ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 65 ไม่เคยให้โอกาส
บทที่ 65 ไม่เคยให้โอกาส
ระหว่างทางกลับบ้าน ฝูเจิ้งเจิ้งเอาแต่ครุ่นคิดถึงเหตุผลต่างๆ นาๆ เพื่อมารองรับในกรณีที่กลับบ้านดึกขนาดนี้ภายใต้คำถามต่างๆ ที่หานซือฉีอาจจะถามเธอ
ถ้ารู้ว่าจะกลับดึกขนาดนี้ล่ะก็ ไม่ไปโรงน้ำชาฉีซิงซะก็ดี แค่ลำพังเรื่องเหนียนซี่ก็ปวดหัวแล้ว นี่ยังต้องมาคิดมากเรื่องอื่นอีก
เมื่อเดินถึงประตูหน้าบ้าน ฝูเจิ้งเจิ้งก็เหลือบมองเข้ามาด้านในบ้านด้วยความผิดที่ติดตัวอยู่ แต่ไม่น่าเชื่อเลย ที่สวนด้านหน้าไม่มีแม้กระทั่งรถของหานซือฉีด้วยซ้ำ!
แปลกจังทำไมเขายังไม่กลับนะ!
ถ้าป่านนี้ยังไม่กลับ แสดงว่าเขาต้องอยู่กับเฉียวเค่อเหรินแน่ๆ แล้วชายหญิงจะทำอะไรกันล่ะถ้าอยู่ด้วยกันสองต่อสองดึกๆ เช่นนี้ ?
เธอหยิบเอากุญแจบ้านขึ้นมาและเปิดประตูเข้าไปก่อนจะดิ่งตรงไปยังห้องของตนที่มืดสนิท
พลันเมื่อเดินเข้ามาในห้อง ในใจลึกๆ ของเธอก็แอบหวังว่าเขาจะนั่งอยู่ภายในห้องมืดๆ นี้เพื่อรอเธอกลับมาเหมือนเแต่ก่อน แต่ในท้ายสุดมันก็เป็นได้แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ เพราะเธอเปิดไฟจนสว่างแล้ว ภายในห้องก็ไม่มีใครอื่นเลย ยกเว้นเธอที่เพิ่งเดินเข้ามา ไม่มีแม้กระทั่งกลิ่นของเขาที่หลงเหลืออยู่ในห้องปิดตายนี้เสียด้วยซ้ำ… คงจะไม่ได้เข้ามาเลยสินะ
ไม่สิ เธอกำลังให้ความสนใจคนนิสัยไม่ดีคนนั้นเหรอฝูเจิ้งเจิ้ง?
ร่างที่เหนื่อยล้าจากการผจญสิ่งต่างๆ ทั้งวี่ทั้งวันทิ้งตัวลงไปบนเตียงโดยไม่คิดจะไปอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน สมองที่เอาแต่คิดเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ จะสั่งให้เธอหลับลงไปเพื่อจบวันอันแสนน่าเบื่อนี้ไปในที่สุด
————————————————-
“หม่ามี๊~”
เสียงร้องเรียกที่ดังระดับแก้วหูแตกปลุกฝูเจิ้งเจิ้งขึ้นมาในเช้าวันใหม่ เธอค่อยๆ ลุกขึ้นมาด้วยความงุนงงแล้วจึงพบว่าฝูซิงกำลังมองมาที่ตนด้วยใบหน้าที่โกรธเคือง
นี่มัน…ยังไม่ 6 โมงซะด้วยซ้ำ…
ความง่วงมันทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่เห็นว่ามันยังไม่ใช่เวลาตื่น เพราะงั้นเธอจึเอนตัวลงไปนอนดังเดิมพลางพูดกับเจ้าตัวป่วน “อย่าเพิ่งซนซิฝูซิง ให้หม่ามี๊นอนต่ออีกสักหน่อยนะ”
แต่ฝูซิงไม่ได้หยุดโวยวาย “ของอร่อยๆ ของฝูซิงอยู่ไหน! ไหนหม่ามี๊บอกจะทำของอร่อยให้กินเยอะๆ! หม่ามี๊โกหก! หม่ามี๊โกหกอีกแล้ว!”
ตายแล้ว ลืมสนิทเลย!
ร่างที่เพิ่งล้มตัวนอนลงไปต้องลุกพรวดขึ้นมานั่งในทันที สมองที่สุดแสนจะอ่อนล้าจากการที่เพิ่งได้พักผ่อนไปไม่นานนั้นต้องรีบทำงานอย่างหนักเพื่อหาข้อแก้ตัวมาตอบเจ้าตัวเล็กให้ได้ “หม่ามี๊ขอโทษจริงๆ จ้ะฝูซิง จริงๆ หม่ามี๊น่ะซื้อของอร่อยๆ มาเพียบเลยนะ แต่ระหว่างทางกลับบ้าน มันมีคนเลววิ่งมาฉกไปทั้งหมดเลย หม่ามี๊พยายามสู้กับเขาเพื่อจะแย่งเอาของฝูซิงคืนมาแล้วแ—-”
“หม่ามี๊โกหกไม่หยุดเลย ฮืออออออ! ไม่มีคนเลวคนไหนบนโลกนี้เป็นศัตรูกับหม่ามี๊ได้หรอก!” ความสมเหตุสมผลเป็น 0 และฝูซิงมองออกตั้งแต่แว้บแรก เขาจึงย้อนเถียงผู้เป็นแม่ในทันที
“หม่ามี๊ที่เจ็บขาน่ะ เป็นศัตรูกับทุกคนบนโลกนะ!”
เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจจอมปลอม ฝูเจิ้งเจิ้งก็โชว์ให้เห็นว่าที่นิ้วโป้งเท้าของเธอนั้นมีบาดแผลจากการต่อสู้จนมันม่วงช้ำไปหมด แต่แท้จริงแล้วมันเกิดจากการที่เธอลักลอบเข้ามาในบ้านโดยไม่เปิดไฟจนเผลอไปสะดุดขอบโต๊ะเมื่อคืนต่างหาก
ฝูซิงถึงกับผงะตกใจไปกับภาพที่เห็น เขารีบใช้มือน้อยๆ สัมผัสไปยังรอยช้ำที่เท้าของฝูเจิ้งเจิ้งเบาๆ พร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง “หม่ามี๊ เจ็บไหม?”
“โอ้ย! หม่ามี๊เจ็บมากเลยฝูซิง!” เธอร้องโอดครวญออกมาเมื่อโดนสัมผัส ทั้งยังทำตัวน่าสงสารเพื่อเรียกความเห็นใจจากลูกชายของตน
“เดี๋ยวฝูซิงให้ป๊ะป๋าซื้อยามาให้!”
ได้ยินแบบนั้นฝูเจิ้งเจิ้งก็หยุดท่าทีเสแสร้งไปก่อน “โอ๊ะ? ป๊ะป๋าของลูกกลับมาแล้วเหรอ?”
“ป๊ะป๋าจะกลับมาเร็วๆ นี้แน่ๆ ป๊ะป๋าสัญญาแล้วว่าจะไปส่งฝูซิงที่โรงเรียนวันนี้”
“งั้นหม่ามี๊จะพาไปเอง” ฝูเจิ้งเจิ้งลุกขึ้นจากที่นอนและจัดเสื้อผ้าดีๆ
“ไม่” ฝูซิงปฏิเสธด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ฝูเจิ้งเจิ้งขมวดคิ้วก่อนจะมองฝูซิงด้วยความรู้สึกโกรธนิดหน่อย “ป๊ะป๋าของลูกน่ะไม่กลับมาหรอก แต่ถ้าลูกยืนยันว่าจะรอหม่ามี๊ก็ไม่ได้ห้ามอะไรหรอกนะ ไม่ปฏิเสธหรอกถ้าจะให้นอนต่อน่ะ”
ทันใดนั้นเอง เสียงที่คุ้นหูก็ดังมาจากหน้าประตู “ใครบอกว่าฉันจะไม่มานะ?”
“ป๊ะป๋า!” เด็กน้อยที่หันไปเห็นว่าเป็นหานซือฉี เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที “ฝูซิงรู้อยู่แล้วว่าป๊ะป๋าจะต้องรักษาสัญญาแน่ๆ ไม่เหมือนกับหม่ามี๊”
หากเป็นแต่ก่อนล่ะก็ เธอคงจะต้องโกรธใส่ฝูซิงที่พูดแบบนั้นแน่ๆ แต่เธอในตอนนี้นั้นยังรู้สึกผิดกับหานซือฉีอยู่ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ได้พูดหรือโต้ตอบอะไร เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ
ทว่าเมื่อเธอออกมา ทั้งหานซือฉีและฝูซิงก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งรีบเดินหาให้ทั่วทั้งด้านบนและด้านล่างจนได้รู้จากปากเฉินเฉี่ยวหลานว่าพวกเขาออกไปกันแล้ว
“วันคริสมาสต์จะมาถึงแล้วน่ะค่ะ ซิงซิงบอกฉันไว้ว่า คุณครูน่าจะสอนว่าควรเลือกอะไรให้ครอบครัวในวันคริสมาสต์แบบนี้ เพราะตัวเขาน่ะไม่รู้เลยว่าจะซื้อหรือทำอะไรให้ดี ฉันเดานะคะ บางทีซิงซิงอาจจะขอให้ท่านซือฉีไปช่วยเขาเลือกของขวัญก็ได้”
เรื่องนั้นเองเหรอ? แต่ฝูซิงไม่ยอมบอกเธอเนี่ยนะ!
ฝูเจิ้งเจิ้งเริ่มจะไม่มีความสุขขึ้นมาซะแล้ว เธอรู้สึกว่าฝูซิงกำลังสนิทชิดเชื้อกับหานซือฉีเข้าไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่คนที่ฝูซิงควรสนิทและเข้าใกล้น่ะ คือเธอนะ!
แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้ว ช่วงนี้เธอเองก็เอาแต่วุ่นวายอยู่กับรูปคดีที่เป็นงานหลักอยู่ตลอดจนแทบไม่ได้คุยอะไรกับลูกชายตนเลย บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอและเขาเริ่มจะมีช่องว่างระหว่างกันขึ้นมาแล้วก็ได้ ยามที่คิดได้ดังนั้น ในใจของหญิงสาวก็เกิดความรู้สึกผิดทับซ้อนกับของเก่าขึ้นมาอีก
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เธอก็รีบตรงไปยังบริษัททันที ในยามที่เธอเข้าไปในออฟฟิศนั้น หานซือฉียังไม่กลับมา และบริเวณนั้นก็มีเพียงสวี่เหยียนที่กำลังฮัมเพลงและเช็ดโต๊ะอยู่เท่านั้น
“ฮัมเพลงแต่เช้าเลยนะ บังเอิญเก็บเงินได้ระหว่างทางหรือไงน่ะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งเข้าไปกอดร่างที่กำลังขยับไปมาอยู่นั้นจากด้านหลังพลางหยอกแทนการทักทายไปด้วย
“ว้ายยยย เจิ้งเจิ้ง! เธอทำให้ฉันตกใจนะ!” สวี่เหยียนสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปหัวเราะและจ้องมองไปยังสาวที่เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง เธอสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่างจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วง “เธอมีเรื่องไม่สบายใจเหรอ? แบบว่าสภาพวันนี้ดูไม่ค่อยดีเลย”
“ก็ไม่นี่นา” ฝูเจิ้งเจิ้งจับตามผิวหน้าตนเองด้วยความสงสัย “สงสัยเป็นเพราะนอนไม่พอแน่ๆ เลย”
“…”
สวี่เหยียนวิ่งไปดูตรงบริเวณประตูลิฟต์ก่อนจะกลับมาพูดด้วยเสียงเบาๆ “เพราะคุณหานหรือเปล่า?”
“ไร้สาระน่า ฉันไม่เหมือนเธอที่สามารถทำงานอย่างมีความสุขได้ด้วยความรักที่คุณเสี่ยวมีให้หรอกนะ”
“นี่เธอแซะฉันอีกแล้วนะ!” สวี่เหยียนตีเข้าไปที่ก้นของฝูเจิ้งเจิ้งเสียหนึ่งที “เธออยู่กับคุณหานที่บ้านเลยนะ เธอต่างหากล่ะที่ต้องมีความสุข”
ทว่าหลังพูดออกไปแล้ว สวี่เหยียนก็รู้สึกได้ว่าตนพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป “อ่ะ..เอ่อ… ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ…”
“ไม่เป็นไรๆ จริงๆ มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ” ฝูเจิ้งเจิ้งยกมือขึ้นส่ายไปมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ว่าอะไร
“จริงๆ แล้วฉันกับอี้เฉิงน่ะ ค่อนข้างจะเป็นห่วงเธอมากๆ เลยนะ” หลังจากทิ้งระยะไปครู่หนึ่ง สวี่เหยียนก็พูดต่อ “เฉียวเค่อเหรินไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ ถ้าหากคนคนนั้นรู้ว่าเธออยู่กับคุณหานที่บ้านล่ะก็ มีหวัง…”
“มันก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะย้ายออกหรอกนะ…” ฝูเจิ้งเจิ้งเกาแก้มด้วยความหนักใจ
“เจิ้งเจิ้ง คุณหานตั้งใจจะทำอะไรกันแน่? เขาจะแต่งงานกับเฉียวเค่อเหรินอยู่แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังจะซ่อนเธอไว้ที่บ้านนั้นอีกเหรอ? ไม่ยุติธรรมสำหรับเธอเลย! เธอห้ามหลงไปกับความสุขชั่วคราวตอนนี้นะ เพราะถ้าเมื่อไหร่เธอหลวมตัวหลงใหลไปแล้ว นั่นหมายถึงเธอกำลังก้าวเดินผิดทาง และเพียงแค่ก้าวเดียว ก็จะทำให้ชีวิตเธอล้มเหลวไปได้อีกนานเลย!”
“จ้าๆ รู้แล้ว” แม้จะพูดเหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก แต่จริงๆ ฝูเจิ้งเจิ้งก็ค่อนข้างหนักใจมากเลยทีเดียว
“ที่ฉันพูดที่ฉันบอกเนี่ย ไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรหรอกนะ ฉันเองก็แค่อยากให้เธอมีชีวิตที่ดีเท่านั้นแหละ” สวี่เหยียนค่อยๆ จับมือของฝูเจิ้งเจิ้งเอาไว้เบาๆ และพูดอย่างจริงใจ
“ไว้ฉันจะรีบจัดการเรื่องนี้นะ” เธอพยักหน้ารับความห่วงใยของอีกฝ่าย
ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงาน สวี่เหยียนก็พูดทิ้งท้ายเอาไว้ “เอ้อ มะรืนนี้ พวกพนักงานตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปจะต้องไปช่วยจัดงานสัมมนาที่รีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางกันนะ ผู้จัดการหมินให้ฉันไปจัดการเรื่องสถานที่ต่างๆ แล้วฉันก็ใส่ชื่อเธอลงไปด้วย ห้ามปฏิเสธเชียวนะ ไปเที่ยวเล่นก็ได้ แต่ฉันไม่อยากไปคนเดียว พวกระดับที่สูงกว่าก็พากันจับกลุ่มไปกันทั้งนั้น”
ได้ยินชื่อ “รีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยาง” ฝูเจิ้งเจิ้งก็ตาเป็นประกาย มีเหรอที่เธอจะปฏิเสธ?
ขอบคุณความขี้เกียจทำงานของสวี่เหยียนจริงๆ ที่พลอยทำให้เธอได้ในสิ่งที่ครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืนไปด้วยเช่นนี้
คราวนี้แหละ จะได้ไปดูบ้านหลังเก่านั่นในรีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางแบบไม่รู้สึกผิดเสียที! แค่ได้คิดก็ใจเต้นไปหมดแล้ว!!
หลังจากที่แยกย้ายกันไปทำงานแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็ปัดกวาดเช็ดถูโต๊ะของตนจนเรียบร้อย เมื่อเธอหันไปมองเวลาและพบว่ามันเกือบจะ 9 โมงแล้ว เธอก็รู้สึกประหลาดใจที่หานซือฉียังไม่เข้าบริษัทเสียที นี่เขายังอยู่กับฝูซิงที่โรงเรียนอนุบาลอีกงั้นเหรอ?
เหลือเชื่อ!
ขณะเดียวกัน ที่โรงเรียนอนุบาลเสี่ยวหยางที่ซึ่งตอนนี้กำลังวุ่นวายสุดๆ
ผู้ปกครองหลายครอบครัวกำลังเรียนรู้วิธีการทำหัตถกรรมต่างๆ กับลูกๆ ของพวกเขาอยู่
ในช่วงใกล้เทศกาลคริสมาสต์เช่นนี้ ที่โรงเรียนอนุบาลหลายๆ แห่งมักจะจัดกิจกรรมของขวัญทำมือกันขึ้นมา ไม่เว้นแม้แต่ที่ที่ฝูซิงเรียนอยู่ด้วย เด็กๆ ต่างชอบกิจกรรมที่ได้ทำร่วมกับครอบครัวกันอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำกันในคาบก็จะเป็นของขวัญให้กับผู้ปกครองที่มาด้วยนั่นแหละ
ฝูซิงเองก็เตรียมการสำหรับวันนี้มาแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้บอกอะไรฝูเจิ้งเจิ้งและบอกแค่หานซือฉีคนเดียว
ห้องเรียนถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นผู้ปกครอง และอีกฝั่งเป็นเด็กนักเรียน ในฝั่งของนักเรียน ฝูซิงกำลังวาดรูปหัวใจลงไปในกระดาษแข็งสีชมพูก่อนจะยกมันขึ้นมาให้หานซือฉีดู
หานซือฉีที่ยืนมองอยู่หลังห้องเพียงแค่ยกนิ้วโป้งชื่นชมเขาเพราะเสียงรอบข้างมันดังกว่า แต่เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้ฝูซิงยิ้มแก้มปริแล้ว
“นี่จ้ะซิงซิง น้าเอาสีเมจิกมาให้แล้ว~” เฉียวเค่อเหรินเดินเข้าไปวางแพ็คสีเมจิกไว้บนโต๊ะที่ฝูซิงนั่งอยู่ด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับ” เหลือเชื่อมากๆ ครั้งนี้ฝูซิงไม่ได้ปฏิเสธเธอ เขาหยิบสีเมจิกนั้นขึ้นมาใช้และหันไปส่งเสียงถามหานซือฉี “ป๊ะป๋า ถ้าใช้สีเขียนมันจะสวยกว่าไหม?”
“แน่นอน”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากหานซือฉี ฝูซิงก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาวาดรูปลงไปด้วยสีเมจิกเหล่านั้นทันที
“เห ซิงซิงนี่วาดรูปเก่งไม่หยอกเลยนะคะเนี่ย ดูสิคะซือฉี” เฉียวเค่อเหรินที่นั่งลงไปข้างๆ หานซือฉียื่นคอมองไปยังฝูซิงพลางพูดด้วยรอยยิ้ม
เห็นได้ชัดเลยว่าหานซือฉีเองก็มีความสุขไม่น้อยเลยเหมือนกัน เขามองไปยังฝูซิงตลอดเวลา คอยยิ้มให้และคอยตอบทุกข้อสงสัยที่เด็กน้อยถาม
“ซือฉี รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กๆ ไหมคะ เมื่อได้อยู่ท่ามกลางเด็กๆ เหล่านี้?”
“โอ๊ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่โรงเรียนอนุบาลของพวกเรานะคะ คุณเฉียว ขอบคุณในความช่วยเหลือต่างๆ มาโดยตลอด” หลี่เสี่ยวเมิ่งที่เดินดูงานของเด็กๆ ในห้องอยู่เหลือบมาเห็นหานซือฉีและเฉียวเค่อเหรินพอดี เธอเลยเดินเข้ามาทักทาย เธอหันไปมองเด็กๆ ในห้องก่อนจะปรบมือเรียกและเอ่ยถาม “เด็กๆ ชอบคุณเฉียวกันไหมคะ?”
“ชอบครับ~”
“ชอบค่า~”
เสียงของพวกเขาดังแหลมออกมาในทำนองเดียวกัน
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเฉียวเค่อเหรินนั้นเป็นอาสาสมัครที่มักจะคอยช่วยเหลือโรงเรียนอนุบาลเสี่ยวหยางแห่งนี้อยู่บ่อยครั้งในตลอดหลายวันมานี้ และด้วยความสวยควบคู่กับนิสัยที่เข้ากับใครก็ได้ มันจึงไม่แปลกใจเลยหากเธอจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาได้
“ตายแล้ว ขอบคุณจ้ะ” ใบหน้าสวยนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยตอบ
ทว่าตอนนั้นเอง ฝูซิงก็พบว่าสีเมจิกสีดำของเขานั้นเขียนไม่ออก เขาพยายามเขย่ามันอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้ผล เด็กน้อยเริ่มเขย่าแรงขึ้นเรื่อยๆ และคราวนี้หมึกสีดำก็พุ่งออกมา ทว่ามันไม่ได้พุ่งลงไปบนกระดาษหากแต่เป็นชุดสีขาวประดุจทุ่งหิมะของเฉียวเค่อเหรินแทน แถมบางส่วนยังกระเด็นใส่ใบหน้าสวยๆ ของเจ้าของชุดไปด้วย
“เหวออออ ฝูซิงขอโทษครับ น้าเฉียว ฝูซิงไม่ได้ตั้งใจ” เห็นเช่นนั้นฝูซิงก็รีบเอ่ยปากขอโทษทันที
เมื่อเห็นว่าทุกสายตาต่างหันมาจับจ้องเธอเป็นตาเดียวกัน เฉียวเค่อเหรินก็ปัดๆ หมึกนั้นนิดหน่อยด้วยความเขินอายก่อนจะรีบพูดว่าไม่เป็นไรเพื่อไม่ให้คนอื่นมองว่าเธอใจยักษ์กับเด็ก
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่หมึกมันยังไม่แห้ง ยิ่งเธอปัดมันก็ยิ่งเลอะมากขึ้นไปอีก เมื่อผู้ปกครองคนอื่นๆ เห็นเช่นนั้น พวกเขาก็พากันหัวเราะออกมา
แม้แต่หลี่เสี่ยวเมิ่งเองก็ยังต้องพยายามกลั้นขำและมาพาเฉียวเค่อเหรินไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องทำงานของตน
“ซิงซิง ลูกตั้งใจทำแบบนั้นหรือเปล่า?” หลังจากที่เฉียวเค่อเหรินไปแล้ว หานซือฉีก็ก้มลงมากระซิบถามฝูซิงเบาๆ
“อือฮึ ก็ฝูซิงไม่ชอบที่น้าเฉียวเอาแต่ตามป๊ะป๋าตลอด แล้วไหนจะบอกว่าตัวเองเป็นแฟนของป๊ะป๋าอีก!” ฝูซิงตอบกลับด้วยความจริงจัง “แฟนของป๊ะป๋าน่ะ มีแค่หม่ามี๊ของฝูซิงเท่านั้น!”
“เรื่องนั้นน่ะแน่นอนอยู่แล้ว” หานซือฉีลูบหัวเจ้าตัวแสบเบาๆ ด้วยความรักและเอ็นดู
—————————————————————-
หลังจากทานมือเที่ยงเสร็จแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็ยังพอมีเวลาพักอยู่บ้างก่อนจะเริ่มงานต่อช่วงบ่าย เธอโกหกสวี่เหยียนว่าจะปลีกตัวมาซื้อขนมไว้ให้ฝูซิงสักหน่อยแล้วจะรีบกลับ เมื่อสวี่เหยียนยอมปล่อยเธอออกมาแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็ดิ่งตรงไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตในย่านไคว่เล่อที่เธอเคยอยู่อาศัยมาก่อนหน้านี้
ไม่นานนักหลังจากไปถึง หยางเต๋าก็เดินตามเข้ามา
“เจิ้งเจิ้ง นี่มันก็ครบเดือนแล้วนะ” นี่คือประโยคแรกที่เขาพูดเมื่อเข้ามาที่หลังร้านนี้
“ได้โปรด ช่วยคิดหาวิธีให้ฉันอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักด้วยนะคะ ฉันรู้สึกว่าที่บริษัทเว่ยหานนี้มีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลอยู่” เมื่อเขาเข้าเรื่องมาแบบนั้น ฝูเจิ้งเจิ้งก็พูดในสิ่งที่ค้างคาใจเธอเหมือนกัน
“เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันหาคนอื่นมาตรวจสอบให้เอง ไว้ใจได้ เพราะงั้นจะยอมพาตัวเองแล้วก็ซิงซิงกลับเมือง A ไปได้หรือยัง?” หยางเต๋ารู้สึกหนักใจที่ต้องพยายามทุกอย่างเพื่อเธอขนาดนี้ แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่พอเสียที ไม่รู้ว่าเธอจะรู้ตัวหรือเปล่า แต่สำหรับเขาแล้ว เธอน่ะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เขายอมทุ่มสุดตัวเพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้เลยนะ
“ฉันจะไม่ยอมกลับไปไหนทั้งนั้นถ้างานของฉันยังไม่เสร็จค่ะ!”
“เจิ้งเจิ้ง เธอเป็นห่วงงานจริงๆ หรือเปล่า?”
“รุ่นพี่ไม่เชื่อใจฉันแล้วเหรอคะ?” สีหน้าของฝูเจิ้งเจิ้งพลันเปลี่ยนเป็นโกรธและเตรียมจะเดินจากไปอย่างไม่รีรอ
หยางเต๋ารีบพุ่งเข้าหาเธอและกอดเธอไว้จากด้านหลัง “เจิ้งเจิ้ง ฉันรู้นะว่าเธอคิดถึงเรื่องหานซือฉีอยู่น่ะ! คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าความรู้สึกของเธอที่มีให้เจ้านั่นเป็นยังไง!?”
ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกตกใจกับการกระทำของเขาและพยายามดิ้นออกจากการกอดรัดของเขาในทันที “ปล่อยฉันนะ!”
อารมณ์ของหยางเต๋าตอนนี้มันยากที่จะควบคุมแล้ว “ฉันรักเธอมาตลอดตั้งหลายปี แต่เธอกลับไม่เคยให้โอกาสฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว! แต่ทำไมกับหานซือฉีเธอกลับยอมไปหมด!”
เขาจับร่างของฝูเจิ้งเจิ้งให้พลิกกลับมาแล้วใช้มือจับคางของเธอไว้ให้มั่นคงก่อนจะก้มหน้าและเคลื่อนตัวเข้าหาโดยไม่เปิดจังหวะให้อีกฝ่ายได้ไตร่ตรองใดๆ
————————————————————————————————-
คุยกับผู้แปล
หยางเต๊าาาาาาาาาาา สต๊อปปุ๊! ห้ามมมมมมมมมมมมมมม
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-