ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 6 เธอหวังจะเห็นอะไรในห้องพักนั่นกันน่ะ
บทที่ 6 เธอหวังจะเห็นอะไรในห้องพักนั่นกันน่ะ?
ฝูเจิ้งเจิ้งแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจถึงความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อพร้อมกับตอบออกไปแบบสาวน้อยไร้เดียงสาว่า “เดี๋ยวฉันจะเอาเสื้อผ้าของคุณหานไปซักให้เองค่ะ เพราะงั้นช่วยเข้าไปด้านในห้องพักแล้วเปลี่ยนชุดใหม่ด้วยนะคะ”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่คล้อยตาม เขาจึงตัดใจทำตามคำแนะนำของเธอทว่าหลังจากลุกไปได้ไม่นาน เจ้าตัวก็หันขวับกลับมาแบบไม่ทันให้ฝูเจิ้งเจิ้งได้ตั้งตัว ซึ่งตอนนี้เธอกำลังชะเง้อมองดูเขาเดินเข้าห้องไปอยู่พอดี เห็นเช่นนั้นแล้วชายหนุ่มก็หลุดยิ้มออกมา “อยากจะดูฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไง?”
ได้ยินดังนั้นฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบหันหน้าหนีด้วยความเขินอายในทันที แต่ใครจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วที่เธอพยายามสอดส่องเข้าไปในห้องนั้นน่ะ ไม่ใช่เพราะอยากจะแอบดูเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่มันเป็นเพราะกล้องตัวจิ๋วที่เธอแอบเอามันไปติดไว้ในชั้นหนังสือเมื่อเช้านี้ต่างหาก หญิงสาวแค่กำลังกังวลว่าหานซือฉีจะเจอเจ้ากล้องจิ๋วตัวนี้หรือเปล่าก็เท่านั้น
…หวังว่าคงไม่เอะใจหรอกนะ
ไม่นานนักหลังจากที่ชายหนุ่มเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องพักส่วนตัว เมื่อเขาเดินออกมา ก็เจอฝูเจิ้งเจิ้งผู้ที่กำลังทำตัวกระวนกระวายอยู่ที่หน้าห้องของตน
หมับ!…
หานซือฉีจัดการคว้าตัวหญิงสาวเอามากักขังไว้ให้อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
ด้วยการกระทำที่รวดเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้น หัวใจดวงน้อย ๆ ของฝูเจิ้งเจิ้งพลันหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มขณะที่โดนอีกฝ่ายเข้าประชิดตัวพร้อมกับจ้องมองมาราวกับจะกลืนกินเธอเช่นนี้
เขาปะ-ไปเจออะไรมาหรือไง!
“คืนนี้มากับฉันที่ห้องอาหารเหม่ยลี่ พวกเราต้องไปดินเนอร์กับลูกค้ารายใหญ่”
เมื่อหานซือฉีพูดแบบนั้นออกมา ฝูเจิ้งเจิ้งก็ค่อยคลายความกังวลลง โชคดีจริง ๆ ดูเหมือนเขาจะยังไม่เจออะไรภายในห้องนั้นสินะ เมื่อไม่มีอะไรต้องคอยพะวงแล้ว หญิงสาวจึงปฏิเสธออกไปอย่างไม่ลังเล “ฉันไม่ว่างนะคะ ต้องขอโทษด้วย”
“กลัวหรือไง? ขนาดนี้แล้ว เธอยังจะกลัวฉันหลงเธอจนหน้ามืดตามัวอีกเหรอ?” หานซือฉีหัวเราะในลำคอ “แล้วก็นะ ไอ้สิ่งที่เธออยากจะเห็นน่ะ ถ้าไม่มาดูด้วยตาตัวเองมันจะมีค่าอะไรเล่า? ฉันหมายถึง… ‘สิ่งที่เธออยากจะเห็นในห้องพักของฉัน’ น่ะ”
เธอเพิ่งคลายกังวลได้ไม่นานก็ดูเหมือว่าจะมีเรื่องใหม่มาให้ฝูเจิ้งเจิ้งต้องปวดหัวอีกแล้ว แถมเขายังพูดทิ้งท้ายกับเธออย่างมีลับลมคมในด้วย หรือว่าเขาจะเห็นกล้องนั่น! แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ผู้ชายคนนี้ฉลาดขนาดนั้นเชียวเหรอ?
“อะไรที่มันอยู่ในที่ลับตา เธอคิดว่าจะได้เห็นมันในที่สาธารณะหรือไง? ไปหาที่ดี ๆ มาสิ แล้วฉันจะเปิดโชว์ให้ดูจนตาแฉะเลย” หานซือฉีกระซิบเบา ๆ เป็นเชิงท้าทายก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลงพร้อม ๆ กับเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มที่หายไปด้วย ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องพักส่วนตัวของหานซือฉีด้วยความไม่เชื่อทันที ภาพที่ปรากฏภายในห้องยังเหมือนเดิม ชั้นหนังสือก็ตัวเดิม แต่กล้องตัวจิ๋วของเธอมันได้อันตรธานหายไปแล้ว!
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เขาสามารถเจอเจ้ากล้องตัวจิ๋วนี่ได้ แต่ตอนนี้เธอก็มั่นใจแล้วว่า หานซือฉี ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แผนการตื้น ๆ ใช้กับคนแบบเขาไม่ได้ผล เขาเหนือชั้นกว่าที่เธอคิด นับแต่นี้ต่อไปเธอจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้สินะ
ตอนนี้เหมือนว่าฝูเจิ้งเจิ้งจะต้องรับมือกับปัญหาใหญ่เลยทีเดียว ไหนจะไม่สามารถหาข้อมูลหรือหลักฐานว่าบริษัทเว่ยหานมีส่วนเกี่ยวพันกับคดียาเสพติดขนาดใหญ่หรือไม่ เธอยังพิสูจน์ไม่ได้เสียทีว่าคนคนนี้มีไฝอยู่ที่ต้นขาหรือเปล่า
หรือบางทีจะต้องใช้โอกาสตอนออกไปข้างนอก?
ทั้ง ๆ ที่หยางเต๋าก็เน้นย้ำและแนะนำให้เธอคอยจับตาดูพฤติกรรมของหานซือฉีตลอดเวลาที่อยู่ในบริษัทแท้ ๆ แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้อะไรซักอย่าง
หลังจากที่ใช้เวลาครุ่นคิดชั่วครู่ ฝูเจิ้งเจิ้งก็ตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ในท้ายที่สุด
—————————————–
ภัตตาคารเหม่ยลี่ ภัตตาคารหรูหราที่เป็นแหล่งรวมเหล่ามหาเศรษฐีภายในเมือง B
ฝูเจิ้งเจิ้งรีบเดินขึ้นไปยังชั้น 2 ของภัตตาคารแห่งนี้ และเมื่อเธอเข้าไปในห้องที่จัดเตรียมไว้ เธอก็พบว่าภายในนั้นมีเพียงหานซือฉีและชายแปลกหน้านั่งอยู่ด้วยกันเพียงสองคนเท่านั้น
หญิงสาวทักทายตามมารยาท จากนั้นจึงเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ หานซือฉีตามหน้าที่ของผู้ช่วยที่เธอได้รับ ในระหว่างนั้นเธอก็ลอบสังเกตฝั่งตรงข้ามอย่างละเอียด
ดู ๆ แล้วคนตรงหน้านี้น่าจะอายุราว ๆ 26-27 ปี ผิวขาว หน้าตาดี และมีลักยิ้มปรากฏให้เห็น ดูยังไงก็รู้ว่าเป็นคนมีการศึกษา ออร่ามันฟ้อง
เมื่อฝูเจิ้งเจิ้งนั่งลงแล้ว ชายหนุ่มแปลกหน้าก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “คุณหานนี่รายล้อมไปด้วยสาวสวยตลอดเวลาเลยนะครับ ดูแล้วเพลินตาเสียจริง ๆ”
หานซือฉีตอบรับคำชมนั้นด้วยท่าทีนิ่งเฉยและพูดขึ้นว่า “มีแค่สาวสวยเท่านั้นที่ควรค่าแก่การชื่นชม คนไหนไม่สวยผมจะเก็บไว้เชยชมทำไมกัน?”
ชายตรงหน้าหานซือฉียิ้มอย่างชื่นชมพร้อมกับคิดประเมินความสัมพันธ์ของทั้งคู่ คงต้องมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่าที่เห็นแน่ ๆ
หลังจากที่ทักทายแนะนำตัวกันไปเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้รู้ว่า ชายคนนี้คือ ฟู่เหวินไห่
ฟู่เหวินไห่ดื่มอวยพรให้แก่ฝูเจิ้งเจิ้งอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเธอเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายเหมือนจะหมายปองในตัวเธออยู่ ดังนั้นเธอจึงทำเป็นไม่ได้สนใจและดื่มอวยพรให้แก่หานซือฉีแทน
หลังจากที่ผ่านการดื่มด่ำกับคำเยินยอพร้อมแอลกอฮอล์ไปหลายแก้ว คนตัวเล็กก็เริ่มมีอาการคล้ายจะเมาขึ้นมาเสียแล้ว โชคยังดีที่มีหานซือฉีอยู่ข้าง ๆ
เมื่อเธอกลายเป็นฝ่ายที่ชิงเมาไปก่อนแล้ว ฟู่เหวินไห่ไม่รอช้าที่จะเสนอตัวช่วย พาหานซือฉีไปพักยังห้องที่ได้จองเอาไว้บนชั้น 6 ของภัตตาคารแห่งนี้ เมื่อเขาส่งทั้งสองถึงห้องแล้ว ชายหนุ่มอารมณ์ดีก็ขอตัวลา ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอรบกวนเวลาพิเศษของทั้งสอง
ภายในห้อง
ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกตัวขึ้นมาก็เห็นว่า หานซือฉีหลับสนิท ไร้ซึ่งสัญญาณของสติสัมปชัญญะ ก็ถึงเวลาเริ่มแผนการของเธอแล้ว ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้ตายใจซะทีเดียว เจ้าของมือเรียวนั้นทั้งตีแขนและหยิกแก้มของเจ้านายขี้เซาอยู่หลายครั้ง จนมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่สามารถตื่นมาทำตัวหื่นกามใส่เธอได้แน่ ๆ หญิงสาวก็เริ่มลงมือ เธอนั่งคุกเข่าตรงบริเวณหว่างขาของเขา ก่อนจะพยายามปลดเข็มขัดของเขาอีกครั้ง
แต่ขณะที่ฝูเจิ้งเจิ้งกำลังทำการปลดเข็มขัดเจ้ากรรมอยู่นั้น หานซือฉีก็พลิกตัวไปด้านหนึ่ง พร้อมกับส่งเสียงงึมงัมเมื่อโดนรบกวนจนคนตัวเล็กที่ระมัดระวังตัวอยู่ต้องกระโจนออกมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นค่อย ๆ ย่องกลับไปสังเกตปฏิกิริยาของหานซือฉีอีกครั้ง จึงพบว่า ชายหนุ่มเพียงแค่ละเมอเท่านั้น
ฟู่… อีตาบ้า ตกอกตกใจหมด เธอถลึงตาแยกเขี้ยวใส่เจ้าของร่างที่นอนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง
แล้วฝูเจิ้งเจิ้งก็เริ่มทำการปลดกางเกงของอีกฝ่ายออกอย่างเบามืออีกรอบ
ทว่าเพียงเสี้ยววินาที มือเรียวบางก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือหนาของชายหนุ่ม ความกลัวเริ่มกัดกินหัวใจดวงน้อย ๆของเธอ มันเต้นรัวจนแทบจะระเบิดออกมา
———————————————————————————————-
คุยกับผู้แปล
นอกจากจะไม่ได้เห็นไฝที่ต้นขาหานซือฉีแล้ว ยังโดนเก็บกล้องไปอีก! นี่ดวงของฝูเจิ้งเจิ้งจะมาหมดสิ้นเพียงเพราะจะดูไฝที่ต้นขาชายหนุ่มเนี่ยนะ!?
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-