ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 76 ห้องนี้เหมาะกับเธอมากๆ
หานซือฉีเสยผมด้วยมือข้างเดียว ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งก็จัดเสื้อผ้าไปด้วย เขาขึ้นมาบนเตียงและค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เธอทีละนิดๆ
ฝูเจิ้งเจิ้งตกใจมากๆ เธอคิดว่าเขานั้นต้องหวังจะเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเธอแน่ๆ ดังนั้นเธอจึงรีบกระโดดออกจากเตียงไปที่มุมห้องและมองเขาด้วยความหวาดระแวง
ชายหนุ่มเหลือบมองท่าทีเช่นนั้นด้วยความไม่พอใจพร้อมกับนึกขำในใจ จากนั้นเขาก็หยิบถุงเท้าใกล้ๆ หัวนอนของเธอออกมาเพื่อจะนำลูกข่างลูกเล็กๆ จากในกระเป๋าของตนใส่ลงไปในนั้น
“ช่วงนี้ฉันมีงานต้องไปทำ แล้วถ้าเกิดพรุ่งนี้ฉันไม่ได้กลับมา หรือวันถัดๆ ไปด้วย เธอก็เอาของขวัญนี่ให้ซิงซิงด้วยก็แล้วกัน”
ที่แท้เขามาเพื่อที่จะฝากของขวัญฝูซิงไว้นี่เอง! ฝูเจิ้งเจิ้งยิ้มแห้งๆ และตอบกลับ “อ-โอเคค่ะ แหะๆ”
หลังจากที่ใส่ของขวัญของตนลงไปในถุงเท้าแล้ว หานซือฉีก็ยืนจ้องมองฝูเจิ้งเจิ้งก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนที่ฉันไม่อยู่ เธอต้องอยู่บ้านแล้วคอยดูแลซิงซิงไว้ ห้ามออกไปไหนตอนกลางคืน เข้าใจหรือเปล่า?”
ทำไมต้องมาออกคำสั่งกับฉันด้วย?
หญิงสาวกลอกตาในใจ แต่ภายนอกนั้นกำลังยิ้มสดใสให้เขา “จะให้ฉันไปไหนตอนกลางคืนได้ล่ะคะ? ฉันทำได้แค่อยู่บ้านกับซิงซิงเท่านั้นแหละ”
เธอไม่ได้บอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่จะไปทำในคืนพรุ่งนี้ ดังนั้นถ้าไม่บอกก็จะไม่โดนห้าม
เห็นเธอยอมตกลงรับปากง่ายๆ แบบนั้นทำเอาหานซือฉีถึงกับขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อนอกเสียจากพูดทิ้งท้าย “เธอเองก็รีบพักผ่อนเข้าล่ะ”
จากนั้นเขาก็เดินออกไปเงียบๆ
ภายในใจของฝูเจิ้งเจิ้งนั้นกำลังยิ้มแก้มปริอยู่
อย่าคิดว่าฉันจะยอมเชื่อฟังนายนะ! ถ้ายอมง่ายๆ ก็ไม่ใช่ฝูเจิ้งเจิ้งน่ะสิ!
————————————————
มันเป็นวันที่มีแสงแดดและสายลมอันอบอุ่น
ณ ห้องโถง ภายในรีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยาง
ฝูเจิ้งเจิ้งชูคีย์การ์ดให้สวี่เหยียนก่อนจะพูดขึ้น “เอาของไปเก็บในห้องก่อนเถอะ”
“คุณฝู เชิญตามฉันมาได้เลยค่ะ” บริกรสาวก้มหัวให้ช้าๆ พร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินนำทางไปยังห้องที่พวกเธอได้จองไว้
สวี่เหยียนที่เห็นดังนั้นก็รีบคว้ากระเป๋าเดินทางและเดินตามพวกเขาไปติดๆ
ในตอนที่พวกเธอกำลังเดินไปตามทางเดิน หวานเจิ้งฮั่ว หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยก็กำลังเดินตรวจความเรียบร้อยบริเวณนั้นอยู่พร้อมกับวิทยุสื่อสารประจำตัว
เพราะฝูเจิ้งเจิ้งนั้นไม่ได้รู้จักเขา ดังนั้นเธอจึงแค่ยิ้มทักทายอย่างสุภาพและหันไปคุยเล่นสนุกสนานกับสวี่เหยียนต่อ
หลังจากที่เดินผ่านกันไปแล้ว หวานเจิ้งฮั่วก็หยิบภาพออกมาจากกระเป๋าของตน เขาพยายามเปรียบเทียบบุคคลที่อยู่ในภาพกับฝูเจิ้งเจิ้ง จากนั้นเขาก็รีบเดินกลับไปยังห้องโถงในทันที
บริกรสาวนำฝูเจิ้งเจิ้งและสวี่เหยียนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆ หนึ่ง แล้วพูดขึ้น “คุณฝูคะ นี่เป็นห้องสวีทค่ะ ส่วนอีก 2 ห้องจะเป็นห้องแบบธรรมดา”
“ขอบคุณค่ะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ” ทั้งสองฝ่ายยิ้มให้แก่กันก่อนที่บริกรสาวคนเดิมจะส่งบัตรบางอย่างให้ฝูเจิ้งเจิ้งเพิ่มเติม “อันนี้เป็นคูปองสำหรับรับประทานอาหารเย็นค่ะ คุณจูเตรียมไว้ให้คุณ ถ้ายังไงหากขาดเหลืออะไรก็เรียกฉันได้เลยนะคะ”
หลิงหลงนี่ช่างเป็นคนที่รอบคอบจริงๆ
ฝูเจิ้งเจิ้งอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชมจูหลิงหลงในใจขณะที่ขอบคุณบริกรตรงหน้าไปด้วย และในตอนที่เธอเปิดประตูห้องด้วยคีย์การ์ดนั้นเอง พวกเธอทั้งหมดก็ต้องตกตะลึง
“ว้าว~ ห้องนี้มันหรูหราสุดๆ ไปเลยนี่นา!” สวี่เหยียนละทิ้งทุกอย่างที่ลากมาตลอดทางแล้วพุ่งกระโจนลงไปบนเตียงนุ่มนั้นอย่างไม่รีรอ บรรยากาศที่หรูหราเกินกว่าที่คาดไว้นั้นมันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเสียงดัง
“เธอกลายเป็นลิงหลุดจากสวนสัตว์แทนฉันไปแล้วนะ” ฝูเจิ้งเจิ้งกลอกตามองสวี่เหยียน
“ฮึ่ม! อย่ามาพูดเหมือนว่าเธออยู่ในที่ที่หรูกว่าฉันนะ!” สวี่เหยียนกลอกตากลับไปมองฝูเจิ้งเจิ้งบ้าง “ใครกันนะที่เมื่อตอนที่มารีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางครั้งที่แล้วยังทำตัวเหมือนเป็นบ้านนอกเข้ากรุงอยู่เลยแท้ๆ!”
“พูดบ้าๆ น่า! รีบๆ ลุกขึ้นมาแต่งห้องได้แล้ว ไม่งั้นเธอจะมาโทษฉันไม่ได้นะถ้ามาด่วนจัดตอนเขาจะมาถึงแล้วบรรยากาศมันออกมาไม่ดีพอน่ะ!”
“โอ้ยยย เธอนี่น่ารำคาญจริงๆ พ-พูดอย่างกับว่าฉันจะมาสารภาพรักงั้นแหละ!” สวี่เหยียนแลบลิ้นใส่ฝูเจิ้งเจิ้ง แต่ใบหน้าของเธอก็แอบแดงขึ้นมาหน่อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดกระเป๋าที่แบกมาด้วย
ฝูเจิ้งเจิ้งมองเพื่อนสาวที่ในที่สุดก็ยอมลุกมาทำในสิ่งที่ควรทำเสียที เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะยิ้มให้และเดินไปมองนอกหน้าต่าง “เพื่อนของเธอ 2 คนจะอยู่ที่ห้อง 206 ส่วนฉันจะอยู่ที่ห้อง 208 กับฝูซิง ห้องสวีทนี้เตรียมไว้เพื่อเธอกับเสี่ยวอี้เฉิงสำหรับค่ำคืนอันบ้าระห่ำโดยเฉพาะเลยนะ”
“พ-พูดอะไรออกมาน่ะ!” สวี่เหยียนหน้าแดงมากกว่าเดิมและรีบเปลี่ยนเรื่อง “รีบๆ มาช่วยฉันจัดห้องเลย เธอยอมมาที่นี่เพราะอยากเดินเล่นไม่ใช่หรือไง?”
ได้ยินเช่นนั้น ฝูเจิ้งเจิ้งก็พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้แล้วเดินไปช่วยสวี่เหยียนจัดห้องด้วยอีกแรง
พักใหญ่ๆ ต่อมา ในที่สุดทั้งสองก็สามารถถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ขณะที่มองไปยังห้องที่ถูกจัดแต่งไว้จนสวยงามแล้ว สองสาวมองหน้ากันเองก่อนจะยิ้มให้แก่กัน
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดแนะกันแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็หยิบกระเป๋าของตนขึ้นมาและพูดทิ้งท้าย “ฉันจะไปรับฝูซิงก่อนนะ”
“โอเค เธอไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะไปรับเค้กที่สั่งทำไว้ เดี๋ยวตอนเย็นกลับมาเจอกันที่นี่เพื่อกินข้าวเย็นกันก่อน เพราะกว่าอี้เฉิงจะเลิกงานก็ทุ่มนึงนู่นแหละ”
หลังจากตกลงนัดแนะกันเรียบร้อย ฝูเจิ้งเจิ้งก็ออกจากรีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางไปและตรงไปยังโรงเรียนอนุบาลเสี่ยวหยางทันที
เธอคิดว่าวันนี้เธอจะมาเร็วแล้ว ทว่าที่โรงเรียนกลับมีเด็กเหลือน้อยกว่าที่คิดเยอะเลย
“ซิงซิง หม่ามี๊มารับแล้วนะ” หลี่เสี่ยวเมิ่ง ผู้ที่ยืนอยู่หน้าห้องหันมาเรียกฝูซิงเมื่อเห็นว่าฝูเจิ้งเจิ้งมาแล้ว
“หม่ามี๊ ทำไมหม่ามี๊มาช้าจัง? เพื่อนๆ ฝูซิงกลับไปจะหมดแล้วนะ” ฝูซิงบุ้ยปากไม่พอใจ
“ซิงซิงจ๊ะ งานของหม่ามี๊ซิงซิงน่ะมันยากมากเลยนะรู้ไหม? ซิงซิงต้องเข้าใจในตัวหม่ามี๊นะ” หลี่เสี่ยวเมิ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ และสอนให้เขามีความอดทนมากกว่านี้ จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้ฝูเจิ้งเจิ้งพลางพูด “พอเด็กๆ รู้ว่ากำลังจะถึงวันหยุด พวกเขาก็ไม่สนใจเรียนกันเลยค่ะ เพราะงั้นพวกเขาเลยบอกให้พ่อแม่ต่างรีบมารับกันตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่งั้นป่านนี้คงได้เห็นเด็กๆ อยู่เต็มโรงเรียนไปหมด”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณครูหลี่ แล้วก็ต้องขอโทษจริงๆ ที่ต้องคอยมารบกวนเรื่อยๆแบบนี้” ฝูเจิ้งเจิ้งรับตัวฝูซิงไปและยิ้มให้กับหลี่เสี่ยวเมิ่ง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเป็นครูนะคะ นี่เป็นงานของฉันอยู่แล้ว” หลี่เสี่ยวเมิ่งย่อตัวลงไปหาฝูซิง “ซิงซิง เธอเป็นเด็กที่ดีที่สุดในสายตาครูเลยนะจ๊ะ เพราะงั้นเธอต้องเชื่อฟังหม่ามี๊ รู้ไหม?”
“ครับ” ฝูซิงตอบด้วยเสียงที่สดใส เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสริม “คุณครูหลี่ครับ พรุ่งนี้เป็นวันคริสมาสต์ สุขสันต์วันคริสมาสต์นะครับ”
“ขอบคุณจ้ะซิงซิง เราเองก็สุขสันต์วันคริสมาสต์นะจ๊ะ” เธอจุ๊บหน้าผากของฝูซิงไปด้วยสีหน้ามีความสุข
เมื่อเห็นครอบครัวอื่นๆ เริ่มทยอยมารับเด็กๆ ที่เหลือแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็ให้ฝูซิงโบกมือลา หลี่เสี่ยวเมิ่งเองก็โบกมือลาทั้งสองด้วยรอยยิ้มเช่นกัน จากนั้นเธอจึงหันหน้าไปทักทายผู้ปกครองคนอื่นต่อ
หลังจากที่ออกมาจากประตูโรงเรียนแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็โบกแท็กซี่และกลับไปยังรีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางอีกครั้ง
“หม่ามี๊ พวกเราจะไปไหนกันเหรอ?” ฝูซิงรับรู้ได้ถึงเส้นทางที่แปลกออกไป เพราะงั้นแล้วเขาจึงถามขึ้นมา
“วันนี้เป็นวันเกิดลุงเสี่ยวน่ะจ้ะ หม่ามี๊เลยจะพาฝูซิงไปฉลองวันเกิดให้เขาด้วย”
“อ๋า?” ฝูซิงร้องเสียงหลงออกมา
“เป็นอะไรไปเหรอ?” ได้ยินเช่นนั้นฝูเจิ้งเจิ้งก็รู้สึกประหลาดใจและเป็นกังวลขึ้นมา
“วันเกิดลุงเสี่ยว แต่ฝูซิงยังไม่ได้เตรียมของขวัญเลย”
พอเขาพูดออกมา ฝูเจิ้งเจิ้งก็โล่งใจ “ลูกยังเป็นเด็ก ไม่มีของขวัญไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”
แต่เมื่อเห็นว่าเขายังดูกังวลอยู่ ฝูเจิ้งเจิ้งเลยคิดเพิ่มอีกครู่หนึ่งและพูดปลอบใจเขา “ลูกจะร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์หลายๆ รอบให้แทนของขวัญก็ได้นะ”
พลันเมื่อผู้เป็นแม่ชี้ทางสว่าง แววตาของฝูซิงก็เปล่งประกายอีกครั้ง จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นอย่างมั่นใจ “งั้นฝูซิงจะร้องเวอร์ชั่นภาษาจีนก่อน แล้วค่อยร้องเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนะ!”
หญิงสาวลูบหัวเด็กน้อยด้วยความรักและเอ็นดู อย่างน้อยๆ ก็ดูเหมือนเขาจะหายกังวลเรื่องนี้แล้ว
ลงจากรถได้ ฝูเจิ้งเจิ้งก็โทรหาสวี่เหยียนเพื่อบอกว่าเธอและลูกถึงรีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางกันแล้ว ทางด้านสวี่เหยียนนั้นยังติดธุระอยู่นิดหน่อยอาจจะมาช้า และเมื่อมองเวลาแล้วตอนนี้มันก็ยังมีเวลาเหลือเยอะอยู่จนกว่าจะถึงเวลาที่นัดหมายกัน ดังนั้นแล้วฝูเจิ้งเจิ้งจึงพาฝูซิงไปเล่นที่สนามเด็กเล่นเล็กๆ ใกล้ๆ กับบ้านเก่าหลังนั้นไปก่อน
ทั้งๆ ที่เวลานี้มันก็เย็นแล้วแท้ๆ แต่แสงแดดก็ยังคงส่องสว่างราวกับเป็นตอนบ่าย และด้วยความที่วันนี้ไม่มีลม ดังนั้นอากาศเลยไม่ได้หนาวเย็นจนไม่สามารถออกมาด้านนอกได้
ฝูซิงสไลด์ลงมาจากสไลเดอร์พร้อมส่งเสียงเจื้อยแจ้ว “หม่ามี๊ ที่นี่สวยมากเลย! แถมมีอะไรให้เล่นเยอะแยะเลยด้วย”
“ใช่ไหมล่ะ” ฝูเจิ้งเจิ้งยืนพูดคล้อยตามฝูซิงอยู่ข้างๆ สไลเดอร์ แต่ว่าสายตาของเธอนั้นกลับจับจ้องไปยังบ้านหลังเก่าที่อยู่ในระยะสายตา
ทั้งประตูและหน้าต่างของบ้านหลังนั้นยังคงปิดสนิท มันเหมือนกับคนแก่ที่อยู่อย่างไร้ชีวิตชีวาภายใต้วันคืนที่หมุนผ่านไปเรื่อยๆ
ฝูเจิ้งเจิ้งยิ้มน้อยๆ ขณะที่มือก็สัมผัสกระเป๋าตนเองเบาๆ ต่อให้ทั้งประตูและหน้าต่างจะปิดสนิท ยังไงซะวันนี้เธอก็เตรียมตัวมาพร้อมแล้ว
แม้วันก่อนๆ จะล้มเหลวตลอด แต่อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้เธอได้คุ้นเคยกับบ้านหลังนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และเพราะบ้านหลังนี้ไม่มีสัญญาณกันขโมยใดๆ ถูกติดตั้งไว้ ดังนั้นต่อให้เธองัดแงะหน้าต่างซักนิดซักหน่อย มันก็คงไม่มีใครมาเจออยู่แล้ว
“สวัสดีครับคุณตำรวจ!” ฝูซิงร้องเสียงดังขึ้นมาจนทำเอาฝูเจิ้งเจิ้งสะดุ้งไปด้วย เธอรีบหันไปตามทิศทางที่ฝูซิงเอ่ยทักทาย ชัดเจน ตรงปลายทางนั้นมีจีหมู่เซี่ยน กำลังยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก ฝูซิงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบสไลด์ลงไปและวิ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยยกมือขึ้นจรดหางคิ้วเพื่อทำความเคารพเมื่อไปถึงตรงหน้าอีกฝ่ายแล้ว “สวัสดีครับ!”
“โอ้ สวัสดีซิงซิง” จีหมู่เซี่ยนเองก็ทำท่าเดียวกัน “สวัสดี!”
ทำไมเธอถึงเจอจีหมู่เซี่ยนในทุกๆ ครั้งที่มาที่นี่นะ?
ถึงจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นยิ้มสดใสให้เขาเพื่อกลบเกลื่อน
ฝูซิงดูเหมือนจะชื่นชอบจีหมู่เซี่ยนมากๆ หลังจากที่เขาทำความเคารพเสร็จแล้ว เขาก็คว้ามือของจีหมู่เซี่ยนเอาไว้พร้อมพูดคุย “คุณตำรวจ ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตำรวจให้ฝูซิงฟังหน่อยได้ไหมครับ?”
“ไม่เอาน่าฝูซิง คุณตำรวจเขายุ่งอยู่นะ!” ฝูเจิ้งเจิ้งรีบหยุดลูกชายของตนไว้ก่อน
ทว่าจีหมู่เซี่ยนกลับไม่ได้ปฏิเสธ เขาย่อตัวลงและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนควบคู่ไปกับรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้ยุ่งอะไรอยู่แล้ว เอาล่ะซิงซิง อยากจะให้น้าเล่าเรื่องอะไรให้เธอฟังดี?”
รอยยิ้มที่ดูเป็นกันเองนั้นเป็นอะไรที่ดูเหมือนจะหายากมากๆ สำหรับคนอย่างจีหมู่เซี่ยน เอาจริงๆ แค่รอยยิ้มปกติฝูเจิ้งเจิ้งก็คิดว่าหาชมได้ยากแล้วแท้ๆ
เจ้าตัวเล็กของเธอดูจะชอบใจขึ้นไปอีก เขาปรบมือและแสดงออกให้เห็นเลยว่าดีใจขนาดไหน “ตำรวจกับขโมยครับ!”
เมื่อเห็นว่าฝูซิงคงจะไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจจริงๆ ฝูเจิ้งเจิ้งจึงรีบเดินเข้าไปคว้าตัวฝูซิงเอาไว้ข้างๆ ก่อนจะมองจีหมู่เซี่ยนด้วยความอึดอัดใจเล็กน้อย “คุณจีคะ ฝูซิงแกยังเด็ก ถ้ายังไงอย่าถือสาเลยนะคะ”
เธอเดาไม่ออกจริงๆ ว่าจีหมู่เซี่ยนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สำหรับเธอ พยายามพาทั้งตัวเองและลูกอยู่ห่างจากเขาคงจะดีเสียกว่า
“หม่ามี๊ แต่ฝูซิงอยากฟังนี่นา…โอ้ย!” แม้จะอ้อนวอน แต่ฝูเจิ้งเจิ้งก็พยายามปรามเขาไว้ด้วยการตบหลังหัวเบาๆ
จีหมู่เซี่ยนมองสองแม่ลูกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ไม่เป็นไรๆ ผมว่างจริงๆ”
เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหาฝูเจิ้งเจิ้งและอุ้มฝูซิงขึ้นมาก่อนจะเดินไปยังม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆ แถวนั้น “เอาล่ะ มานั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวน้าจะค่อยๆ เล่าเรื่องให้ฟัง”
“เยี่ยมไปเลย!” ฝูซิงกอดคอจีหมู่เซี่ยนเอาไว้ก่อนจะหอมแก้มเขาซ้ายทีขวาทีจนเกิดเป็นเสียงดังขึ้นมา
“พาเด็กที่ไหนมาน่ะลูก?” ทันใดนั้นเอง เสียงของหญิงสาวที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังฝูเจิ้งเจิ้ง
ทันทีที่ฝูเจิ้งเจิ้งหันกลับไปมอง เธอก็จำหญิงเจ้าของเสียงได้อย่างรวดเร็ว เธอคนนี้คือ จีหยาฉู แม่ของจีหมู่เซี่ยนที่เคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง
แถมเธอยังจำได้อีกด้วยว่า จีหยาฉูยังเคยเกือบจะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นแฟนของจีหมู่เซี่ยนอีกด้วย รู้สึกเขินขึ้นมาเลย
“สวัสดีค่ะ คุณนาย เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันเอง ชื่อ ฝูซิง ค่ะ” ฝูเจิ้งเจิ้งชิงตอบก่อน
คราวนี้หากอีกฝ่ายเห็นว่าเธอมีลูกแล้ว ความเข้าใจผิดนี้จะได้หายๆ ไปเสียที
“ถ้าฉันจำไม่ผิด เธอคือ เจิ้งเจิ้ง สินะจ๊ะ?”
“ใช่แล้วค่ะ” แววตาที่ดูเหมือนกำลังซักถามฝูเจิ้งเจิ้งของจีหยาฉูนั้นทำเอาเธอแอบกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะงั้นเลยทวนชื่อตัวเองซ้ำอีกครั้ง “ฉันชื่อ ฝูเจิ้งเจิ้ง และเด็กคนนี้เป็นลูกชายของฉัน ชื่อฝูซิงค่ะ”
จีหมู่เซี่ยนวางฝูซิงลงไป เขาขมวดคิ้วมองจีหยาฉูก่อนจะพูด “คุณแม่ ยังไม่กลับไปอีกเหรอครับ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
“เพราะแม่โชคดีที่ได้มาอยู่ที่นี่ไง ไม่งั้นแล้วคงได้พลาดอะไรไปแน่ๆ!” จีหยาฉูดูจะตื่นเต้นมากๆ เธอรีบเดินไปหาฝูซิงและปรบมือเรียกด้วยน้ำเสียง ‘เป็นกันเอง’ “ฝูซิง…ซิงซิง มาทางนี้เร้ว มาหาย่ามา ขอย่ากอดหน่อยได้ไหม?”
“สวัสดีครับ คุณย่า” ฝูซิงไม่เขินอายที่จะวิ่งเข้าหาตามการเรียกร้อง นอกจากนั้นเขายังอ้าแขนกว้างแล้วโผเข้ากอดจีหยาฉูอีกด้วย
“โอ้ เด็กน้อยของย่า” จีหยาฉูกอดฝูซิงเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองขณะที่มองเด็กน้อยในอ้อมกอดด้วยความชื่นชอบอีกด้วย ความตื่นเต้นที่ปรากฏออกมาให้เห็นของเธอนั้นมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าทันใดนั้นเอง สีหน้าของหญิงวัยกลางคนผู้นี้ก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงและหันไปดุจีหมู่เซี่ยน “ลูกนี่ใช้ไม่ได้จริงๆ! ลูกก็รู้อยู่แล้วว่าแม่น่ะอยากจะมีหลานขนาดไหน แต่ก็ไม่ยอมบอกอะไรแม่เลย ทำแบบนี้ตั้งใจจะยั่วโมโหแม่ใช่ไหม หือ?”
เดี๋ยวก่อนนะ? ใครเป็นหลานคุณนายกันคะ?
————————————————————————————————————-
คุยกับผู้แปล
มาได้ถูกจังหวะกันจริงจริ๊ง!