ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 101 พี่สาว ทำไมไม่พูดล่ะ
บทที่ 101 พี่สาว ทำไมไม่พูดล่ะ
“รอเดี๋ยวก็มาแล้ว” เฉินเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น คนขับรถที่เฉียวเสี่ยวโย่วส่งมาให้เขา เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้น อาจจะมีธุระอื่นก็ได้
“รอเดี๋ยว? ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชาย ถึงขนาดนี้แล้ว นายยังเสแสร้งอีก?”
“ฉันว่านายไม่ได้มีรถแต่แรกแล้ว นั่งแท็กซี่มาชัดๆ ยังจะมาบอกว่าคนขับรถรออยู่ด้านนอก ถุย หางหมาป่าโผล่ขนาดนี้ ฉันหลิ่วจื่อหอางนับถือ” หลิ่วจื่อหอางพูดประชด
เสี้ยเมิ่งเหยาก็ไม่สบายใจเล็กน้อย ครั้งนี้เฉินเฟิงคงไม่ใช่เสแสร้งจริงๆนะ ถ้าหากจริงละก็ งั้นคงต้องขายหน้ามากแน่ๆ
เวลานี้ รถปอร์เช่สีขาวกำลังใกล้เข้ามา ดูหมายเลขทะเบียนรถปอร์เช่ หลิ่วจื่อหอางดูมีความสุขมาก มองไปที่เฉินเฟิงแวบหนึ่ง ท่าทางพูดจาถากถางที่มุมปากยิ่งหนักขึ้น: “พี่ชาย รีบดูนั่น คนขับของคุณขับรถปอร์เช่มารับคุณแล้ว”
เสี้ยเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว ปอร์เช่คันนี้มารับเฉินเฟิง? ดูยังไงก็ไม่ใช่?
ปอร์เช่หยุดตรงหน้าสองสามคนนั้น
คนหนึ่งลงจากรถโดยสวมเสื้อเชิต ผู้หญิงสวยและรูปร่างสูง
ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะถอดแว่นกันแดดออก แต่เมื่อเห็นรูปร่างของชายตรงหน้ากลับทำให้รูม่านตาของเธอหดตัวทันทีเพ่งเล็งไปข้างหน้า
เขามาอยู่นี่ได้ไง?!!
เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงอยู่กับที่ หลิ่วจื่อหอางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า: “เป็นอะไรไป พี่ หรือว่าไม่รู้จักผมแล้ว?”
หลิ่วอีอีไม่ได้พูดอะไร สายตาทั้งหมดของเธอในขณะนี้ ทั้งหมดตกอยู่กับเฉินเฟิงที่ไร้ความรู้สึก ยังมีเสี้ยเมิ่งเหยาและสวีเฟยหรงที่อยู่ข้างๆเฉินเฟิง ยังดึงดูดความสนใจของเธอเป็นอย่างมาก
“พี่?” หลิ่วจื่อหอางไม่พอใจเล็กน้อย พี่สาวของตัวเองคนนี้ ปกติไม่ใช่เป็นคนร่าเริงหรอกเหรอ ทำไมวันนี้เห็นหน้าปุ๊บก็เหม่อลอยปั๊บ
“อ่อ” หลิ่วอีอีในที่สุดก็เรียกสติกลับมา แต่ยังมีความผิดปกติเล็กน้อย ครั้งที่แล้วท่าทีของเฉินเฟิงที่มีต่อเธอไม่ได้สนิทสนมอะไรกันเลย นอกจากนี้ยังมีสาวงามอีกสองคนที่อยู่ข้างๆเฉินเฟิงที่สวยกว่าเธอมาก เธอไม่กล้าแม้แต่จะทักทายเฉินเฟิง
“พี่ ทำไมพี่ไม่ให้คนขับรถขับโรลส์รอยซ์ที่บ้านคันนั้นมา? ปอร์เช่รถเก่าๆแบบนี้ ยังจะขับได้เหรอ?” รถเก่าๆที่หลิ่วจื่อหอางพูดมานั้น แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงด้วยความรู้สึกโอ้อวด เพราะกลัวว่าคนอื่นไม่รู้ว่า ที่บ้านเขายังมีโรลส์รอยซ์
“โรลส์รอยซ์พ่อขับไปข้างนอก” หลิ่วอีอีตอบโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้น สายตาของหลิ่วอีอีหันไปมองเฉินเฟิงสามคนนั้นอีกครั้ง ถามลองเชิงไปว่า: “จื่อหอาง พวกเขาเป็น…..เพื่อนนายเหรอ?”
“เพื่อน?” หลิ่วจื่อหอางหัวเราะออกมา พูดว่า: “พี่ ผมไม่มีเพื่อนที่เสแสร้งเก่งขนาดนี้”
“จื่อหอาง นาย….หมายความว่าไง?” สีหน้าของหลิ่วอีอีเปลี่ยนทันที ถามแห้งๆ เธอฟังน้ำเสียงของหลิ่วจื่อหอางที่ประชดประชันออก น้องชายหน้าโง่ของตัวเอง คงไม่ใช่ล่วงเกินเฉินเฟิงแล้วเหรอ?
“พี่ พี่ไม่รู้เหรอ เมื่อกี้มีไอ้โง่ ทั้งเนื้อทั้งตัวใส่เสื้อผ้ารวมกันแล้วไม่ถึงสองร้อยหยวนด้วยซ้ำไม่คิดว่าเมื่อเข้ามาในสนามบิน ก็โม้กับผมว่าเขามีคนขับรถ สุดท้ายผมออกมาปุ๊บ อย่าว่าแต่รถเลย ไม่มีเหี้ยอะไรสักอย่าง พี่ พี่ว่าคนนี้น่าตลกไหม?” หลิ่วจื่อหอางเบะปากพูด
ตลกไหม สายตาของหลิ่วอีอีหวาดกลัว เธอรู้สึกว่าไม่ตลกเลยสักนิด ตอนนี้ในสายตาของเธอแล้วเฉินเฟิง ก็คือตัวแทนของคำว่าปีศาจ หลิ่วจื่อหอางไอ้โง่นี่ ไม่คิดว่าจะกล้าพูดว่าเฉินเฟิงตลก
“พี่ พี่ทำไมไม่พูดอะไรล่ะ?” หลิ่วจื่อหอางตะลึง สีหน้าของพี่สาว ทำไมดูเหมือนหวาดกลัวเล็กน้อย?
เสี้ยเมิ่งเหยาก็รู้สึกว่าไม่ปกติ ในฐานะผู้หญิง สัญชาตญาณของเธอแม่นยำมาตลอด เธอเห็นสายตาของหลิ่วอีอีที่มองเฉินเฟิง กลัวว่า ระหว่างสองคนนี้ จะต้องมีอะไรแน่นอน
ทันใดนั้นเสี้ยเมิ่งเหยาก็ไม่สบายใจนิดหน่อย เฉินเฟิงเพิ่งมาจินหลิงวันเดียว ไม่ใช่ว่ามีใครมายั่วยวนเข้าแล้วเหรอ
ในความเป็นจริง เฉินเฟิงในเวลานี้ก็มึนตึ๊บ ทำไมไปที่ไหนก็เจอกับยัยโง่นี่ ตอนนี้เฉินเฟิงกำลังคิดทำไงถึงจะสลายเหตุการณ์ตรงหน้าได้
รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งหมายเลขทะเบียนคือ b8888 สีทองขับมา
“โอ้โฮ รถโรลส์รอยซ์แปดสีตัว?” หลิ่วจื่อหอางเบิกตาโต ตกตะลึงไปทั้งหน้า เขาคุ้นเคยกับโรลส์รอยซ์เป็นอย่างดี เพราะที่บ้านของตัวเองมีหนึ่งคัน แต่คันที่บ้านนั้น เป็นเพียงรุ่นธรรมดา เพียงแค่ห้าล้านกว่าเท่านั้น
แต่คันที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสี หรือว่าสเปคเครื่อง สูงๆทั้งนั้น ราคาตลาดเริ่มต้นที่ 12 ล้าน และยังไม่มีขายในตลาด จินหลิงมีรถหรูขนาดนั้นได้ยังไง? อีกทั้งดูที่เลขทะเบียน ยังเป็นแปดสี่ตัวอีก เพียงแค่เงินซื้อป้ายทะเบียน ก็สามารถซื้อเฟอร์รารีระดับไฮเอนด์ได้คันหนึ่ง
หลิ่วจื่อหอางอิจฉามาก ถ้าเขาสามารถเป็นเจ้าของรถหรูคันนี้ ผู้หญิงแบบไหนจะไม่เข้าหา?
ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจของหลิ่วจื่อหอางเพียงไม่ถึงครึ่งวินาที หลิ่วจื่อหอางก็พบว่า โรลส์รอยซ์ หยุดอยู่ตรงหน้าตัวเอง!
“พี่ รถคันนี้ของบ้านเราเหรอ?!” หลิ่วจื่อหอางหายใจอย่างหนัก ถามด้วยความตื่นเต้น เขาเพิ่งจะคิดว่าจะเป็นเจ้าของโรลส์รอยซ์รุ่นนี้ สุดท้ายพริบตาเดียว โรลส์รอยซ์หยุดอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ
พอได้ยินคำนี้ หลิ่วอีอีรู้สึกอับอายมากจนอยากจะมุดดินหนี ตาไหนของนายที่เห็นว่ารถคันนี้เป็นของที่บ้าน?
ไม่รอให้หลิ่วอีอีพูด หลิ่วจื่อหอางก็เดินไปโรลส์รอยซ์ เตรียมที่จะสังเกตรถคันนี้ ที่เป็นโรลส์รอยซ์ของ‘ตัวเอง’
ทันใดนั้น ประตูรถเปิดออก
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่เหงื่อไหลท่วมหัวออกมา วิ่งผ่านหน้าของหลิ่วจื่อหอางไป วิ่งเหยาะมาที่หน้าเฉินเฟิง พูดด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว: “นายเฉิน ต้องขออภัยจริงๆ เมื่อกี้ผมปวดท้อง….”
ตูม!
นายเฉิน?!!
สามคำนี้เหมือนกับฟ้าผ่ายังไงอย่างงั้น ในสมองของหลิ่วจื่อหอางเริ่มระเบิด ฝีเท้าของหลิ่วจื่อหอางหยุดลงทันที ประโยคต่อมาที่คนขับพูดเขาฟังไม่ชัดเจนแล้ว เขาได้ยินแค่คำนี้ นายเฉิน!
“ไม่เป็นไร”เฉินเฟิงสะบัดมือ พูดว่า ใครบ้างที่ไม่เคยปวดท้อง ขอแค่ไม่ใช่ความผิดที่ไม่มีเหตุผล เฉินเฟิงก็ให้อภัยได้
“ขอบคุณครับนายเฉิน!” คนขับรถวัยกลางคนรีบพยักหน้า พูดด้วยความซาบซึ้ง
บนรถก่อนหน้านี้ เฉินเฟิงเคยกำชับเขาแล้ว ถึงที่นี่ ไม่ต้องเรียกเขาว่าคุณชายเฉิน ต้องเรียกเขาว่านายเฉิน แม้ว่าจะรีบร้อน แต่คนขับรถวัยกลางคนก็ไม่กล้าลืม
“พี่ชาย รถนี่…เป็นของนายเหรอ?” หลิ่วจื่อหอางกลืนน้ำลาย ถามอย่างไม่เชื่อ
“ไม่ใช่ ฉันเช่ามา” เฉินเฟิงส่ายหน้า ตอบอย่างจริงจัง
หลิ่วจื่อหอางแทบจะกระอักเลือดเสียออกมา เช่าเหรอ? โรลส์รอยซ์มีป้ายทะเบียนมากกว่าสิบล้านที่มีแปดสี่ตัว ใครจะปล่อยเช่า?
เสี้ยเมิ่งเหยาและสวีเฟยหรงสีหน้าประหลาดใจ ถ้าไม่ใช่ป้ายทะเบียนเลขแปดสี่ตัว และยังเป็นโรลส์รอยซ์ละก็ พวกเธอก็คงเชื่อคำโกหกของเฉินเฟิงแล้ว
อีกทั้งคนขับรถวัยกลางคนคนนี้ดูหวาดกลัว ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้แสดงละคร
ถ้างั้นคำถามก็มาแล้ว โรลส์รอยซ์คันนี้ เฉินเฟิงไปเอามาจากไหน? เสี้ยเมิ่งเหยาและสวีเฟยหรงมองหน้ากัน ในสมองเกิดคำถามนี้ลอยขึ้นมา
หลิ่วจื่อหอางยิ้มเล็กน้อย พูดว่า: “พี่ชาย หยุดพูดล้อเล่นได้แล้ว คนที่สามารถซื้อรถคันนี้ได้ จะขาดแคลนเศษเงินค่าเช่ารถได้ยังไง”