ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 41 ฉันไม่ใช่ทาสของคุณ!
บทที่ 41 ฉันไม่ใช่ทาสของคุณ!
ภายในห้องส่วนตัวนั้น หานซือฉีกำลังเปลี่ยนกางเกงขายาวของเขาอยู่ ตัวเขาเองก็ตกใจไม่ได้ต่างจากฝูเจิ้งเจิ้งที่เข้ามาเห็นนักหรอก เมื่อสังเกตเห็นแล้วว่าในมือของหญิงสาวนั้นมีอุปกรณ์เข้ามาด้วย ชายหนุ่มก็แสร้งทำเป็นหวาดกลัวและตะโกนเสียงดัง “นี่เธอ…คิดจะทุบฉันให้สลบแล้วทำมิดีมิร้ายฉันเหรอ!?”
“ค-ใครจะทำมิดีมิร้ายคุณหานกันคะ! ฉ-ฉ-ฉันก็แค่คิดว่า…เอ่อ…มีขโมยเข้ามาในนี้ซะอีก!” ฝูเจิ้งเจิ้งรีบพูดไม่หยุด และเมื่อเห็นว่าหลักฐานบางอย่างมันคามืออยู่ เธอก็รีบวางมันลงและสาวเท้าออกจากห้องส่วนตัวนั้นด้วย
แล้วใครจะไปคิดกันว่าหานซือฉีจะกลับมาเพื่อเปลี่ยนกางเกงแบบนั้นกัน?
“เขินหรือไง? ไม่ใช่ว่าเธอจ้องรอโอกาสนี้มานานแล้วหรอกเหรอ?” หานซือฉีเดินตามออกมาพร้อมหัวเราะกับท่าทีของเธอหลังจากเปลี่ยนกางเกงเรียบร้อยแล้ว
ฝูเจิ้งเจิ้งที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการช็อกก็ทำเมินเขาแล้วกลับที่นั่งของเธอไปเลย
ถึงแม้ว่าจะแอบสงสัย เรื่องที่ทำไมเขาไม่ได้กินข้าวอยู่กับเฉียวเค่อเหรินในเวลานี้ แต่จริง ๆ เธออยากจะถามว่า เขาหิวหรือเปล่า เสียมากกว่า
“ไม่สบายใจอะไรหรือไง?” ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่โต๊ะก่อนจะส่งยิ้มจาง ๆ ให้ขณะที่เอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“เปล่านี่คะ” หญิงสาวตอบพรางแสร้งทำเป็นสนใจงานตรงหน้า
“แล้วกินข้าวกลางวันหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
หานซือฉีขมวดคิ้วอีกครั้งหลังได้ยินคำตอบที่เย็นชานั้น เขายืนจ้องหน้าของฝูเจิ้งเจิ้งอยู่มาสักพัก แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมเงยหน้ามามองเขาเลย เธอทำราวกับว่าเขานั้นเป็นเพียงอากาศ
เมื่อไม่มีการตอบรับจากอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมา เขาเตรียมจะออกจากห้องไปแล้วทว่าก็หันกลับมาพูดก่อน “เธอเลิกงานเร็วหน่อยก็ได้ แล้วก็ไปรับฝูซิง ถ้าหากเขาถามอะไรเกี่ยวกับฉันก็บอกไปว่าหลายวันนี้ฉันจะยุ่ง ๆ หน่อย แต่ถ้าเคลียร์งานเสร็จแล้วจะรีบกลับไปหา แล้วก็ พรุ่งนี้วันเสาร์ เธอไม่ต้องมาทำงาน พาฝูซิงออกไปเที่ยวเล่นบ้าง”
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อนค่ะ” ฝูเจิ้งเจิ้งนึกอะไรขึ้นมาได้ทันที เธอจึงรีบพูดก่อนเขาจะจากไป “คุณหานคะ ตอนนี้คุณเฉียวกลับมาแล้ว ถ้าหากพวกเรายังอยู่ที่บ้านของคุณหาน ฉันกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้คุณหานได้ จะว่ายังไงดีถ้า…”
“ฝูเจิ้งเจิ้ง ฟังฉัน อย่างแรก เลิกสุภาพกับฉันสักที และอย่างที่สอง อย่าแม้แต่จะคิดหนีออกไปโดยที่ฉันไม่อนุญาต” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดจบ หานซือฉีก็เอ่ยขึ้นตัดบทเธอทันทีแถมยังใช้อำนาจเผด็จการข่มขู่เธออีกด้วย
“คุณหานคะ ฉันเป็นพนักงาน ไม่ใช่ทาส ดังนั้นฉันควรได้รับอิสรภาพและสิทธิ์ที่ฉันควรจะได้” ฝูเจิ้งเจิ้งพูดขึ้นอย่างเหลืออด จากนั้นเธอก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “คุณโกหกฉันว่าป้าเฉินจะกลับบ้านไปดูแลลูกสะใภ้ที่กำลังตั้งครรภ์ประมาณเดือนนึง ทำให้ฉันยอมตกลงที่จะดูแลคุณเป็นเวลา 1 เดือน ตอนนี้ป้าเฉินกลับมาแล้ว แถมตัวคุณหานเองก็แทบจะไม่กลับมาบ้านเลยด้วย แบบนี้ยังจำเป็นต้องมีคนรับใช้ 2 คนอยู่อีกเหรอคะ?”
หานซือฉีรีบแย้งขึ้น “ฉันจะมีคนรับใช้กี่คนมันก็เรื่องของฉัน นอกจากนั้น ในเมื่อฝูซิงซื้อฉันมาให้เป็นป๊ะป๋าแล้ว ฉันก็ต้องดูแลเขาให้ดี ฉันจ้างเธอเพื่อดูแลลูกชายของฉัน ไม่ใช่ดูแลฉัน ฝูเจิ้งเจิ้ง ทำตามที่ฉันพูดจะเป็นผลดีกับตัวเธอเองมากกว่า เธอยังจำเรื่องที่เธอโดนปฏิเสธให้เช่าบ้านครั้งล่าสุดเพราะทำอะไรโดยไม่ฟังคำสั่งฉันได้หรือเปล่า? ฉันค่อนข้างมั่นใจเลยว่าฉันสามารถทำให้เธอไม่สามารถหาบ้านเช่าในเมือง B นี้ได้ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งก็ตาม”
ได้ยินเช่นนั้นฝูเจิ้งเจิ้งก็โกรธขึ้นมา “เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณหานเองเหรอคะ! มิน่าล่ะทำไมจู่ ๆ เจ้าของบ้านถึงไม่ให้ฉันเช่าบ้านขึ้นมากะทันหันแบบนั้น!”
“ถ้าเธอยังไม่อยากเป็นคนจรจัดอยู่ข้างถนน ก็เชื่อฟังสิ่งที่ฉันพูด”
พูดจบ หานซือฉีก็หันหลังออกแล้วเดินออกไปจากห้อง
การที่ต้องเผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้งของหานซือฉีนั้นทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกรำคาญไม่น้อยเลย แต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเหมือนกัน
อย่างเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คงเป็นการทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จเร็ว ๆ เพื่อที่จะได้ออกจากเมือง B ไปพร้อมกับฝูซิงได้ และจากนั้นพวกเธอก็จะไม่ได้เจอหน้าหานซือฉีอีกเป็นครั้งที่สอง โดยเฉพาะเธอ เธอไม่จำเป็นต้องเห็นเขาหว่านเสน่ห์กับสาวอื่นอีกต่อไป…
เมื่อออกไปแล้ว หานซือฉีก็ไม่ได้กลับเข้าออฟฟิศเลยตลอดช่วงบ่าย หลังจากคิดได้ว่าเขาได้พูดอะไรทิ้งท้ายไว้บ้าง ฝูเจิ้งเจิ้งก็เลิกงานเร็วกว่าปกตินิดหน่อย อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ไปรับฝูซิงในทันที แต่เลือกที่จะเข้าไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ในเขตชุมชนใกล้ ๆ ก่อน
หยางเต๋ารอเธออยู่ภายในห้องส่วนตัวเล็ก ๆ ที่นั่น
“มานี่เร็วเจิ้งเจิ้ง ดื่มชาร้อนก่อน ข้างนอกหนาวจะตายไป” หยางเต๋าส่งแก้วชาที่เพิ่งชงให้เธอ
นี่เพิ่งจะเดือนพฤศจิกายนเอง ดังนั้นข้างนอกนั่นไม่ได้หนาวอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม ฝูเจิ้งเจิ้งก็รับชานั้นมาดื่มพลางยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนโยน “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องสุภาพกับฉันก็ได้น่า” ภายในแววตาของหยางเต๋าเองก็เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนเช่นกัน
หญิงสาวเข้าประเด็นทันทีเมื่อจิบชาร้อนไปบ้างแล้ว “เจออะไรเกี่ยวกับโจวปิงบ้างไหมคะ? เขาไม่มาทำงานพักหนึ่งแล้ว”
“เจอ” หยางเต๋าพยักหน้าและหยิบเอาเอกสารปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “เธอรู้ไหม ฉันตกใจมาก ๆ เลยนะหลังจากที่ได้ลองสืบหาประวัติเขาแล้ว ถือเป็นตัวปัญหาตัวหนึ่งเลยล่ะ”
ชื่อเดิมของโจวปิงก็คือ โจวเฉิงปิง ชื่อเล่น ดัค เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เขาเป็น 1 ในลูกน้องคนสนิทของต้าหมิง แต่หลังจากที่ต้าหมิงถูกจับ เขาและเหล่าลูกน้องที่เชื่อใจอีกหลายคนต่างก็ทยอยโดนจับไปเรื่อย ๆ โจวปิงเองก็ได้รับโทษจำคุกไป 5 ปี เพิ่งจะถูกปล่อยตัวเมื่อราว ๆ 2 ปีที่แล้วเนื่องมาจากเป็นผู้มีศักยภาพและมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
หลังจากที่ถูกปล่อยออกมาจากเรือนจำ เขาก็กลับไปยังบ้านเกิด ใช้ช่วงเวลาดี ๆ อยู่ที่นั่นพักหนึ่ง และเมื่อปีที่แล้ว เขาก็กลับมายังเมือง B แห่งนี้ด้วยบัตรประชาชนที่เป็นชื่ออื่น เพื่อเข้าไปสมัครเป็นยามรักษาความปลอดภัยในบริษัทเว่ยหาน ตอนกลางวันเขาเป็นยาม แต่ก็มีหลายครั้งที่ตัวเขานั้นแอบติดต่อกับลูกน้องคนอื่น ๆ ของต้าหมิง
“อย่างไรก็ตาม ยึดตามหลักฐานที่ฉันมีอยู่ตอนนี้ ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าโจวปิงเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดเลย ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่ อาจจะพยายามรวมตัวเพื่อทำอะไรสักอย่าง แต่ฉันจะพยายามติดตามและสอดส่องเรื่องนี้เอาไว้”
“ในส่วนของฉัน โจวปิงไม่ได้มาทำงานตั้งแต่เมื่อวาน แล้วถ้ายึดตามกฎของบริษัทเว่ยหาน ใครก็ตามที่ขาดงานเป็นเวลา 2 วันโดยไม่มีเหตุผลมารองรับจะถูกไล่ออก ฉันลองไล่ ๆ ถามพนักงานในบริษัทมาแล้ว ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าเขาหายไปไหน”
“หายตัวไปงั้นเหรอ?”
“ไม่แน่ใจค่ะ แต่เมื่อคืนที่ฉันไปซูเปอร์มาร์เก็ต ฉันเห็นเขาวิ่งหนีใครบางคนอยู่ ไม่งั้นแล้วฉันคงไม่สามารถบอกให้รุ่นพี่สืบสวนเรื่องของเขาได้ เขาเสพยาด้วยไหมคะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้พูดถึงจีหมู่เซี่ยนแต่อย่างใด นั่นเพราะเธอกลัวว่าหยางเต๋าจะถามถึงเหตุผลที่เธอไปยังรีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยาง
หยางเต๋ารีบตอบในทันใด “เขาไม่มีประวัติยาเสพติด ตำรวจในสถานีของเราเองต่างก็คอยจับตาดูคดีนี้อย่างใกล้ชิด หากเขามีประวัติเล่นยาเสพติดล่ะก็ เขาจะโดนโยงเข้าคดีนี้ก่อน และนี่จะเป็นตัวการเดียวที่ทำให้เราโยงเข้าบริษัทเว่ยหานได้ นอกจากสาเหตุนี้ ฉันก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่คล้ายคลึงกันอีก”
“แล้วการพนันล่ะคะ? ฉันจำได้ว่าคนที่ไล่เขานั้นตะโกนบอกให้เขาคืนเงินอยู่ด้วย” เธอยกชาขึ้นจิบพร้อมกับมองสังเกตการรอบ ๆ ไปด้วย
“ตามที่ฉันรู้มา ถึงโจวปิงจะไม่ได้เสพยาก็จริง แต่เขากลับดื่มสุราหนักมา และทุก ๆ ครั้งที่ดื่ม เขาก็จะเล่นพนันจนมีหนี้ท่วมหัวไปหมดด้วย”
คำพูดของหยางเต๋านั้นช่วยขจัดความสงสัยในใจฝูเจิ้งเจิ้งไปจนหมด ในตอนแรกนั้นเธอกำลังสงสัยในตัวจีหมู่เซี่ยน หากบอกว่าอีกฝ่ายยืมเงินไป แสดงว่าจะต้องเป็นเงินจำนวนมากแน่ ๆ ถ้างั้นคงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหนี้จะไล่ทวงหนี้เอาเป็นเอาตายขนาดนั้นแหละ
แต่พอมาคิดดูดี ๆ แล้ว ก่อนหน้านี้จีหมู่เซี่ยนก็เพิ่งจะซื้อเสื้อราคาแพงให้แม่ของเขาไปด้วยนี่นา หรือจริง ๆ แล้วจะเป็นคนกตัญญูมาก ๆ กันนะ?
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะลองหาคนไปสืบเรื่องที่อยู่ของโจวปิงให้ก่อนละกัน หากได้ข่าวอะไรเพิ่มจะรีบแจ้งเธอไปในทันทีเลย”
“โอเคค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเห็นว่าตอนนี้เริ่มจะเย็นมากแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หยางเต๋าเองก็มองไปยังนาฬิกาที่ผนังเหมือนกัน เขาพูดอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ “เวลานี่มันช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ เจิ้งเจิ้ง ฤดูหนาวกำลังจะมา ดูแลตัวเองดี ๆ แล้วก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ฉันจะพยายามค่ะ” ฝูเจิ้งเจิ้งยิ้มให้ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อที่จะซื้อของแล้วมุ่งตรงไปยังโรงเรียนอนุบาลเพื่อรับฝูซิง
แน่นอนที่สุด เมื่อฝูซิงเห็นว่าคนที่มารับเป็นเธอ สีหน้าของเขาก็ดูจะผิดหวังขึ้นมาทันที
“หม่ามี๊ ทำไมป๊ะป๋าถึงไม่มารับฝูซิงวันนี้ล่ะ?” เด็กน้อยถามขึ้นทันทีที่เจอหน้าเธอ
“ป๊ะป๋าของลูกติดงานใหญ่น่ะจ้ะ เขาน่าจะไม่ว่างไปอีกพักใหญ่ ๆ เลย” เธอน่ะไม่อยากจะยอมแพ้ต่อหานซือฉีหรอกนะ ยังไงก็ต้องทำให้ฝูซิงมีความสุขด้วยตัวเธอเองให้ได้
“พรุ่งนี้หม่ามี๊ว่างน้า~” เธอโยกหัวลูกชายเบา ๆ และส่งยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ได้ยินดังนั้นฝูซิงก็บุ้ยปากขณะบ่นอิดออด “ทำไมพรุ่งนี้หม่ามี๊ว่างล่ะ? ฝูซิงน่ะอยากไปเจอป๊ะป๋าแท้ ๆ ฝูซิงอยากจะร้องเพลงใหม่ ๆ แล้วก็ร้องเพลงกับป๊ะป๋าด้วย!”
“ก็บอกไปแล้วว่าป๊ะป๋าของลูกยังไม่ว่าง ทำไมลูกไม่ไปเรียนร้องเพลงใหม่ ๆ ด้วยตัวลูกเองแล้วค่อยร้องให้ป๊ะป๋าฟังตอนเขาว่างล่ะ? พรุ่งนี้หม่ามี๊จะพาฝูซิงไปเที่ยวสวนสนุกนะ ได้ยินมาว่าที่นั่นจะเปิดโซนใหม่ด้วย ต้องสนุกแน่ ๆ เลย” ฝูเจิ้งเจิ้งพาเจ้าลูกชายตัวน้อยของตนกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าป๊ะป๋าไม่ไปด้วย ฝูซิงก็ไม่มีความสุขหรอก” จู่ ๆ เด็กชายก็เอ่ยขึ้นระหว่างทางที่เดินกลับ
“งั้นน้าสวี่เหยียนชวนลูกไปกินสเต็กมื้อเย็นพรุ่งนี้” เธอน่ะรู้อยู่แล้วว่าฝูซิงไม่ใช่เด็กที่สนใจจะเล่นสนุกขนาดนั้น แต่ถ้าเรื่องของกินอร่อย ๆ ล่ะก็ ไม่พลาดแน่นอน
ทันทีทันใด ฝูซิงก็ตาเป็นประกาย “สเต็กเหรอ? ฝูซิงขอป็อปคอร์นแล้วก็สลัดผลไม้ด้วยได้หรือเปล่า?”
“เอาเลยเจ้าตัวเล็ก เดี๋ยวหม่ามี๊จัดให้ตามคำขอเลย”
สองแม่ลูกค่อย ๆ ขึ้นรถบัสกันไปขณะที่หัวเราะด้วยกันอย่างร่าเริง
เย็นวันนั้น อย่างที่หานซือฉีได้บอกไว้ เขาไม่กลับมาทานข้าวเย็นด้วย และเมื่อทุกคนเสร็จสิ้นกับมื้อเย็นกันแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็ช่วยเฉินเฉี่ยวหลานทำความสะอาดบ้านจากนั้นจึงพาฝูซิงขึ้นชั้นบนไป
หลังจากที่ให้เจ้าตัวแสบทำการบ้านของตนจนเสร็จ ทั้งสองก็พากันไปอาบน้ำและเข้านอนเร็วเป็นพิเศษ
——————————————————————
“หม่ามี๊ ฝนตกล่ะ!” เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฝูซิงมองไปนอกหน้าต่าง เขาแนบหน้าไปกับบานกระจกใสวิ้งพร้อมกับตะโกนออกมาด้วย
ฝูเจิ้งเจิ้งที่กำลังหลับสบายก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาทั้งชุดนอนและมองออกไปเช่นกัน พื้นด้านล่างเปียกปอนไปหมด แถมลมก็ยังกรรโชกแรงเสียด้วย
“อากาศแบบนี้พวกเราไปสวนสนุกกันไม่ได้แน่เลย” ฝูซิงเสียงหงอยลงเล็กน้อย แต่แล้วใบหน้านั้นก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง “หม่ามี๊ ทำไมวันนี้หม่ามี๊ไม่ไปทำงานแทนล่ะ ฝูซิงจะได้ไปเล่นกับป๊ะป๋าด้วย”
“ป๊ะป๋าของลูกไม่เข้าบริษัทวันนี้” ขอสักวันเถอะที่ไม่ต้องไปเห็นเฉียวเค่อเหรินกับหานซือฉีพลอดรักกันน่ะ
หญิงสาวหยิกแก้มตนเองก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “หม่ามี๊พาฝูซิงไปห้างแล้วซื้อเสื้อผ้าหล่อ ๆ ดีกว่า ฝูซิงจะได้ดูดีที่สุดในโรงเรียนไปเลย”
“ซื้อเสื้อผ้าหล่อ ๆ เหรอ? ยอดไปเลย!” ฝูซิงยิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง เขาลุกขึ้นและขอให้แม่ของตนแต่งตัวให้
หลังจากที่เปลี่ยนชุดและกินข้าวกันเสร็จแล้ว ทั้งสองก็พากันออกไปห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากย่านที่อยู่อาศัยของพวกเธอมากนัก ฝูเจิ้งเจิ้งซื้อชุดกันหนาวใหม่ 2 ตัวสำหรับตนเองแล้วก็ลูกชาย ในขณะที่ฝูซิงเองก็ดูจะตื่นเต้นกับตัวเองที่ดูหล่อเท่หลังสวมชุดและส่องกระจก เขาปฏิเสธที่จะถอดชุดออกและยืนกรานว่าจะต้องใส่เสื้อสุดหล่อตัวนี้ไปทานข้าวเย็นกับน้าสวี่เหยียนคนสวยให้ได้
รู้อยู่แล้วว่าต้องทำตัวแบบนี้ เพราะงั้นฝูเจิ้งเจิ้งจึงไม่ได้ขัดและปล่อยให้เขาใส่ชุดนั้นไปด้วยรอยยิ้ม
กว่าสองแม่ลูกจะออกมาจากห้างสรรพสินค้ามันก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งกำลังคิดจะพาฝูซิงไปยังร้านซุปหลิวฟูเพื่อหาข้าวกลางวันทานกัน เพราะฝูซิงค่อนข้างชอบอาหารจานด่วนแบบจีนที่ร้านนั้นทำมาก ๆ
ในขณะที่ทั้งสองเดินคุยกันไปเรื่อย ทันใดนั้น รถคันหนึ่งที่มีตราอัยการติดอยู่ด้านหน้าก็เข้ามาจอดเทียบข้างพวกเขาทั้งสอง ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกไม่ดีก็เลยดึงฝูซิงมาให้ชิดตัวเธอเสียก่อน
จากนั้นไม่นาน ชายคนหนึ่งก็ออกมาจากรถพร้อมถุงใบใหญ่ในมือด้วยท่าทีรีบร้อน
“เสี่ยวอี้เฉิง นั่นคุณหรือเปล่าคะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งหรี่ตามองแล้วจึงจำได้
“คุณเจิ้ง?” เสี่ยวอี้เฉิงเองก็หันกลับมาตามต้นเสียงด้วยความสงสัย ทว่าเขาไม่ได้หยุดซะทีเดียว ชายหนุ่มรีบยกถุงที่แบกมาไว้แล้วไปต่อด้วยความเร่งรีบ “ผมมีบางอย่างที่ต้องจัดการ ไว้เจอกันนะครับ”
สิ้นเสียงเขาก็ตรงดิ่งไปยังร้านน้ำชาละแวกนั้น
“หม่ามี๊ ลุงคนนั้นเป็นเพื่อนหม่ามี๊เหรอ?” ฝูซิงถามขณะที่กระตุกมือฝูเจิ้งเจิ้งไปด้วย
“อ่ะ–จ้ะ”
“เป็นแค่เพื่อนธรรมดาเหรอ?” เด็กชายมองจ้องหน้าผู้เป็นแม่ราวกับจะจับผิดเธอ
ฝูเจิ้งเจิ้งอมยิ้มก่อนจะเคาะหน้าผากลูกชายตนไปทีหนึ่ง “เจ้าเด็กน้อย เพื่อนธรรมดาของลูกหมายถึงอะไรกันน่ะ? แล้วเพื่อนที่ไม่ธรรมดาจะเป็นยังไง?”
ฝูซิงบุ้ยปากและตอบไปอย่างจริงจัง “หม่ามี๊ ถ้าคุณลุงคนนั้นเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ฝูซิงก็จะคอยช่วยเขา แต่ถ้าเมื่อไหร่ลุงคนนั้นจะมาจีบหม่ามี๊ ฝูซิงจะไม่ช่วยอะไรศัตรูของป๊ะป๋าเด็ดขาด”
“ช่วยเขา? ลูกจะช่วยเขายังไงน่ะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งมองลูกชายของตนด้วยความสงสัย
————————————————————————————-
คุยกับผู้แปล
เอาว๊าาาา ดูเหมือนจะมีคนที่ตัวตนไม่ธรรมดาโผล่มาแล้วอีกหนึ่งงง ฝูเจิ้งเจิ้ง หล่อน Low Profile ก็จริง แต่รอบ ๆ ตัวหล่อนแต่ละคนมี่ไม่ Low เลยนะ
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-