ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 112 เมียน้อย
ตอนที่ 112 เมียน้อย
“สวีตงเหลียง ยังมาไม่ถึงเลย เขาเป็นคนจัดงานเลี้ยงรุ่นวันนี้ขึ้นมานะ” หลี่เสว่ยังคงเป็นคนที่พูดก่อนเสมอเพื่อไม่ทำให้เขาขายหน้า สมัยเรียนหล่อนก็เคยชอบจางจุ้นอยู่สักพัก แต่เมื่อเรียนจบ จางจุ้นกลับไปทำธุรกิจส่วนตัว เป็นนักเขียน ชีวิตไม่ค่อยดีนัก หากจะเทียบกับสวีตงเหลียง ถือว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว
จางจุ้นในตอนนี้ หล่อนไม่สนใจอีกแล้ว กระทั่งเพื่อนบางคนที่เคยชอบเขา ยังไม่นับว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานด้วยเลย
“งั้นรออีกสักพักแล้วกัน” สีหน้าของจางจุ้นเกร็งแข็ง ฝืนยิ้มขึ้น
เมื่อพูดจบ รถแลนด์โรลเวอร์สีดำคันนึงขับมาจอดอยู่ริมถนน รถมีระดับ ลวดลายสวยงาม มองเพียงแวบเดียว ก็ทำให้สายตาของผู้คนทั้งงานลุกวาวทันที
ประตูรถถูกเปิดออก ชายหนุ่มสุดหล่อสวมชุดสูทยี่ห้ออาร์มานี่ก็เดินออกมา ผิวพรรณขาวนวล ยิ้มด้วยความมั่นใจ สายตาเปล่งประกาย ชวนหลงใหล
“พี่เหลียง ทางนี้ค่ะ!”
“พี่เหลียง ไม่เจอกันนานเลย หล่อขึ้นเยอะเลยนะคะ”
ชายหนุ่มผู้นั้นก็คือสวีตงเหลียง เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น หวังเจียเมิงกับหลี่เสว่และพวกสาวๆต่างพากันปรี่ตรงเข้าไปหาสวีตงเหลียง อย่างรวดเร็ว ต้อนรับกันอย่างอบอุ่น
แกนนำอย่างจางจุ้นและพวกผู้ชายคนอื่น สีหน้าแย่ลงทันที พวกผู้หญิงอย่างหวังเจียเมิงต่างไม่สนใจพวกเขาเลยสักนิด
“ว้าว พี่เหลียง รถพี่เท่ห์มากเลยค่ะ เหมือนเจ้าของรถเลย” หญิงสาวคนหนึ่งพูดประจบขึ้น
“พูดจาอะไรบ้าๆ จะไม่เท่ห์ได้ยังไง นี่รถยี่ห้อแลนด์โรเวอร์เชียวนะ คันนึงสองล้านกว่าหยวน” หลี่เสว่เหลือบตางมองบน พลางพูดโต้กลับ
สายตาของสวีตงเหลียงเต็มไปด้วยความพึงพอใจ จากนั้นยิ้มและพูดขึ้น : “อันที่จริงรถสองล้านกว่าไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ฉันคิดว่า สิ้นปีนี้จะขายรถแลนด์โรเวอร์คันนี้ เก็บเงินต่ออีกหน่อย แล้วเปลี่ยนเป็นเฟอร์รารี่”
“เฟอร์รารี่?! คันละสามล้านกว่าเลยนะ”
“สามล้านกว่านั่นมันแบบเริ่มต้น ผู้ชายอย่างพี่เหลียง คงต้องซื้อเฟอร์รารี่เกรดสูงอย่างน้อยก็คันละห้าล้าน”
สวีตงเหลียงยิ้มและตอบกลับ : “คิดว่าจะเปลี่ยนเป็นเฟอร์รารี่เกรดสูง ขับแบบธรรมดา จะไปน่าสนใจอะไร”
“พี่เหลียงคงเป็นผู้ชายคนแรกของห้องที่ขับรถเฟอร์รารี่”
“แน่นอนว่าต้องเป็นคนแรก พี่เหลียงเป็นคนที่เชิดหน้าชูตาให้ห้องพวกเราดีจริงๆเลย”
เมื่อเห็นว่าบรรดาผู้หญิงต่างพากันเข้ามาชื่นชมเอาอกเอาใจตัวเอง จนสวีตงเหลียงแทบจะตัวลอยขึ้นไปบนฟ้า มาร่วมงานเลี้ยงรุ่นก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือไง?
“ในเมื่อทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว งั้นพวกเราไปคฤหาสน์หัวฉีกันเถอะ” สวีตงเหลียงยิ้มและพูดขึ้น
“คฤหาสน์หัวฉี? ดูเหมือนราคาอาหารที่นั่นค่อนข้างสูง…” จางจุ้นฝืนยิ้ม เงินเดือนของเขายังไม่ถึงห้าพันหยวน อาหารหนึ่งมื้อที่คฤหาสน์หัวฉีคงไม่ต่ำกว่าห้าพันหยวนแน่นอน
“กลัวอะไร? วันนี้พี่เหลียงเลี้ยงทุกคนเอง ทุกคนไม่ต้องจ่ายสักสลึง” หลี่เสว่มองจางจุ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เขาก็ยังเป็นคนเหลวไหล พอได้ยินชื่อคฤหาสน์หัวฉีก็กลัวหัวหดขนาดนั้น โชคดีที่ตอนนั้นไม่คบกับเขา
“พี่เหลียงเลี้ยง? จริงรึเปล่าเนี่ย?” คนที่คิดเหมือนจางจุ้นมีมากมาย แต่พวกเขาไม่รู้ว่าวันนี้สวีตงเหลียงเป็นคนออกเงินให้ ดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อคฤหาสน์หัวฉีขึ้นมา จึงรู้สึกเริ่มลังเล
สวีตงเหลียงเหลือบตามองอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นยิ้มและพูดขึ้น “จริงแท้แน่นอน ทุกคนเป็นเพื่อนของฉัน ฉันจะหลอกทุกคนไปทำไมกัน พอไปถึงคฤหาสน์หัวฉีแล้ว ทุกคนอยากกินอะไรก็สั่งได้ตามสบาย! ฉันเลี้ยง!”
“พี่เหลียงสายเปย์!”
“พี่เหลียงรวยจังเลย ว่างๆพาน้องไปเลี้ยงบ้างสิ”
ในตอนนั้น พวกเพื่อนผู้ชายตกอับต่างพากันมาพูดเอาอกเอาใจสวีตงเหลียง ไม่นานนัก สวีตงเหลียงกลับกลายเป็นศูนย์กลางของทุกคน
สวีตงเหลียงหน้าแดงก่ำ โบกมือ พูดด้วยความถ่อมตัว “มีเงินไม่มีเงินนั่นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าทุกคนมีเรื่องเดือดร้อนอะไร หรืองานที่ทำอยู่ไม่ค่อยดีนัก มาหาฉันได้เสมอ ที่บริษัทของฉันยังมีตำแหน่งงานเงินเดือนหลักหมื่นอยู่หลายอัตรา เห็นแก่เพื่อนๆร่วมชั้น ตำแหน่งพวกนี้ ถ้าทุกคนอยากมาสมัคร ก็สามารถเข้าทำงานได้เลย ไม่ต้องสัมภาษณ์”
“พี่เหลียงเศรษฐีตัวจริง”
“ยังจะเรียกพี่เหลียงอีก เรียกท่านประธานเหลียงสิ”
“ใช่ๆๆๆ ท่านประธานเหลียง”
ทุกคนต่างพูดเอาใจเขาอีกครั้ง ชื่นชมจนสวีตงเหลียงแทบจะลอยขึ้นฟ้า
จางจุ้นที่อยู่ด้านข้างยิ้มแห้ง ด้วยความไม่ชอบใจ สมัยเรียน เขากับสวีตงเหลียงเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆเหมือนกัน แต่ตอนนี้ พวกสาวๆในห้องต่างพากันไปล้อมรอบสวีตงเหลียง ไม่มีใครสนใจเขาสักคน
“ทุกคนมากันครบแล้วใช่ไหม ถ้าครบแล้วพวกเราก็ไปกันเถอะ ฉันจองห้องไว้แล้ว” สวีตงเหลียงพูดถาม
“เสี้ยเมิ่งเหยายังไม่มาเลย” จู่ๆหลี่เสว่พูดขึ้น
“เมิ่งเหยาจะมาด้วย?” สวีตงเหลียงตกใจตะลึง จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้า ท่าทางของเขาทำให้หวังเจียเมิงรู้สึกอิจฉา ที่แท้สวีตงเหลียงก็ยังไม่ลืมสาวเจ้าเล่ห์อย่างเสี้ยเมิ่งเหยา
หลี่เสว่พยักหน้า พูดตอบ “อื้ม หล่อนจะมากับสามีของหล่อน”
เมื่อได้ยินคำว่าสามี สีหน้าของสวีตงเหลียงนิ่งไปทันที ถามขึ้น: “ตอนนี้หล่อนเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่เสว่เบ้ปาก : “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อวานซืนเจียเมิงเพิ่งเจอหล่อน ได้ข่าวว่าหล่อนไปเป็นเมียน้อยของคนอื่น จากนั้นถูกจับได้ โดนตบไปหลายฉากเลย”
“ว่าไงนะ?! เสี้ยเมิ่งเหยาเป็นเมียน้อยคนอื่น? ไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้!”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ สมัยเรียนดูก็รู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้เป็นคนดีอะไร”
“ได้ข่าวว่าหล่อนแต่งงานกับพนักงานส่งของ ชีวิตหลังแต่งงานไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ ก็ไม่แปลกที่จะไปเป็นเมียน้อยคนอื่น”
“เป็นเมียน้อยก็สมควรโดนตบแล้ว สมน้ำหน้า!”
“ขายหน้านักเรียนธุรกิจอย่างพวกเราอีก”
พวกผู้หญิงต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ดูถูกเสี้ยเมิ่งเหยา สีหน้าของสวีตงเหลียงแย่ลงทันที ผู้หญิงที่เขาชอบในตอนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น? สามีของหล่อนต้องเหลวไหลขนาดไหนกัน!
เมื่อเห็นว่าสีหน้าสวีตงเหลียงไม่ค่อยดีนัก หลี่เสว่จึงรู้สึกว่าตัวเองพูดแรงเกินไป จากนั้นรีบพูดขึ้น : “พอเถอะ ทุกคนไม่ต้องพูดถึงหล่อนแล้ว ไม่ว่าเสี้ยเมิ่งเหยาจะเป็นยังไง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา พวกเราดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว? พอคิดว่าต้องกินอาหารร่วมโต๊ะกับหล่อน ฉันก็อยากจะอาเจียน”
“นั่นสิ ห้องของพวกเรามีผู้หญิงเยอะขนาดนี้ ทำไมหล่อนต้องไปเป็นเมียน้อยด้วย หน้าไม่อาย”
“ฉันว่านะ ต่อไปถ้าจัดงานเลี้ยงรุ่น ก็ไม่ต้องบอกหล่อน จะได้ไม่ต้องทำให้พวกเราขายหน้าไปด้วย”
“เห็นด้วย เงินของพี่เหลียงก็ไม่ใช่ว่าได้มาง่ายๆ ต้องมาสิ้นเปลืองให้กับผู้หญิงแบบนั้น”
หวังเจียเมิงยืนอยู่ด้านข้างกลับเงียบไม่พูดอะไร แต่ในใจยิ้มเบิกบานเริงร่า ตอนนี้เสี้ยเมิ่งเหยายังไม่มาก็โดนทุกคนเหน็บแนมขนาดนี้แล้ว ถ้าหล่อนมาจริงๆคงต้องฉีกหน้ากันไปข้างหนึ่ง
“พี่เหลียง พวกเราไปกันก่อนดีไหม? งานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ต้องพาเสี้ยเมิ่งเหยาไปด้วย?” หลี่เสว่ลองถาม
สวีตงเหลียงส่ายหน้า พูดขึ้น : “ไม่ พาหล่อนไปด้วย ฉันไม่ได้เจอเมิ่งเหยานานแล้ว อีกอย่างฉันอยากดูว่า สามีของหล่อน แย่ขนาดไหน!”