ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 86 เธอกังวลว่าต้องตั้งท้องลูกของฉันหรือไง
บทที่ 86 เธอกังวลว่าต้องตั้งท้องลูกของฉันหรือไง?
ฝูเจิ้งเจิ้งพยายามหลบจากใบหน้าหล่อร้าย ทว่าความรู้สึกเจ็บปวดเกิดขึ้นที่ริมฝีปากเธอ นั่นก็เพราะหานซือฉีกัดริมฝีปากของเธอเอาไว้!
“ฮึ่ม!” เธอพยายามจะขัดขืน แต่ยิ่งต่อต้านริมฝีปากของเธอมันก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น ในท้ายที่สุดก็ต้องยอมหยุดนิ่งไป หญิงสาวทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจแทน
หานซือฉีดูจะพึงพอใจที่เธอยอมเชื่อฟังเช่นนี้ สังเกตได้จากแรงกัดที่ลดลงไปอย่างมาก มือข้างที่ยังว่างเชยคางของเธอขึ้นเบาๆ จากนั้นการกัดที่รุนแรงก่อนหน้าก็กลายเป็นจูบที่อ่อนละมุนบนริมฝีปากบางเท่านั้น
ความอ่อนโยนที่เขามอบให้ก็พลอยทำหัวใจของฝูเจิ้งเจิ้งเองก็อ่อนไหวไปด้วย สมองของเธอมันไม่สั่งอะไรแล้วแม้ว่ามือที่ถูกรัดกุมไว้ในตอนแรกจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว แต่ก็เหมือนไร้แรงที่จะผลักไสเขาออกไป
มีเหรอที่หานซือฉีจะไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้? ดวงตาที่โค้งมนนั้นกำลังยิ้มน้อยๆ อยู่ภายใน จากนั้นเขาจึงเคลื่อนริมฝีปากของตนขึ้นไปที่เหนือดวงตาของเธอ
เมื่อรู้สึกได้ว่าเปลือกตาของตนถูกประทับจูบลงมาเบาๆ ฝูเจิ้งเจิ้งที่หลับตาพริ้มอยู่ตลอด เธอเห็นเพียงแค่ความมืดมิดที่เข้าปกคลุม หากแต่ภายในความมืดมิดนั้นมันก็มีความอบอุ่นซ่อนอยู่ ริมฝีปากอบอุ่นของเขาค่อยๆ ไล้คลอเคลียลงมาที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง เขาบรรจงกดจูบลงไปอย่างอ่อนโยน ช่างหวานล้ำและร้อนแรงในคราเดียวกัน จนร่างบางอดไม่ได้ที่จะร้องครวญออกมาเบาๆ
“กอดฉันเอาไว้สิ” หานซือฉีกระซิบด้วยเสียงที่แหบพร่าของเขา
แม้มันจะเป็นถ้อยคำที่เอาแต่ใจ แต่เพียงแค่ได้ยินก็ชุ่มชื่นไปทั้งหัวใจ ความรู้สึกนี้ราวกับว่าเธอได้ย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ที่เจี่ยเย่ฮัวหยวนเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เลย วันที่เธอนั้นกอดหลังของเขาเอาไว้แน่นพร้อมกับความสุขสมในปรารถนาที่เอ่อล้นอยู่ในใจ
แต่แล้วในตอนนั้นเอง ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายแบบกะทันหันก็ทำเอาฝูเจิ้งเจิ้งถึงกับชะงัก!
หานซือฉีที่กำลังแอบยิ้มอยู่และเตรียมจะรุดหน้าสู่ขั้นต่อไปก็โดนฝูเจิ้งเจิ้งตะโกนห้ามออกมาเสียงดัง “ย-หยุดก่อน!?”
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาหยุดชะงักไปทันทีโดยที่มือยังค้างอยู่ที่เอวบางของเธอเมื่อเห็นว่าสาวตรงหน้าตนนั้นดูจะผิดปกติไป
สีหน้าของฝูเจิ้งเจิ้งดูจะสับสนกับความรู้สึกของตนเองมากๆ เธอรีบผลักหานซือฉีออกไปก่อนจะขดตัวกอดตัวเองไว้ ไม่กล้าขยับออกไปไหน
“เป็นอะไรไปบอกฉันสิ!” หานซือฉีรีบคุกเข่าลงไปข้างๆ เธอพร้อมกับจับมือเธอไว้ขณะถามด้วยความกังวลด้วย
“ฉ-ฉ- เอ่อ—” ฝูเจิ้งเจิ้งบ่นพึมพำ
ด้วยความร้อนใจ เขาจึงเค้นถามเธออีกครั้ง “เธอทำไม พูดออกมา!”
“อ-ไอ้นั่นมันมา…” ฝูเจิ้งเจิ้งเปลี่ยนจากความสับสนเป็นเขินอาย เธอรู้สึกเลยว่าถ้าจะให้พูดเรื่องนี้ สู้เอาเธอไปฝังดินเลยจะยังดีเสียกว่า
“อะไรมา?”
“อ-ไอ้ที่จะมาหาผู้หญิงทุกๆ เดือนอ่ะ! อือออออออ นายมี…”
แม้ตอนแรกเขาจะไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร แต่จากท่าทีต่างๆ ที่เธอแสดงให้เห็น ดูเหมือนว่าตอนนี้จะพอเข้าใจขึ้นมาแล้ว รวมถึงเข้าใจด้วยว่าเธอต้องการอะไร เขาจึงตอบไปในทันที “ไม่มี”
ปกติก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ เพราะงั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะมีข้าวของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิงอยู่ที่นี่
“เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อให้เอง” แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่หานซือฉีก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมาเหมือนกัน
เขารีบออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วหลังพูดเสร็จ
“เดี๋ยวก่อนสิ!” ฝูเจิ้งเจิ้งนั้นอยากจะบอกว่าเดี๋ยวเธอไปซื้อเอง แต่ทันทีที่เธอขยับร่างกายของเธอ สิ่งที่อยู่ภายในตัวก็คอยย้ำเตือนให้เธอนอนนิ่งๆเสียจะดีกว่า
แปลก! นี่มันเพิ่งช่วง 10 วันแรกของเดือนเองนะ ทำไมจู่ๆ ประจำเดือนถึงมาได้ล่ะ?
ตามปกติแล้วประจำเดือนของเธอต้องมาช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนแท้ๆ แถมยังไม่เคยเจ็บหนักขนาดนี้ด้วย!
เป็นไปได้ไหมนะว่าเป็นเพราะใช้ยาคุมตอนที่นอนกับหานซือฉีน่ะ? นี่เป็นการลงโทษที่เธอคิดไขว่คว้าหาความสุขเพียงชั่วคราวงั้นเหรอ?
เหอะ สมควรแล้วยัยโง่! ทำไมเธอถึงไม่ยอมรักษาความบริสุทธ์ไว้ฮะ!
พอคิดแบบนั้นเธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมากับการกระทำในวันวานเสียแล้ว
10 นาทีให้หลัง หานซือฉีก็กลับมาพร้อมกับถุงสีดำใบใหญ่
ฝูเจิ้งเจิ้งมองไปยังถุงสีดำที่ว่านั่นด้วยดวงตาที่กลมโต อย่าบอกนะว่าทั้งถุงนั่นผ้าอนามัยหมดเลย?
เขาพูดขึ้นมาราวกับรู้ว่าเจ้าหล่อนกำลังสงสัยด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นธรรมชาติซักเท่าไหร่ “ฉันไม่รู้ว่าปกติเธอใช้แบบไหน…แถมมันก็มีเยอะมาก ฉันก็เลยซื้อมาทุกแบบเลย…”
พูดจบเขาก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าพร้อมหยิบชุดนอนผู้ชายออกมาให้เธอด้วย
“ในถุงนั้นมีชุดชั้นในด้วย ส่วนชุดนอนก็ใช้พวกนี้ไปก่อน เดี๋ยวหลิงหลงจะเอาชุดที่เธอน่าจะใส่ได้มาให้ทีหลัง”
แม้จะยังเขินอายอยู่ แต่ฝูเจิ้งเจิ้งก็หยิบชุดนอนและถุงดำก่อนจะเดินกะเผลกเข้าไปในห้องน้ำ แต่เมื่อลุกขึ้นมา เธอก็เห็นคราบสีแดงสดที่เลอะผ้าปูเตียงสีขาวอยู่ ใบหน้านวลสวยแดงก่ำขึ้นมาทันทีจนเธอลืมความเจ็บปวดที่ขาแล้วรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปในทันที ไม่กล้าแม้แต่มองหน้าหานซือฉีเสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่ออกมาแล้ว เธอก็เห็นว่าหานซือฉีนั้นกำลังเปลี่ยนผ้าปูเตียงให้อยู่ เธอยืนมองเขาจากที่ประตูด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจซักเท่าไหร่ หญิงสาวก้มหน้าก้มตาขณะอธิบายสิ่งที่เธอรู้สึกด้วยเสียงต่ำ “วันนี้มันแปลก…มันไม่เหมือนที่เคยเป็นมาก่อน”
ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ละสายตาจากผ้าปูเตียงแล้วเดินมาหาเธอในทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันไม่รู้…” เธออายที่จะมองหน้าเขา
หานซือฉีไม่สนใจที่จะกลับไปปูเตียงต่อแล้ว เขารีบอุ้มเธอขึ้นมา
“น-นายจะทำอะไรน่ะ?”
“ไปโรงพยาบาล!”
“ม-มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น! ฉันไม่ได้กำลังจะตายซักหน่อย!”
“เงียบ!”
และแล้วหานซือฉีก็พาเธอไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
————————-
ระหว่างทางกลับจากโรงพยาบาล หานซือฉีนั่งเงียบมาตลอดทาง
เมื่อพาฝูเจิ้งเจิ้งไปส่งที่เตียงเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเอ่ยถามกับเธอ “ฝูเจิ้งเจิ้ง เธอกลัวว่าจะต้องตั้งท้องลูกของฉันหรือไง? เธอไม่อยากจะท้องจนต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเลยงั้นเหรอ?”
ภายในโรงพยาบาลนั้น เมื่อตอนที่พวกเขาไปพบกับแพทย์อาวุโส หลังจากที่ถามรายละเอียดต่างๆแล้ว แพทย์ก็ได้ให้ข้อสรุปเกี่ยวกับการที่ประจำเดือนของฝูเจิ้งเจิ้งมาไม่ปกติไว้ว่าเกิดจากการใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างต่อเนื่องของเธอเอง
ฝูเจิ้งเจิ้งที่โดนถามออกมาเช่นนั้น เธอจึงบอกกับเขาไปทันที “ใช่! ฉันกลัว! กลัวว่านายจะไม่มีความรับผิดชอบ!”
สีหน้าที่ดูมืดมนของหานซือฉีเปลี่ยนเป็นซีดขาว เขาเงียบไปสักพักก่อนจะพูด “แล้วทำไมเธอไม่กลัวว่าเหนียนซี่นั่นจะไม่รับผิดชอบเธอเมื่อครั้งนั้นบ้างล่ะ!”
“เหนียนซี่?” ฝูเจิ้งเจิ้งงุนงง ทำไมเป็นคนขี้อิจฉาแบบนี้น่ะ?
เธอเข้าใจว่าหานซือฉีน่ะจำเรื่องราวช่วงนั้นไม่ได้ เพราะงั้นสำหรับเขา เหนียนซี่ก็เหมือนเป็นอีกคนที่เขาไม่รู้จัก
โอเค ในเมื่อนายอยากจะหึงหวงฉันจากตัวนายเองซะขนาดนั้น ฉันก็จะทำให้นายคลั่งตายด้วยความหึงหวงมากกว่าเดิมอีก!
หญิงสาวเหลือบมองหานซือฉีก่อนจะพูดเชิงต่อว่า “ทำไมถึงกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับเหนียนซี่น่ะ? เขาน่ะพยายามปกป้องฉันสุดตัวเลยนะ แถมเขายังใส่ใจและห่วงใยฉันแค่คนเดียวด้วย แล้วนายล่ะ มีอะไรเหมือนบ้าง?”
คำพูดจี้ใจดำของฝูเจิ้งเจิ้งนั้นทิ่มแทงเข้าหัวใจเขาเต็มๆ เขาไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เว้นซะจากออกคำสั่งเธอด้วยเสียงที่แน่นหนัก “ฝูเจิ้งเจิ้ง ต่อจากนี้ห้ามใช้ยานั่นอีก!”
“ฉันจะใช้! ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!” เธอเถียงกลับอย่างรวดเร็ว
“ครั้งหน้าฉันจะทำเอง!”
“ทำอะไร?” คำพูดนั่นของเขามันน่าสงสัยจัง
“ฉันจะป้องกันเอง”
ความสงสัยของเธอถูกสลายไปในทันที แก้มนวลเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกรอบด้วยความเขินอายระคนความโกรธ เธอตะคอกใส่เขาทันที “ออกไป๊!”
“ออกไปไหน? ไปที่เตียงของเธอเหรอ? ไม่ได้นะ สภาพแบบนี้จะให้ขึ้นเตียงด้วยก็คงไม่ไหวมั้ง”
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าอาการของคนที่กระอักเลือดตายเพราะความโกรธมันเป็นอย่างไร เธออยากจะตะโกนไล่เขาอีกครั้งทว่าความเจ็บปวดจากบริเวณท้องน้อยมันก็ทำให้เธอต้องเงียบปากลงและกุมท้องไว้ในทันที
“เป็นอะไรไป?” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“จู่ๆ ก็ปวดท้อง…อย่ามารบกวนฉัน…” เธอตอบก่อนจะค่อยๆ เอนตัวนอนลงไป
“โอเค งั้นพักผ่อนก่อน” หานซือฉียอมเข้าใจและช่วยพยุงเธอลงไปนอนก่อนจะเดินออกไป
ฝูเจิ้งเจิ้งค่อยๆ หลับตาลง เพียงไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียและเรื่องที่ยังคงหวนให้คิดหาคำตอบอยู่เรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เธอน่ะรังเกียจเขา เพราะเขาชอบแกล้งเธอด้วยวิธีลามกต่างๆ นาๆ แต่ในตอนนี้ทั้งเธอและเขา กลับกำลังอยู่ร่วมกันภายใต้บรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป
มันน่าแปลกใจที่ทำไมเธอถึงไม่ได้รู้สึกโกรธในขณะที่การทะเลาะกันก่อนหน้านั้นมันกลายเป็นความลุ่มหลงซึ่งกันและกันไปชั่วขณะ
———————————————
หานซือฉีกลับมาหาเธออีกครั้งพร้อมแก้วที่ถูกรินชาร้อนเอาไว้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ชาร้อนอาจจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น”
ฝูเจิ้งเจิ้งกลอกตามามองเขาก่อนจะพูด “ผู้หญิงควรจะดื่มชาขิงในเวลาแบบนี้ เข้าใจนะ?”
“อะไรคือชาขิง?” ในตอนที่หานซือฉีถามออกไปนั้นเอง กริ่งประตูก็ดังขึ้น เขาจึงรีบเดินไปเปิดประตูทันที
ไม่นานนักหลังจากนั้น เขาก็กลับมาพร้อมกับถุงมากมาย “เสื้อผ้าของเธอมาแล้ว”
“คุณหลิงหลงมาแล้วเหรอ?” ฝูเจิ้งเจิ้งลุกขึ้นมานั่ง
“ไปแล้ว”
“ทำไมรีบจัง?”
“ไปซื้อชาขิง”
“นี่นายใช้คุณหลิงหลงเป็นคนรับใช้เลยเนี่ยนะ?”
“ก็แค่ครั้งคราว” หานซือฉีตอบไปอย่างเถรตรง แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกเธอเรื่องที่ตามปกติจูหลิงหลงก็ใช้เขาเหมือนคนใช้อยู่แล้ว
หันมองไปนอกหน้าต่าง ฝูเจิ้งเจิ้งก็เห็นว่าด้านนอกนั้นเริ่มจะมืดแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก
ตามปกติเวลานี้ ฝูซิงจะต้องนั่งทานข้าวเย็นอยู่กับเธอแล้ว จากนั้นเขาก็จะขอให้เธอเล่าเรื่องต่างๆ มากมายให้ฟังหลังจากที่ทานข้าวด้วยกันเสร็จ พร้อมกับโดนถามด้วยคำถามแปลกๆ มากมายซึ่งแม้บ่อยครั้งเธอจะเป็นฝ่ายบอกว่าเขาพูดมาก ขี้สงสัย แต่ในใจลึกๆ เธอก็มีความสุขที่มีฝูซิงคอยอยู่ข้างๆเช่นนั้น
ในตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าฝูซิงเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือกลัวว่าเขาจะทำตัวไม่ดีหรือไม่ก็อาจจะไม่ชินเมื่อไม่มีเธออยู่ใกล้ๆ
หานซือฉี!
เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาที่พยายามพรากพวกเธอออกจากกัน!
เธอต้องรีบๆ รักษาขาให้หายไวๆ และหาโอกาสพาฝูซิงหนีออกไปให้ได้!
จ้องมองมายังหญิงสาวที่นั่งเงียบไปแบบผิดธรรมชาติ หานซือฉีก็เดาได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไร กำลังคิดจะหนีออกจากเมือง B พร้อมกับฝูซิงเพื่อที่จะไปอยู่กับชายอื่นสินะ?
ฝันไปเถอะ!
สิ่งเดียวที่เธอเป็นได้ก็คือผู้หญิงของเขาเท่านั้น! และคนเดียวที่ฝูซิงจะเรียกว่าป๊ะป๋าได้ก็คือ เขา!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา จูหลิงหลงก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับแม่บ้านและอาหารติดไม้ติดมือ ทั้งสามร่วมทานอาหารด้วยกันและหานซือฉีก็ออกไปหลังจากที่รับโทรศัพท์จากหานซือเซียน
จูหลิงหลงนำเสื้อผ้าที่สกปรกไปให้แม่บ้านก่อนจะหันกลับมาคุยกับฝูเจิ้งเจิ้ง พักใหญ่ๆ ต่อจากนั้นฝูเจิ้งเจิ้งก็บอกอีกฝ่ายว่าตนง่วงแล้ว และจะขอนอนเร็วหน่อย
ทว่าทั้งคืนนั้นฝูเจิ้งเจิ้งไม่สามารถหลับสนิทได้เลย เพราะเธอถูกฝันร้ายรบกวนอยู่ตลอด ภาพของหยางเต๋าที่เข้ามาต่อว่าเธอ และภาพของฝูซิงที่ถูกเฉียวเค่อเหรินกลั่นแกล้งเหล่านี้ปลุกเธอให้ตื่นกลางดึกอยู่หลายครั้งหลายครา จนแม้แต่จูหลิงหลงก็ยังแอบกังวลไปกับเธอด้วย
“เจิ้งเจิ้ง ไม่ต้องกังวลเรื่องซิงซิงนะ เขาสบายดี” จูหลิงหลงเข้าไปปลอบเธอเพราะคิดว่าอีกฝ่ายต้องกำลังกังวลเรื่องนี้แน่ๆ
แต่ฝูเจิ้งเจิ้งก็ส่ายหน้าและยิ้มออกมาเพื่อบอกว่าเธอสบายดี
พอมานึกๆ ย้อนดูแล้ว ตั้งแต่ที่เธอมาพบหานซือฉีที่เมือง B นั้น ทั้งความคิดความอ่านรวมถึงการตอบสนองต่างก็พากันถดถอยลงไปอย่างมาก นี่ยังไม่รวมถึงความอดทนที่แทบจะไม่เหลือแล้วด้วย
มันเป็นอย่างที่หมินจงจู่พูดไว้จริงๆ หานซือฉีน่ะคือยาพิษ!
หลังจากที่ได้นอนต่อไปอีกซักครู่หนึ่ง พระอาทิตย์ยามเช้าก็ส่องแสงผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา แม้จะง่วงแต่ฝูเจิ้งเจิ้งก็ไม่ใช่พวกนอนหลับได้ง่ายๆ เมื่อเห็นดวงอาทิตย์อยู่แล้ว เพราะงั้นเธอจึงจัดเสื้อผ้าให้ดีแล้วลุกขึ้นมานั่ง ซึ่งจูหลิงหลงที่อยู่ใกล้ๆ เองก็รีบลุกขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“คุณหลิงหลงคะ คุณไม่ต้องไปทำงานวันนี้เหรอ? ฉันเห็นจากวันนั้นคุณดูจะยุ่งมากๆ เพราะงั้นอย่ามาเสียเวลาอยู่กับฉันเลยค่ะ” ขณะที่กำลังรับประทานข้าวเช้าด้วยกัน ฝูเจิ้งเจิ้งก็พูดขึ้นมา
“ช่วงนี้ฉันไม่ได้ยุ่งอะไรอยู่แล้วน่ะ” จูหลิงหลงตอบด้วยรอยยิ้ม
“จริงๆ ฉันก็แค่ขาพลิกเอง มันไม่ได้เป็นอะไรมากอยู่แล้ว เพราะงั้นคุณหลิงหลงกลับไปทำอะไรที่อยากทำจะดีกว่านะคะ ยังไงซะฉันก็มีแม่บ้านคอยดูแลอยู่แล้วด้วย”
จูหลิงหลงหันไปมองแม่บ้านที่เธอพามาซึ่งในตอนนี้ก็ยืนอยู่ไม่ห่างตัวฝูเจิ้งเจิ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ “ถ้างั้นก็ได้ งั้นไว้เจอกันตอนเย็นนะ”
จากนั้นจูหลิงหลงก็ลุกขึ้น ฝูเจิ้งเจิ้งเองก็ลุกขึ้นด้วยเช่นกัน “งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งด้านหน้าก็แล้วกันค่ะ”
“เอ้อ เห็นเธอซ่าแบบนี้ เอานี่ไว้ใช้สิ” จูหลิงหลงมองท่าทีของฝูเจิ้งเจิ้งก่อนจะส่งไม้ค้ำยันให้
“ฉันดูเหมือนคนที่ต้องใช้มันเหรอคะ?” คนที่ถือว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าใครอย่างฝูเจิ้งเจิ้งนั้นมองไม้ค้ำยันโดยที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“แน่นอน! เกิดเธอเผลอล้มระหว่างที่ฉันไม่อยู่จะทำยังไง? ซือฉีได้มาบ่นฉันหูชาพอดี!”
ในที่สุดไม้ค้ำยันนั้นก็ถูกยัดเยียดให้ฝูเจิ้งเจิ้งใช้จนได้ นอกจากนั้นจูหลิงหลงยังพาฝูเจิ้งเจิ้งเดินไปส่งตนที่หน้าประตูเพื่อเป็นการฝึกให้ชินกับไม้ค้ำนั้นด้วย
เมื่อได้ออกมาเห็นดวงอาทิตย์ที่อบอุ่น ฝูเจิ้งเจิ้งก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าจูหลิงหลงกลับไปแล้ว เธอก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา ดังนั้นแล้วฝูเจิ้งเจิ้งจึงค่อยๆ ลงมาเดินตามทางเดินที่ทอดยาวไปตามไร่องุ่น
วันนี้หานซือฉียังไม่กลับมาเลยหลังจากที่จากไปเมื่อคืน เขาจะถูกคนในครอบครัวต่อว่าอยู่หรือเปล่านะ? หรือว่ากำลังอยู่กับเฉียวเค่อเหริน?
เธอทั้งไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากจะรู้คำตอบของคำถามนี้ด้วย
“ลูกรัก ช้าลงหน่อย!” ทันใดนั้น เสียงของชายคนหนึ่งก็มาไล่เธอออกจากโลกส่วนตัว
ยามเมื่อหันกลับไปมองตามเสียง เธอก็พบว่าเด็กสาวคนหนึ่ง อายุราวๆ 3-4 ปีกำลังวิ่งตรงมาทางเธอ ที่ด้านหลังของเธอคนนี้มีชายวัยกลางคนพร้อมกับสุนัขตัวใหญ่กำลังวิ่งตามมาติดๆ
เด็กสาวคนนั้นเกิดลื่นขึ้นมาขณะที่กำลังจะวิ่งผ่านฝูเจิ้งเจิ้งไป ด้วยความตกใจ เธอรีบวางไม้เท้าลงและก้มตัวลงไปช่วยพยุงเด็กสาวขึ้นมาทันที
ชายผู้ที่วิ่งตามเด็กคนนี้มากล่าวขอบคุณแก่ฝูเจิ้งเจิ้งที่ได้ช่วยลูกสาวเขาเอาไว้ แต่แล้วในตอนนั้นเอง สุนัขตัวใหญ่ที่ตามมาด้วยก็เห่าแล้วกระโจนเข้าใส่เธอด้วยความดุร้ายทันที…
————————————————————————————————–
คุยกับผู้แปล
เบญจเพสแหละ… ไม่งั้นไม่น่าจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้…