู้หรือเปล่า?” หานซือฉีพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้แก้มนวล
“ใครหึงกันคะ? นี่ความสัมพันธ์ของเราไปถึงขั้นที่ฉันต้องหึงคุณหานแล้วเหรอ? ฉันก็แค่ถามเอง” หญิงสาวตัดพ้อออกไปแบบนั้นพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบคนตรงหน้า ที่กำลังทำตัวกะลิ้มกะเหลี่ยกับเธอ
“ไว้เธอยอมรับว่าหึงแล้วฉันจะบอก” เขาพูดแล้วยิ้มชอบใจที่ได้แกล้งคนตรงหน้า
“….”
——————————–
ในคืนที่เงียบสงัดนี้ ฝูเจิ้งเจิ้งกำลังนอนอยู่กับลูกชายของเธอ ตลอดทั้งวันคำตอบที่คลุมเครือของหานซือฉีมันคอยหลอกหลอนเธออยู่ไม่หาย ตัวเธอไม่สามารถสลัดมันให้หลุดออกไปจากในหัวได้เลย ท้ายสุดก็ต้องกลับมาหงุดหงิดอีกครั้ง
เฉียวเค่อเหรินนี่มันใครกันนะ?
แล้วเธอคนนี้กับหานซือฉีมีความสัมพันธ์กันแบบไหนกันแน่?
มือเรียวค่อย ๆ สัมผัสไปบนใบหน้านุ่มนิ่มของลูกชายตัวน้อยก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงเพื่อข่มตาให้หลับเสียที แต่ก็เพียงแค่ดวงตาเท่านั้น เพราะในหัวของฝูเจิ้งเจิ้งยังวนไปคิดเรื่องเดิมอยู่ดี จนกระทั่งนึกอะไรบางอย่างได้ ดวงตาที่คล้อยหลับไปแล้วก็ค่อย ๆ ลืมตาตื่นมองเพดานด้านบนอีกครั้ง
อ๊ะ..นึกออกแล้ว
นานมาแล้วสวี่เหยียนเคยเล่าเรื่องซุบซิบในแวดวงพนักงานให้เธอฟัง เฉียวเค่อเหรินนั้นเป็นลูกสาวของนายกเทศมนตรี ความงามของหญิงสาวผู้นี้เป็นที่เลื่องลือกันในเมือง B ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะมีชื่อเสียงในทางไม่ดีเสียด้วย เฉียวเค่อเหรินคนนี้ไม่เพียงแค่งดงามเท่านั้น แต่ยังขึ้นชื่อเรื่องความเอาแต่ใจและหยิ่งยโสอีกด้วย และที่สำคัญ เธอหมายปองในตัวของหานซือฉี เมื่อไหร่ที่มีโอกาส เธอจะคอยเข้าหาหานซือฉีตลอดเวลา เสือร้ายอย่างหานซือฉีคงไม่ปล่อยไว้หรอกนะ ทว่าแม้แต่สวี่เหยียนเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวเค่อเหรินและหานซือฉีพัฒนากันไปถึงระดับไหนแล้ว
เรื่องหานซือฉีและหลี่เสี่ยวเมิ่งยังไม่เคลียร์ นี่มีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว แถมยังเป็นระดับลูกสาวนายกเทศมนตรีเลยด้วย… เอ๊ะ หรือว่านายกเทศมนตรีเฉียวจะเกี่ยวข้องกับเบื้องหลังของบริษัทเว่ยหานแห่งนี้นะ?
เขาคนนั้น…เกี่ยวข้องกับคดีนี้งั้นเหรอ?
ด้วยความที่ยิ่งคิดก็ยิ่งมีประเด็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มปวดหัว หญิงสาวคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ข้าง ๆ ตัวขึ้นมาเพื่อส่งข้อความหาหยางเต๋า แต่แล้ว…
*แกร๊ก*
ท่ามกลางความเงียบก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา
เสียงอะไรน่ะ?
*แกร๊ก ๆ*
บางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ ๆ นี้ และด้วยสัญชาตญาณ ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบคว้าตัวฝูซิงที่กำลังหลับอยู่ให้เข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว!
———————————————————————————————–
คุยกับผู้แปล
เอ๊ะ? จู่ ๆ เนื้อเรื่องก็ดูจะจริงจังขึ้นมาหรือเปล่านะ?
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-