ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 42 แย่งแฟน
บทที่ 42 แย่งแฟน
ทันใดนั้น ฝูซิงก็เปิดประตูออกมาแล้วปีนเข้าไปในรถของเสี่ยวอี้เฉิงทันที
ฝูเจิ้งเจิ้งหน้าเสียพร้อมทั้งรีบวิ่งเข้าไปคว้ามือฝูซิงเอาไว้ “เฮ้ๆ เจ้าแรคคูนตัวแสบ ลูกจะไปขึ้นรถของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้นะ”
เมื่อเห็นว่าเขากำลังเตรียมจะไปดึงกุญแจรถออกมา สีหน้าของฝูเจิ้งเจิ้งก็ดูจะไม่ดีนัก “ลูกกำลังจะขโมยของ จำเรื่องที่หม่ามี๊คอยพร่ำสอนไม่ได้หรือยังไง!?”
เด็กน้อยออกมาจากรถพร้อมกุญแจก่อนจะปิดประตูไว้ดังเดิม “หม่ามี๊ ถ้าไม่ดึงกุญแจรถออกมาแล้วเกิดรถมันล็อกอัตโนมัติจะทำยังไง?”
“ล็อกอัตโนมัติ? รถคันนี้ล็อกอัตโนมัติได้ด้วยเหรอ?” ฝูเจิ้งเจิ้งสับสน
“ใช่! ป๊ะป๋าบอกฝูซิงไว้” ฝูซิงตอบด้วยความมั่นใจ
ด้วยท่าทีมั่นใจของเขา ทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งยังไม่อยากตีความว่าผิดหรือถูก แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาต่อ เพราะหากคิดตามความเป็นจริงแล้ว ป้องกันไว้มันย่อมดีกว่าแก้ เจ้าของรถจะเข้าไปด้านในได้ยังไงหากลืมกุญแจไว้ในรถแบบนั้น?
“หม่ามี๊ ในเมื่อคุณลุงเป็นเพื่อนธรรมดาของหม่ามี๊ ฝูซิงก็จะช่วยอะไรอีกอย่างหนึ่งด้วย” ฝูซิงวางกุญแจรถลงไปบนมือของฝูเจิ้งเจิ้ง ก่อนจะชี้ไปยังร้านน้ำชาที่เสี่ยวอี้เฉิงหายเข้าไป “เอาเข้าไปให้คุณลุงในนั้น แล้วก็บอกให้เขาออกมาด้วยนะ”
“ทำไมต้องให้คุณลุงออกมาด้วยล่ะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ฝูซิงเริ่มกังวลถึงความฉลาดของผู้เป็นแม่ขึ้นมาจริง ๆ เขาถอนหายใจก่อนจะตอบเธอราวกับเป็นผู้ใหญ่ “รถคุณลุงจอดอยู่ในที่ห้ามจอด ถ้าหากตำรวจมาเจอล่ะก็ คุณลุงจะโดนเขียนใบมาแปะเอานะ แล้วรถคันนี้น่าจะเป็นรถของราชการด้วย เพราะงั้นฝูซิงว่าหม่ามี๊รีบไปบอกคุณลุงให้เร็วที่สุดดีกว่า ไม่งั้นแย่แน่ ๆ เลย”
ตอนนี้ฝูเจิ้งเจิ้งเหลือบไปเห็นตำรวจจราจรกำลังเดินตรงมาทางนี้จากไกล ๆ แล้ว ดังนั้นเธอจึงรีบพยักหน้าแล้ววิ่งเข้าไปในร้านน้ำชาทันที
เมื่อเห็นว่าแม่ของตนเข้าไปด้านในแล้ว ฝูซิงก็หันไปกะพริบตาและทักทายตำรวจจราจรคนนั้นด้วยรอยยิ้มสดใส
“คุณตำรวจจะถ่ายรูปเหรอ? ถ่ายรูปฝูซิงด้วยได้ไหม?”
ตำรวจหนุ่มที่กำลังจะถ่ายรูปรถคันที่จอดผิดที่ผิดทางนี้หันไปยิ้มตอบฝูซิงด้วยความเอ็นดู “หนุ่มน้อย กล้องของลุงน่ะถ่ายได้แค่รถนะ ถ่ายรูปเด็กไม่ได้หรอก”
ฝูซิงยังคงแสร้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็นต่อ “เอ๋ แล้วทำไมคุณตำรวจต้องถ่ายรูปรถล่ะ? รถไม่เห็นมีดอกไม้หรือลูกโป่งติดไว้สวย ๆ เลย!”
ตำรวจจราจรทั้งสองคนที่มาด้วยกันหันไปหัวเราะกันเอง หนึ่งในสองคนนั้นพูดต่อหลังจากหยุดหัวเราะแล้ว “เพราะเจ้าของรถเหล่านี้ไม่ยอมเชื่อฟังกฎจราจร พวกเราก็เลยต้องถ่ายรูปเพื่อลงโทษเขาน่ะ”
“รถที่เชื่อฟังกฎจราจรเป็นแบบไหนเหรอครับ?”
“แล้วรถที่โดนลงโทษจะร้องไห้ไหม?” เด็กชายยังคงตื๊อถามต่อ
ใบหน้าจิ้มลิ้มของฝูซิงยังคงยิงคำถามที่ฟังดูน่ารักออกไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้เขายังดึงแขนของตำรวจจราจร เพื่อให้ตอบคำถามของเขาอย่างจริงจังอีกด้วย
ด้วยความที่เด็กตรงหน้านี้น่ารักและมีความอยากรู้อยากเห็น เลยทำให้ตำรวจจราจรทั้งสองสนใจเขามาก ๆ และค่อย ๆ อธิบายทุกอย่างให้เขาฟังอย่างใจเย็น
ไม่กี่นาทีต่อมา
“เอาล่ะ หนูเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
“ฝูซิงเข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก ๆ เลยครับคุณตำรวจ ไปแล้วน้า บ๊ายบาย~”
ฝูซิงส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ทั้งสองและโบกมือหยอย ๆ เมื่อเขาหันกลับมาและเดินไปอีกไม่กี่ก้าว ฝูซิงก็เห็นเสี่ยวอี้เฉิงที่เพิ่งจะเคลื่อนรถให้พ้นเขตห้ามจอดและเดินกลับไปยังร้านน้ำชาอีกครั้ง เด็กน้อยรีบวิ่งเข้าไปและหยุดเสี่ยวอี้เฉิงไว้ก่อน “ฝูซิงช่วยคุณลุงไว้เยอะเลย คุณลุงจะขอบคุณฝูซิงไหม?”
“หนูคือซิงซิงเหรอ?” เสี่ยวอี้เฉิงตกใจมาก แต่เขาก็รีบตอบรับอย่างเร็วรี่ “หนูเพิ่งจะช่วยให้ลุงไม่ต้องไปเสียค่าปรับ สุดยอดไปเลย!”
เด็กน้อยโบกมือ “เรื่องจิ๊บจ๊อยครับ”
เขาเดินตามเสี่ยวอี้เฉิงเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งในร้านน้ำชา ภายในนั้นมีเพียงฝูเจิ้งเจิ้งและหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่ เมื่อเข้าไปข้างใน ฝูซิงก็ได้ยินหญิงชราพูดว่า “เจิ้งเจิ้ง หนูกับเฉิงเฉิงนี่เข้ากันได้ดีจริง ๆ นะ”
ทันใดนั้น ฝูซิงก็รีบวิ่งนำเสี่ยวอี้เฉิงไป เขารีบไปดึงมือของฝูเจิ้งเจิ้งที่หญิงชรากำลังจับไว้อยู่ออกมาพร้อมพูดว่า “สวัสดีครับคุณย่า หม่ามี๊ของฝูซิงมีแฟนแล้ว! แล้วป๊ะป๋าก็หล่อแถมยังเก่งมากด้วย!”
“ฝูซิง อย่าพูดอะไรแบบนั้นออกมาสิ!” ฝูเจิ้งเจิ้งรีบไปคว้าตัวฝูซิงที่กำลังทำหน้าชื่นอกชื่นใจอยู่ออกมาทันที เธอกลัวว่าฝูซิงนั้นจะพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอและหานซือฉีออกมา ซึ่งตัวเธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์นี้นัก
หญิงชรานิ่งไปหลังจากเห็นฝูซิง
เสี่ยวอี้เฉิงที่เดินตามมาถึงพอดีรีบอธิบาย “คุณย่าครับ เจิ้งเจิ้งเป็นเพื่อนผมน่ะครับ แล้วก็นี่ลูกชายของเธอ ซิงซิง บางทีคุณย่าอาจจะเข้าใจผิดแล้ว”
เมื่อเห็นว่าหญิงชราดูจะผิดหวัง ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “รถเป็นยังไงบ้างคะ? เรียบร้อยดีไหม?”
ฝูซิงเงยหน้าอีกครั้งพร้อมพูดอย่างภาคภูมิใจ “ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ถ้าฝูซิงลงมือเองหรอกน่า!”
เสี่ยวอี้เฉิงยกนิ้วโป้งให้และชื่นชม “คุณเจิ้ง ลูกชายของคุณทำได้ดีมากเลยครับ โตขึ้นเขาจะต้องได้ดีอย่างแน่นอน!”
มองใบหน้าฝูซิงที่กำลังมั่นใจในตนเอง ฝูเจิ้งเจิ้งก็แอบบ่นเขาน้อย ๆ ไม่ได้ “อย่าเพิ่งหลงตัวเองไปพ่อหนุ่มน้อย คุณเสี่ยวเขาก็แค่ชมลูกตามมารยาท ลูกจะได้ไม่ท้อใจ”
แต่ถึงแม้จะบ่น แววตาของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
“ผมไม่ได้ชมฝูซิงเล่น ๆ หรอกครับ วันนี้เขาช่วยผมไว้ได้มากจริง ๆ ฮ่ะๆ ๆ คุณย่าของผมแกอาการไม่ค่อยดี ผมก็เลยรีบเอายามาให้ แต่เผอิญว่ารถของผมมันซ่อมอยู่ ก็เลยยืมรถเพื่อนที่เป็นรถราชการมาแทน ขืนทำรถเพื่อนโดนใบสั่งล่ะก็ มีหวังปัญหาเกิดแน่” เสี่ยวอี้เฉิงยิ้มและก้มลงมองฝูซิงตลอด “ต้องขอบคุณซิงซิงจริง ๆ นะ ไว้เดี๋ยวคืนนี้ลุงจะพาไปเลี้ยงสเต็กให้อิ่มแปล้ไปเลยก็แล้วกัน!”
ได้ยินเช่นนั้น ฝูซิงก็พูดขึ้นด้วยความเขินอาย “คุณลุงเสี่ยว คุณน้าสวี่จะเลี้ยงสเต็กฝูซิงคืนนี้แล้ว”
ฝูเจิ้งเจิ้งนึกขึ้นได้ทันทีว่าเมื่อตอนไปทานข้าวเย็นด้วยกันเมื่อครั้งที่แล้วกับสวี่เหยียน เสี่ยวอี้เฉิงก็เป็นคนเลี้ยง แล้วครั้งนี้เขายังจะต้องมาเลี้ยงพวกเธอสองแม่ลูกอีกเหรอ?
“เดี๋ยวลุงจะเลี้ยงน้าสวี่ด้วย” เสี่ยวอี้เฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“เยี่ยมไปเลย! พวกเราจะได้กินสเต็กพร้อม ๆ กัน 4 คนเลย!” เด็กน้อยดีอกดีใจแต่ทันใดนั้นเขาก็ดูเศร้าหมองลงมาอีกครั้ง “ถ้าป๊ะป๋ามาด้วย…”
ฟังสิ่งที่ฝูซิงพูดรวม ๆ กันแล้ว เสี่ยวอี้เฉิงก็หันไปถามฝูเจิ้งเจิ้งด้วยความสงสัย “ป๊ะป๋าเหรอ? หมายถึงสามีคุณเจิ้งสินะครับ?”
“ฝูซิงแกใฝ่ฝันอยากจะกินข้าวกับป๊ะป๋ามาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะค่ะ แต่มันเป็นได้แค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ” ฝูเจิ้งเจิ้งรีบอธิบายเพียงคร่าว ๆ ก่อนจะรีบดึงตัวฝูซิงมากอดเอาไว้
เสี่ยวอี้เฉิงเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามอะไรมากมายนัก ทั้งหมดรอดูอาการของคุณย่าของเขาจนกระทั่งอาการเธอดีขึ้น เสี่ยวอี้เฉิงจึงเสนอที่จะพาสองแม่ลูกนี้กลับบ้านไปด้วย
“พวกคุณพักอยู่ที่ไหนกัน ถ้ายังไงเดี๋ยวผมไปส่งก็ได้นะ” ชายหนุ่มพาหญิงชราลงมาจากด้านบนพร้อมกันนั้นเขาก็หันไปถามฝูเจิ้งเจิ้งด้วย
“พวกเราอาศัยอยู่…” หญิงสาวนิ่งคิดสักพัก แล้วจึงเอ่ยต่อ “เอ่อ นี่ยังเที่ยงวันอยู่เลยค่ะ เดี๋ยวพวกเราคงจะไปซื้อของกันต่อ ถ้ายังไงคุณเสี่ยวก็พาคุณย่าไปส่งก่อนเลยก็ได้นะคะ” เธอใช้ข้ออ้างนี้ปฏิเสธเขา
ชายหนุ่มไม่ขัดข้อง หลังจากกล่าวคำลาแล้วเขาก็ขับรถออกไป
เมื่อเห็นว่ารถของอีกฝ่ายวิ่งไปไกลแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็หันกลับมาพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฝูซิง วันหลังอย่าบอกคนอื่นว่าคุณหานเป็นป๊ะป๋าอีกนะ”
“ทำไมล่ะ?” ฝูซิงแหงนหน้าถามด้วยความสงสัย
“เพราะ…เอ่อ…เพราะเขาไม่ใช่ป๊ะป๋าแท้ ๆ ของลูกไง”
“แต่ฝูซิงนับถือเขาเป็นป๊ะป๋าแท้ ๆ เลยนะ แถมจะให้มองเป็นแฟนของหม่ามี๊ก็ยังได้” เด็กน้อยยังคงดื้อดึงเถียงเธอ
เธอมองไปยังลูกชายของเธอโดยที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เจ้าตัวเล็กนี่ตั้งใจจะหาแฟนให้เธองั้นเหรอ?
ฝูซิงไม่สามารถเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้เป็นแม่ได้ในตอนนี้ เขาคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะกระซิบกับเธอ “หม่ามี๊ ครูหลี่มีแฟนแล้ว ป๊ะป๋าน่ะ ไม่แย่งแฟนคนอื่นหรอก”
ฝูเจิ้งเจิ้งเคาะหน้าผากเจ้าตัวเล็กไปพลาง “ลูกรู้จักคำว่าแฟนตั้งแต่อายุแค่นี้ยังไม่พอ ยังรู้จักคำว่าแย่งแฟนอีกเหรอ? หม่ามี๊ว่าลูกโดนป๊ะป๋าสุดที่รักของลูกสอนเรื่องแปลก ๆ มากไปแล้วนะ เพราะงั้นเลิกจำเรื่องพวกนี้จากเขามาพูดได้แล้ว!”
เด็กน้อยทำหน้ามุ่ย “ป๊ะป๋าไม่ได้สอนเรื่องแปลก ๆ ให้ฝูซิงนะ ทุกอย่างที่ป๊ะป๋าสอนมีประโยชน์จะตายไป”
“มีประโยชน์ตรงไหนน่ะ!” ฝูเจิ้งเจิ้งเดินนำฝูซิงกลับไปยัง ‘บ้าน’ ของพวกตน
น้ำเสียงผิดหวังของฝูซิงดังขึ้นอีกครั้ง “หม่ามี๊ ที่ฝูซิงช่วยเพื่อนหม่ามี๊ได้วันนี้ ก็เพราะสิ่งที่ป๊ะป๋าสอนไว้นะ พวกเราต้องเคารพกฎจราจรตั้งแต่ขับรถ จอดรถ หรือแม้แต่เดินเท้าก็ต้องทำ”
“โอ๊ะ? เขาสอนเรื่องแบบนี้ให้ลูกตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งถาม
“ตั้งแต่ตอนที่ฝูซิงไปเดินเล่นรวมไปถึงตอนเล่นเกมด้วย ป๊ะป๋าน่ะยอดเยี่ยมไปเลย เขารู้ทุกเรื่อง” ฝูซิงพูดด้วยท่าทีน่ารัก
ฟังตามที่ฝูซิงพูด ฝูเจิ้งเจิ้งก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ว่าหานซือฉีรู้วิธีสอนสั่งเรื่องที่ควรสอนให้กับลูกของเขาแบบนี้ มันทำให้เธอมองเขาในแง่ร้ายน้อยลงกว่าเดิมนิดหน่อย
คราวนี้เธอเปลี่ยนอารมณ์และน้ำเสียงเป็นพูดด้วยความร่าเริงแทน “ฝูซิง ร้องเพลงให้หม่ามี๊ฟังหน่อยสิ”
จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินกลับบ้านโดยมีเสียงเพลงของฝูซิงคลอตลอดทาง
————————————————————————–
6 โมงครึ่ง ฝูเจิ้งเจิ้งและฝูซิงก็เดินทางมาถึงร้านเซนส์บันด์ ที่นี่เป็นร้านสเต็กสไตล์ยุโรปที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่บริเวณถนนหยางหมิง
แม้สวี่เหยียนจะบอกว่าเดี๋ยวให้เสี่ยวอี้เฉิงไปรับที่บ้านก็จริง แต่คิดเหรอว่าฝูเจิ้งเจิ้งจะกล้าบอกที่อยู่ของเธอและฝูซิงให้รู้น่ะ? เธอก็แค่บอกไปว่าไม่อยากรบกวนแล้วมาที่นี่ด้วยแท็กซี่ตามปกติก็พอแล้ว
ไม่นานนักทั้งสองก็เดินขึ้นชั้น 2 ไปและพบกับสวี่เหยียนที่นั่งอยู่ติดริมหน้าต่างกำลังโบกไม้โบกมือเรียกอยู่
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวอี้เฉิงไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ฝูเจิ้งเจิ้งก็แอบแซะสวี่เหยียนนิดหน่อย “ถ้าฉันรู้ว่าเธอชวนคุณเสี่ยวมาด้วย พวกฉันไม่มาหรอกนะ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอเหมือนเมื่อวันก่อน แถมร้านนี้มันก็แพงซะด้วย”
“น่า ๆ มีหลายคนมันสนุกกว่าอยู่แล้ว” สวี่เหยียนยิ้มหวาน “ตอนแรกฉันตั้งใจจะไปกินสเต็กที่คาเฟ่ตรงทางทิศตะวันตกของธนาคาร แต่คุณเสี่ยวบอกว่าวันนี้ซิงซิงช่วยเขาไว้เยอะ ก็เลยอยากจะเลี้ยงมื้อเย็นที่ยิ่งใหญ่เป็นการขอบคุณน่ะ เพราะงั้นพวกเราเลยเลือกที่นี่”
“เป็นไงล่ะหม่ามี๊ เพราะฝูซิงเลยนะ” ฝูซิงยืดอกด้วยความมั่นใจอีกครั้ง
“ก็ได้ ๆ วันนี้ลูกเก่งมาก พวกเราเป็นหนี้บุญคุณลูกแล้ว โอเคนะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งเคาะหน้าผากฝูซิงเบา ๆ แล้วยิ้มให้เขา
“ใช่แล้ว ทั้งหมดนี้เพราะซิงซิงเลย ซิงซิงเก่งมาก” ทันใดนั้น เสี่ยวอี้เฉิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับป็อปคอร์นกล่องใหญ่
“เย้ ป็อปคอร์น!” ฝูซิงยื่นไม้ยื่นมือออกไปเพื่อจะรับสิ่งนั้นมา
ฝูเจิ้งเจิ้งรีบหยุดมือของเจ้าตัวเล็กไว้ก่อน “ไม่ได้ ก่อนจะหยิบอะไรเข้าปากต้องล้างมือก่อนสิ”
“เจิ้งเจิ้ง พวกเราสั่งอาหารไว้บ้างแล้ว ถ้ายังไงเธอก็สั่งที่ตัวเองอยากกินแล้วก็สั่งเผื่อฝูซิงไปได้เลยนะ เดี๋ยวฉันพาเขาไปล้างมือให้เอง” สวี่เหยียนยืนขึ้นแล้วจูงมือฝูซิงไปยังห้องน้ำ
เธอรับเมนูมาจากเสี่ยวอี้เฉิงก่อนจะยิ้มให้เขาเชิงขอบคุณ “ในเมื่อคุณเสี่ยวยืนยันว่าจะเลี้ยง พวกฉันก็จะไม่เกรงใจแล้วนะคะ ฮ่าๆๆ”
เสี่ยวอี้เฉิงหัวเราะ “แหม ผมเกรงว่าพวกคุณจะเกรงใจเนี่ยสิ”
เมื่อสั่งอาหารเสร็จหมดแล้ว เสี่ยวอี้เฉิงก็ตัดสินใจถามคำถามที่ฟังดูจริงจังมากออกมา “คุณเจิ้ง ฝูซิงเป็นลูกแท้ ๆ ของคุณหรือเปล่า?”
“ใช่สิคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งกะพริบตามองด้วยความสงสัย
“ลูกแท้ ๆ ในไส้เลยนะครับ?” ชายหนุ่มถามย้ำ
“ใช่ค่ะ แปลกเหรอคะ?”
เธอตอบคำถามนั้นอย่างไม่ลังเล ซึ่งทำให้เสี่ยวอี้เฉิงชะงักไปครู่หนึ่ง แววตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจอยู่แวบหนึ่งก่อนจะหายไป ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ผมต้องขอโทษที่ถามอะไรแปลก ๆ ออกไปจริง ๆ แบบว่าแค่สงสัยน่ะครับ ที่คุณเจิ้งมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อยจริงเหรอ”
ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ได้ตอบอะไรเพิ่ม เธอเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ให้เขาเท่านั้น
เสี่ยวอี้เฉิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะอดไม่ได้ที่ต้องถามอีกคำถามหนึ่ง “เอ่อ…ถ้างั้นผมขอถามได้ไหม ว่าใครเป็นพ่อของฝูซิง?”
“…”
ในตอนที่ฝูเจิ้งเจิ้งกำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไรนั้น เสียงของฝูซิงก็ดังขึ้นมา “ป๊ะป๋า!”
หญิงสาวตกใจไปกับเสียงนั้นและหันมองไปทางบันไดทันที และที่แห่งนั้นเธอก็ได้พบกับสายตาของหานซือฉีที่เยือกเย็นกำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ มันทำให้หัวใจของฝูเจิ้งเจิ้งดิ่งวูบไปในทันที
———————————————————————————————————
คุยกับผู้แปล
เนื้อหอมน้า แต่หานซือฉีนี่เหมือนมาได้จังหวะเหมาะเลย เสี่ยวอี้เฉิงแกห้ามหักหลังสวี่เหยียนนะ!
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-