ลูกซื้อพ่อให้แม่ - บทที่ 99 พวกเราเป็นคู่รักที่รักกันดี
บทที่ 99 พวกเราเป็นคู่รักที่รักกันดี
ใครกันน่ะ? ทำไมไม่กดกริ่งหน้าประตู!
ฝูเจิ้งเจิ้งลุกขึ้นด้วยความกังวล เมื่อเธอเดินออกไปเตรียมจะไปเปิดประตู เธอก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังมาจากด้านนอกแบบไม่ชัดเจนนัก มันแอบทำให้เธอกังวลใจไม่น้อยเลยว่าอาจจะเป็นเฉียวเค่อเหรินที่มาพร้อมกับคนจำนวนมากเพื่อมากล่าวหาว่าเธอเป็นชู้กับสามีชาวบ้านอะไรเทือกนี้
พระเจ้า!
คิดดังนั้นฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าหานซือฉีกำลังแต่งตัวอย่างเอื่อยเฉื่อย เธอก็ขึ้นเสียงใส่ด้วยความโมโห “มันเป็นความผิดของนาย! ตอนนี้ผู้หญิงของนายน่ะบุกมาหาถึงหน้าห้องแล้ว! ถ้าเกิดฉันต้องมารับเคราะห์อะไรทั้งๆ ที่ฉันไม่ผิดแบบนี้ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
พูดจบเธอก็คว้าชุดเสื้อผ้าที่เรียบร้อยกว่าชุดนอน แล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที ยิ่งได้ยินเสียงเคาะประตูนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน ความเครียดก็ิ่งก่อตัวขึ้นภายในหัวของหญิงสาวมากยิ่งขึ้น “ขอเตือนเลยนะว่าอย่าเพิ่งเปิดประตูโดยที่ฉันยังแต่งตัวไม่เสร็จ!”
ทันทีที่แต่งตัวเสร็จ ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบออกมาจากห้องน้ำและสวมรองเท้าที่เคลื่อนที่สะดวกๆ เอาไว้ ด้วยความเคยชินกับเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ที่มักจะเกิดขึ้นได้ตลอด เธอรีบกลับไปหลังประตูพร้อมกับถือไม้ถูพื้นไว้เพื่อรอรับการโจมตีจากภายนอก
หานซือฉีเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่กำลังเตรียมตัวเหมือนจะเผชิญกับซอมบี้ ริมฝีปากของเขามันก็เผลอหลุดหัวเราะออกมาน้อยๆ โดยไม่มีเสียง เขาเดินออกไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรและเปิดประตูอย่างไม่เกรงกลัว
ทันทีที่ประตูเปิดออก หญิงสูงวัยมากมายต่างก็พากันกรูเข้ามา
ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นแกนนำของพวกเธอเหล่านี้มองไปยังหานซือฉีและฝูเจิ้งเจิ้งที่โผล่หัวออกมาดูจากในห้องของตนพร้อมกับถามอย่างร้อนใจ “พวกเธอสองคนใช่คู่รักที่ทะเลาะกันเมื่อคืนแล้วโยนกับข้าวลงไปด้านล่างหรือเปล่า?”
ทำไมเฉียวเค่อเหรินของฉันกลายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุไปได้ล่ะ? ไฟหน้าห้องแรงไปเหรอ?
แล้วคู่รักอะไรนั่นอีก?
เธอหันไปมองหานซือฉี และเมื่อพบว่าเขาเองก็กำลังมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างซึ่งไม่ได้ยากเกินความคาดเดานัก ใบหน้าสวยที่งุนงงก็พลันเปลี่ยนเป็นแก้มนวลแดงที่เขินอายในทันที
ก่อนที่เขาจะพยักหน้ายอมรับ ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบตอบขึ้นมาก่อน “ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่พวกเราค่ะ พวกเราไม่ได้โยนอาหารลงไปด้านล่าง”
ฝูเจิ้งเจิ้งจำได้แล้วว่า 1 ในหญิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ก็คือคุณนายที่เป็นสมาชิกคณะกรรมการของที่นี่ด้วย เมื่อตอนย้ายเข้ามาใหม่ๆ เธอคนนี้ก็เข้ามาคุยกับตนแล้วครั้งหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ทำเสียงดังรบกวนข้างบ้าน
“พวกเธอไม่ได้โยนอาหารลงไปจริงๆ ใช่ไหม?” หญิงวัยกลางคนถามซ้ำแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เชื่อ
“ไม่ค่ะ พวกเรารักกันดี! เห็นไหม? พวกเราจะทะเลาะกันแล้วโยนอาหารลงไปทำไม?” ฝูเจิ้งเจิ้งรีบเอนตัวซบหานซือฉีพร้อมยิ้มกว้างให้เขาทันที
“แปลกจริงๆ แล้วใครทำนะ?” เหล่าผู้สูงวัยหลายๆ คนหันหน้าคุยกันและจากไปด้วยความสงสัย
เมื่อพวกเธอออกไปแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็ปิดประตูแล้วกลับไปใส่รองเท้าแตะดังเดิม
“เฮ้อ ป้าๆ พวกนั้นน่ากลัวชะมัด” หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ เพราะคิดว่าหานซือฉีต้องหัวเราะเธอแน่ๆ
“อาหารเมื่อคืนมาจากไหน?” ทว่าเขากลับไม่ได้หัวเราะ กลับกันเขายังถามด้วยสีหน้าจริงจังอีกด้วย
“นายไม่ได้สั่งมาเหรอ?” เธอขมวดคิ้วเมื่อโดนถามเช่นนั้น
“ฉันจะบอกให้หลี่หงมาอยู่ที่นี่ให้เร็วที่สุด อย่ากินอะไรที่มาจากข้างนอกเด็ดขาด” หานซือฉีรีบสวมเสื้อโค้ทและเดินออกไปทันที
มีปัญหาอะไรนะ?
ฝูเจิ้งเจิ้งประหลาดใจ
ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงบางอย่างขึ้นมา ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงรีบวิ่งไปที่ระเบียงแล้วเปิดหน้าต่างออกเพื่อดูด้านล่าง และสิ่งที่รออยู่นั้นก็ทำให้เธอต้องสะพรึงกลัวขึ้นมา
ด้านล่างนั้นมีลูกแมวจรจัดหลายตัวนอนตายระเนระนาดอยู่ และใกล้ๆ บริเวณนั้นก็มีกลุ่มหญิงสูงวัยเมื่อครู่กำลังยืนคุยกันเกี่ยวกับอะไรบางอย่างอยู่ด้วย
ตอนนั้นเอง หานซือฉีที่ลงไปก่อนก็ปรากฏตัวอยู่แถวๆ นั้นด้วย เขาเข้าไปคุยกลับกลุ่มคนเหล่านั้น บางทีอาจจะกำลังถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ไม่นานนักเขาก็รีบวิ่งออกไปทันที
คิดย้อนกลับไปยังคำถามของหานซือฉี ‘อาหารเมื่อคืนมาจากไหน?’ เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าต้องมีใครซักคนจงใจส่งอาหารมื้อนั้นมาให้เธอโดยแอบอ้างชื่อของหานซือฉีแน่ๆ
ใครบางคนต้องการจะวางยาพิษเธอ!
แต่นอกจากเฉียวเค่อเหรินแล้ว เธอก็ยังคิดถึงคนที่เกลียดเธอได้ระดับนี้ไม่ออกเลย
ความหวาดกลัวมันเริ่มซึมลึกในใจของเธอแล้ว แม้จะรู้ว่าเฉียวเค่อเหรินเป็นคนร้ายกาจขนาดไหน แต่ก็ไม่คาดคิดหรอกนะว่าคนคนนั้นจะกล้าถึงขนาดพยายามฆ่าเธอได้แบบนี้!
แล้วแบบนี้ฝูซิงจะเป็นยังไงล่ะ!?
เธอรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาหานซือฉีทันทีเมื่อคิดถึงฝูซิง ทว่าเมื่อเขารับสาย เขาก็ชิงพูดมาก่อน “ฉันรู้ว่าควรจะต้องทำยังไง” จากนั้นก็วางสายไปเลย!
อารมณ์ฉุนเฉียวกลับมาหาเธออีกแล้ว
เอาล่ะ เห็นทีคงต้องรีบพาฝูซิงออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วหลังจากที่ได้กุญแจนั้นมา ไม่งั้นตัวเธอเองคงต้องพัวพันกับปัญหาที่อาจจะตามมาได้อีกนับไม่ถ้วนแน่ๆ!
เที่ยงวันเดียวกัน ในที่สุดหลี่หงก็กลับมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดเลยว่าหานซือฉีต้องพูดอะไรกับเธอไปแล้ว เพราะทันทีที่เธอเข้ามา เธอก็ใช้ช้อนเงินที่พกมานั้นทดลองหายาพิษกับทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้อง ฝูเจิ้งเจิ้งได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ขณะมองไปยังหลี่หง พลางคิดว่า ‘ถ้าทั้งห้องจะมีแต่ยาพิษ ป่านนี้ฉันคงกระอักเลือดตายไปแล้ว’
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเลยทำให้วันนี้ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ออกไปไหนเลย หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จก็กลับเข้าห้องตัวเองไปเพื่อพักผ่อน แต่ยังไม่ทันจะได้หลับลึก สวี่เหยียนก็โทรเข้ามา
“เจิ้งเจิ้ง เปิดคอมพิวเตอร์เดี๋ยวนี้เลย! แล้วก็ค้นหา ‘โพสต์ที่มาแรงที่สุดในอินเตอร์เน็ต’ ด่วนๆ !”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกเคลือบแคลงใจ
“ดูเองเดี๋ยวก็รู้!”
เธอเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาค้นหาตามที่สวี่เหยียนพูด แล้วเธอก็ต้องตกใจกับรูปภาพหลายๆ รูปที่ปรากฏอยู่บนนั้น
ภาพแรกเป็นภาพของผู้หญิงผมยาวที่ถูกเบลอหน้าไว้ กำลังส่งกระเป๋าให้กับหญิงอีกคนที่สวมหน้ากากอยู่ ภาพที่สองแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวที่ใส่หน้ากากนั้นกำลังสับเปลี่ยนกระเป๋ากับกระเป๋าอีกใบที่เป็นเป้าหมายอยู่ในรถเข็น และภาพที่สามเป็นภาพของฝูเจิ้งเจิ้งกำลังค้นหาของในกระเป๋าอยู่
“เจิ้งเจิ้ง ผู้หญิงผมยาวที่ถูกเบลอหน้านั่นใช่เฉียวเค่อเหรินหรือเปล่า?” สวี่เหยียนถามเมื่อคิดว่าฝูเจิ้งเจิ้งน่าจะอ่านข่าวแล้ว
ใช่! ต่อให้เบลอหน้ายังไงก็ดูออก!
ว่าแต่ทำไมกว่าเรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ถึงใช้เวลานานนักนะ?
แล้วใครเป็นคนเผยแพร่? เขาต้องการอะไรจากการกระทำเหล่านี้หรือเปล่า? แล้วทำไมถึงปกปิดหน้าของเฉียวเค่อเหรินด้วยการเบลอล่ะ?
“เธอเองก็กำลังสงสัยว่าเป็นยัยนี่อยู่แล้วเหมือนกันใช่หรือเปล่า? ฉันล่ะไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเฉียวเค่อเหรินจะร้ายกาจได้ถึงระดับนี้ เธอต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะรู้ไหม!”
“อ-โอเค ฉันจะระวังตัวให้มากขึ้น” ฝูเจิ้งเจิ้งยิ้มก่อนจะวางโทรศัพท์ไป
สวี่เหยียนยังไม่รู้ว่าเธอประมือกับเฉียวเค่อเหรินมาหลายยกแล้ว นี่ขนาดรู้แค่เรื่องเดียวยังเป็นกังวลขนาดนี้ ถ้าเกิดสวี่เหยียนรู้ทั้งหมด เฉียวเค่อเหรินคงได้กลายเป็นตัวร้ายในสายตาของเพื่อนสาวคนนี้ไปอีกคนแน่ๆ
ในขณะเดียวกัน ที่ห้อง VIP ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
เติ้งอันอวี่ก้มลงไปหยิบแท็บเล็ตที่แตกกระจายบนพื้นขึ้นมาขณะที่คอยปลอบประโลมลูกสาวของตนที่กำลังโกรธจัดอยู่บนเตียงอีกด้วย
“ลูกรัก อย่างเพิ่งโกรธไป ภาพของลูกก็ยังไม่ได้เปิดเผยนี่ ใช่ไหม? แม่สั่งคนไปจัดการเรื่องนี้ให้แล้วนะ”
เฉียวเค่อเหรินโยนหมอนลงไปกับพื้นและพูดด้วยเสียงดัง “คุณแม่คะ คุณแม่คิดว่าเป็นใครคะ! หรือว่าจะเป็นนังตัวแสบฝูเจิ้งเจิ้งนั่น!?”
“แม่ไม่คิดว่าเธอคนนั้นจะทำแบบนี้ได้นะ”
“ฮึ่ม! อย่างน้อยๆ ก็ยังดีนะคะที่ไอ้คนที่ลงมันยังไม่กล้าเปิดหน้าหนู! ไม่งั้นล่ะก็ ถึงหูคุณพ่อหนูคงโดนดุอีกแน่!”
หญิงผู้เป็นแม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “แม่ไม่คิดว่าคนพวกนี้ไม่กล้าที่จะเปิดหน้าลูกนะ…แม่รู้สึกว่าคนคนนี้แค่ต้องการจะเตือนลูกอยู่”
“เตือนหนู? เฮอะ คุณแม่คิดว่าใครเป็นคนทำกันคะ?” เฉียวเค่อเหรินถามคำถามเดิมอีกครั้งขณะที่จับมือแม่ของตนเอาไว้เพื่อไม่ให้ตนเองฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
“แม่กำลังคิดว่าเป็นฝีมือของหานซือฉี” เธอตอบหลังจากเงียบไป
“ซือฉีน่ะเหรอคะ? เป็นไปไม่ได้หรอก!” เฉียวเค่อเหรินปฏิเสธทันควันแล้วเปลี่ยนเป็นพูดเสียงหวาน “เพราะซือฉีน่ะเป็นห่วงหนูจะตายไปค่ะ”
“นั่นสินะจ๊ะ คงไม่ใช่เขาหรอก แม่แค่คิดเรื่อยเปื่อยไปหน่อย” เติ้งอันอวี่รีบปฏิเสธความคิดตนทันทีเมื่อลูกสาวพูดเช่นนั้น “แต่ก็นะ ยังไงซะซือฉีก็เป็นคนฉลาด แม่ก็ยังวางใจไม่ได้หรอกจนกว่าลูกกับเขาจะแต่งงานกัน”
“หนูน่ะยังคิดถึงคนอื่นไม่ได้เลยนอกจากนังนั่น! ตราบใดที่หนูกับซือฉียังไม่แต่งงานกัน นังฝูเจิ้งเจิ้งคงไม่ยอมรามือแน่! หึ้ยยย คุณแม่คะ หนูรู้สึกหงุดหงิดตลอดเลยเวลาคิดภาพนังนั่นอยู่กับซือฉีทุกๆ วันน่ะ!” ไฟโกรธของเฉียวเค่อเหรินมันถูกจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ หนูจะต้องไปจัดการเรื่องนี้ให้รู้แล้วรู้รอด! ต่อให้หนูเอาชนะมันไม่ได้หนูก็จะด่ามันให้อกแตกตายไปข้างเลย! ไม่งั้นหนูคงไม่สามารถใจเย็นลงได้แน่ๆ!”
พูดจบเฉียวเค่อเหรินก็ลุกออกจากเตียงแล้ววิ่งออกจากห้องไป
“เค่อเหริน ลูกยังไม่หายดีนะ!” เติ้งอันอวี่พูดด้วยความเศร้าพร้อมกับรีบวิ่งตามลูกสาวของตนออกไป โดยที่มือก็กดโทรหาเฉี่ยวหยวนหานไปด้วย “คุณคะ พวกเรากดดันพวกตระกูลนั่นเบาไปหรือเปล่า?”
————————————-
ฝูเจิ้งเจิ้งกำลังนั่งดูเว็บไซต์ด้วยความง่วงซึม ทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น ความง่วงเหล่านั้นถูกขจัดออกไปทันที ป้าหลี่เองก็ออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย เธอลืมเอากุญแจไปด้วยหรือยังไงนะ?
ด้วยความที่ไม่ได้ระวังตัวอะไรมากนัก ทันทีที่ยื่นมือไปเปิดประตูออกนั้น สีหน้าของเธอก็ต้องซีดเผือดลงไปเมื่อผู้ที่มาเยือนนั้นไม่ใช่แขกอันน่าพึงประสงค์เท่าไหร่ “เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ?”
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นก็คือเฉียวเค่อเหรินพร้อมกับลูกน้องอีกมากมายของเธอนั่นเอง
“รู้สึกผิดมากหรือยังไงที่เปิดมาแล้วเป็นฉันน่ะ?” เฉียวเค่อเหรินเย้ย
“เธอยังไม่รู้สึกผิดเลยที่ทำเรื่องเลวร้ายใส่ฉันตั้งมากมายขนาดนี้ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกผิดน่ะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งเองก็เย้ยกลับบ้าง “เธอหวังให้ฉันตายทุกๆ วันอยู่แล้วนี่ มาที่นี่คงจะผิดหวังล่ะสิที่ฉันยังไม่ตาย?”
“ใช่! ผิดหวังมากๆ ! ฉันหวังให้เธอตายต่อหน้าต่อตาฉันด้วยซ้ำ! เมื่อไหร่ที่ฉันได้หั่นศพเธอเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้หมากินบ้าง มันคงทำให้ลดความเกลียดชังของฉันที่มีต่อเธอได้ไม่น้อยเลย!”
“เฉียวเค่อเหริน!”
ทันทีที่ฝูเจิ้งเจิ้งง้างมือขึ้น เหล่าชายที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉียวเค่อเหรินก็ดาหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นเช่นนั้นเธอก็รีบชักมือลงทันที หลังจากที่นิ่งไปซักครู่หนึ่ง หญิงสาวก็พูดขึ้นใหม่ด้วยรอยยิ้ม “แหม ฉันต้องขอโทษคุณเฉียวด้วยจริงๆ นะคะที่ทำให้คุณผิดหวัง แต่เผอิญว่าฉันโชคดีที่มีคนเก่งที่น่ารักคอยช่วยเหลือฉันอยู่เรื่อยๆ เลย อ้อๆๆ ซือฉีเองก็ถือเป็น 1 ในคนที่ช่วยฉันไว้มากที่สุดเลยด้วยนะคะ!”
ได้ยินเช่นนั้นเฉียวเค่อเหรินก็ฟิวส์ขาดและขึ้นเสียง “นังตัวดี! ซือฉีกับฉันกำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้แล้ว! แกไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้!”
“อ๊ะ กำลังจะแต่งงานก็แสดงว่ายังไม่ได้แต่งไม่ใช่เหรอคะ?” ฝูเจิ้งเจิ้งหัวเราะเสียงดัง
“เธอคิดว่าการที่เธอเอาภาพเลวๆ พวกนั้นไปเปิดเผยบนอินเตอร์เน็ตมันจะได้ผลงั้นเหรอ? ฉันบอกเลยนะว่ามันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ทั้งนั้น! ต่อให้เธอไม่ได้เบลอหน้าของฉันก็ตาม!”
เฉียวเค่อเหรินคิดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของฝูเจิ้งเจิ้งแน่ๆ ซึ่งยิ่งได้เห็นฝูเจิ้งเจิ้งแสยะยิ้ม เธอก็ยิ่งมั่นใจว่านั่นคือการยอมรับของอีกฝ่าย
ฝูเจิ้งเจิ้งเดินเข้าไปประจัญหน้ากับเฉียวเค่อเหรินก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเธอ “คุณเฉียวคะ คุณนี่ความจำไม่ดีเลยนะคะ ฉันบอกไปเป็นพันรอบแล้วว่าฉันไม่เคยคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ก็นะ ดูเหมือนซือฉี ผู้ชายที่คุณเฉียวรักปานจะขาดใจตายดึงดันเองว่าจะเปลี่ยนอะไรบางอย่างให้ได้เองนี่นา”
“ปากดี!” อารมณ์ของเฉียวเค่อเหรินนั้นพุ่งขึ้นสูงในทันที เธอง้างมือขึ้นตบฝูเจิ้งเจิ้ง ทว่าเมื่ออีกฝ่ายหลบได้ เธอก็เปลี่ยนไปหมายจะกระชากผมของฝูเจิ้งเจิ้งแทน
ทว่าคนที่เตรียมพร้อมเสมออย่างฝูเจิ้งเจิ้งนั้นเตรียมรับมือเรื่องนี้อยู่แล้ว เธอรีบปัดมือของเฉียวเค่อเหรินออกและใช้หลังมือตบหน้าอีกฝ่ายกลับไปจนเกิดเสียงมือกระทบผิวหน้าดังชัดเจนไปทั่วทั้งชั้น
เหล่าชายฉกรรจ์ที่รออยู่เบื้องหลังนั้นรีบปรี่เข้ามาพร้อมสู้ทันที ทว่าก่อนที่พวกเขาจะได้ลงมือ ร่างเหล่านั้นก็พากันสลบล้มไปกับพื้นโดยเหล่าชายอีกกลุ่มที่เข้ามาด้านหลังแทน
“พวกแกเป็นใครน่ะ!? จะทำอะไร!” เฉียวเค่อเหรินหันไปมองผู้ที่มาใหม่เหล่านั้นด้วยความสั่นกลัว
“คุณเฉียวครับ รีบๆ กลับบ้านไปพักผ่อนจะดีกว่านะครับ” หลินหยงเฉิงเหลือบมองชายที่นอนหมอบอยู่กับพื้นทั้งหลายขณะที่ปัดมือไปมา
เฉียวเค่อเหรินหันกลับไปมองทางฝูเจิ้งเจิ้ง แต่เมื่อเห็นว่าทางฝูเจิ้งเจิ้งก็กำลังเดินเข้าหาเธอด้วย ด้วยความกลัว เธอก็รีบวิ่งออกไปที่ลิฟต์โดยไม่สนใจเลยว่ารองเท้าส้นสูงคู่สวยจะเสียหายจากการวิ่งเช่นนี้
“คุณฝู ไม่เป็นอะไรนะครับ? ถ้าเธอคนนั้นยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณ ช่วยลืมมันไปด้วยเถอะครับ” หลินหยงเฉิงรีบหยุดฝูเจิ้งเจิ้งไว้ด้วยอีกคน
เมื่อโดนปรามไว้เช่นนั้น ฝูเจิ้งเจิ้งก็กลับเข้าห้องของตนไปด้วยความโกรธ เธอโกรธในความชั่วร้ายของเฉียวเค่อเหริน และเสียใจที่ตนนั้นเหมือนจะตบหน้าอีกฝ่ายเบาไปจนไม่ได้เห็นรอยมือสีแดงในทันที! โอกาสที่จะได้ตบคนอื่นโดยไม่ผิดกฎหมายน่ะมันมีมาให้ตลอดซะที่ไหนเล่า!
เอาล่ะ ปล่อยผ่านไปก่อนก็ได้ ยังไงซะฉันก็ไม่ได้อยากจะมีปัญหาอะไรเพิ่มก่อนที่จะได้สร้อยคอนั้นคืนมาหรอกนะ จะว่าไปพรุ่งนี้สร้อยคอก็จะมาแล้วหรือเปล่านะ? ตื่นเต้นจังเลยแฮะ
ฝูเจิ้งเจิ้งนอนตาใสอยู่แทบทั้งคืน เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง เธอก็ใจจดใจจ่ออยู่กับโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาเพื่อรอสายโทรเข้าจากหานซือเซียน
ทว่าจนเลย 9 โมงเช้ามาแล้วก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา ความกระวนกระวายเริ่มกัดกินความตื่นเต้นนั้นเสียแล้ว เกิดอะไรขึันหรือเปล่านะ?
ในเมื่อมันเลยเวลามาแล้ว แสดงว่าเธอควรจะโทรไปได้สินะ? หลังจากที่กดโทรออกและรอสัญญาณเสียง ในที่สุดปลายสายก็รับ ฝูเจิ้งเจิ้งตัดสินใจถามออกไปตรงๆ “สวัสดีค่ะท่านประธานหาน ฉันจะได้สิ่งที่ฉันขอไปเมื่อไหร่เหรอคะ?”
“อ้า คุณฝูเองเหรอ? ตอนนี้ฉันมีบางอย่างที่ต้องมาเคลียร์ สร้อยคอนั่นฉันฝากไว้กับภรรยาของฉันแล้ว เพราะงั้นเธอไปรับมันเองที่รีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางได้เลยนะ” พูดจบหานซือเซียนก็วางสายไปด้วยความเร่งรีบ
ที่รีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางงั้นเหรอ?
เป็นครั้งแรกเลยที่ฝูเจิ้งเจิ้งตั้งหน้าตั้งตาไปยังรีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางด้วยความร้อนใจขนาดนี้ เพื่อตามหาตัวหนี่หวาน ทันทีที่พบกัน หนี่หวานเข้าใจดีว่าเธอจะมาหาอะไรจึงรีบนำทางต่อไปยังห้องนอนของตนและหากล่องที่เก็บจี้รูปหัวใจนั้นไว้ ทว่าเมื่อเคลื่อนลิ้นชักออกมา มันกลับไม่มีสิ่งที่ควรอยู่ภายในนั้นเสียได้!
——————————————————————————————————————-
คุยกับผู้แปล
นกสร้อยคอรอบที่ 3,645,930 และจะมีครั้งที่ 3,645,931 อย่างแน่นอน หล่อนได้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์กับจูหลิงหลงหรือยังนะสรุป?
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-