ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 114 คนขับรถหลิ่วอีอี
ตอนที่ 114 คนขับรถหลิ่วอีอี
ชายหนุ่มพยักหน้าลง พูดขึ้น : “เสียแล้วเหรอ งั้นเกรงว่าวันนี้นายคงต้องเดินไปเองแล้วล่ะ”
“จะปล่อยให้เขาเดินไปได้อย่างไรล่ะ?” ซุนเลี่ยงยิ้มอย่างมีเลศนัย
“งั้นความหมายของนายก็คือ?” ชายหนุ่มคนนั้นถามขึ้น
“ให้เงินเขาร้อยหยวนนั่งแท็กซี่ไปเอง” ซุนเลี่ยงกล่าว
“ฮ่าๆ ไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มผู้นั้นหัวเราะและหยิบเงินหนึ่งร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋า จากนั้นทิ้งลงตรงหน้าเฉินเฟิง พูดขึ้น : “เอาไป นี่หนึ่งร้อยหยวน เอาไปเรียกแท็กซี่นะ ถ้าไม่พอค่อยมาขอฉันเพิ่ม”
เมื่อพูดจบ ทั้งสองเดินเข้าไปในรถ และขับออกไป
สีหน้าของเฉินเฟิงเย็นชาลงทันที สวีตงเหลียงหมอนี่ชักน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ
เดิมทีเห็นแก่เสี้ยเมิ่งเหยา เขาจึงไม่อยากมีเรื่องขัดแย้งอะไรกับสวีตงเหลียง เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนของเมิ่งเหยา เขาไม่อยากมีเรื่อง แต่คนพวกนี้กลับหาเรื่องเขาก่อน ถ้าเขายังคงหดหัวเป็นไอ้ขี้แพ้ต่อไป คงขายหน้าคนอื่นแย่
เฉินเฟิงสูดหายใจเข้าลึก เตรียมกดโทรออกหาคนขับรถของตัวเอง
ทันใดนั้น รถเฟอร์รารีสีชมพูก็มาจอดด้านหลังเขา กระจกรถถูกลดลงมา ใบหน้าของใครบางคนยื่นออกมา
“คุณชายเฉิน?” คนบนรถเอ่ยปากพูดขึ้น
เฉินเฟิงหันหลังกลับไปพบว่า คนที่กำลังเรียกตัวเองอยู่ กลับเป็นหลิ่วอีอี
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” เป็นเพราะเคยเจอกันสองสามครั้ง เฉินเฟิงจึงพอคุ้นเคยกับหลิ่วอีอีอยู่บ้าง แม้ว่าหลิ่วอีอีจะเจ้าเล่ห์นิดหน่อย อารมณ์เหวี่ยงตามประสาคุณนายเศรษฐี แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นคนดีใช้ได้
“คุณชายเฉิน ฉันเรียนที่นี่ เพิ่งเลิกเรียน กำลังจะกลับบ้าน แต่เหลือบเห็นคุณก่อน” หลิ่วอีอี เม้มปาก พูดอย่างระมัดระวัง
เฉินเฟิงจัดปกเสื้อเล็กน้อย เขาลืมสนิทเลยว่าหลิ่วอีอีเป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยจินหลิง
เมื่อเห็นว่าครั้งนี้เฉินเฟิงไม่ได้ทำสีหน้ารำคาญตัวเอง หลิ่วอีอีจึงกำเริบเสิบสาน หัวเราะ พูดขึ้น : “คุณชายเฉิน คุณจะไปไหนคะ? ให้ฉันไปส่งคุณไหม?”
เฉินเฟิงเลิกคิ้วขึ้น ก็ดีนะ ให้หลิ่วอีอีไปส่ง ถ้ารอคนขับรถมารับ ไม่รู้ว่าจะถึงเมื่อไหร่
จากนั้นเฉินเฟิงจึงพูดขึ้น : “ผมจะไปคฤหาสน์หัวฉี รบกวนคุณหน่อยนะ”
“ไม่รบกวนเลยค่ะ” หลิ่วอีอีรีบส่ายหน้า นี่ถือเป็นโอกาสทองที่จะได้อยู่กับเฉินเฟิงตามลำพัง หล่อนจะกล้าคิดว่าเป็นเรื่องรบกวนได้อย่างไร
จากนั้นเฉินเฟิงจึงเข้าไปนั่งที่ข้างคนขับ
ภาพเหตุการณ์ในตอนนี้ ถูกนักเรียนที่อยู่ตรงหน้าประตูมากมายเห็นเข้า หลิ่วอีอีเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัย ทั้งยังเป็นคุณหนูแห่งตระกูลหลิ่ว โดยปกติหล่อนเป็นคนที่ขึ้นชื่อเรื่องเย่อหยิ่ง จองหอง ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ผู้คนที่จีบหล่อน มีตั้งแต่เขตใต้ไปจนถึงเขตเหนือ แต่ไม่เคยเห็นมาก่อนว่าเธอจะทำตัวดีกับชายคนไหน
รถเฟอร์รารีคันนี้ของหล่อน นอกจากเพื่อนสนิทแล้ว ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนได้นั่งเลย
แต่วันนี้ หลิ่วอีอีไม่เพียงแต่ให้ผู้ชายขึ้นรถ ทั้งยังเป็นคนจอดรับให้ผู้ชายคนนั้นนั่งที่ข้างคนขับ นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
และผู้ชายคนนี้ เขาเป็นใครกันแน่?
มีคนรีบถ่ายภาพเฉินเฟิงไว้ได้ และส่งต่อไปในกระทู้ของโรงเรียน หลังจากนั้นสิบห้านาที กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในกระทู้ เป็นที่ฮือฮากันอย่างมาก…
ตอนนั้นเอง เฉินเฟิงไม่รู้เรื่องอะไรมากมาย เขาหรี่ตาลงตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่แม้แต่มองหลิ่วอีอีสักนิด ทำให้หลิ่วอีอีที่กำลังขับรถอยู่รู้สึกไม่พอใจและอึดอัดใจ
เป็นถึงดาวมหาวิทยาลัยจินหลิง ถือเป็นครั้งแรกที่หล่อนยอมให้ผู้ชายขึ้นรถ แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่มองเลยแม้แต่น้อย ตัวเองแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลิ่วอีอีรู้สึกผิดหวัง หล่อนเข้าใจดีว่า เฉินเฟิงไม่ได้เสแสร้งกับหล่อน แต่กลับไม่ได้สนใจในตัวหล่อน
ทันใดนั้น หลิ่วอีอีรู้สึกสงสัยขึ้นมา ผู้หญิงสองคนที่เจอที่สนามบินเมื่อครั้งที่แล้ว เป็นอะไรกับเฉินเฟิงกันแน่
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หลิ่วอีอีก็ขับมาถึงคฤหาสน์หัวฉี
“ คุณชายเฉิน ให้ฉันรอคุณตรงนี้ไหมคะ ถ้าคุณทานข้าวเสร็จแล้ว ฉันไปส่งคุณกลับบ้านเอง?” หลิ่วอีอีถามขึ้น ทำตัวเสมือนเป็นคนขับรถของเขา
“เอ่อ…” เฉินเฟิงรีบส่ายหน้าทันที พูดขึ้น “ไม่เป็นไร คุณรีบกลับบ้านเถอะ ผมทานเสร็จแล้วค่อยโบกแท็กซี่กลับเอง”
แม้ว่าเขาจะทำทุกอย่างด้วยความตรงไปตรงมา แต่ถ้าเสี้ยเมิ่งเหยามาเห็นหลิ่วอีอี คงอธิบายเรื่องราวยากแน่นอน ผู้หญิงมักจะอ่อนไหวง่ายกับเรื่องเช่นนี้
“อ้อ” หลิ่วอีอีพูดพึมพำด้วยความผิดหวัง
เฉินเฟิงไม่พูดอะไรรีบต่อ จากนั้นรีบเดินออกไปทันที
ในขณะเดียวกัน สวีตงเหลียงก็เพิ่งจอดรถเสร็จ
เมื่อเขาเดินลงมาจากรถ สวีตงเหลียงเข้าไปเดินเคียงข้างเสี้ยเมิ่งเหยา เริ่มพูดคุยกับหล่อน โอ้อวดชีวิตการทำงานของตัวเองในหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อหวังเจียเมิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเห็นเรื่องราวตรงหน้า สายตาของหล่อนเต็มไปด้วยความโกรธเคือง หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่า แม้ว่าทุกคนจะพูดถึงขั้นว่าเสี้ยเมิ่งเหยาเป็นเมียน้อย แต่สวีตงเหลียงยังคงหลงใหลในตัวหล่อนไม่เปลี่ยนแปลง
หลี่เสว่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง กลับไม่ได้สนใจสวีตงเหลียงกับเสี้ยเมิ่งเหยาอีกต่อไป
“เจียเมิง เธอดูทางโน้นสิ ผู้ชายที่เดินลงมาจากรถเฟอร์รารี เขาดูเหมือนสามีของเสี้ยเมิ่งเหยาเลยเนอะ” หลี่เสว่ดึงชายเสื้อของเจียเมิงไว้ พลางชี้ไปทางนั้นด้วยความแปลกใจ
เมื่อเจียเมิงมองตามไป จึงขมวดคิ้วขึ้น ดูเหมือนจะเป็นเขาจริงๆ
“คงหน้าเหมือนมากกว่า สามีไม่เอาไหนของเมิ่งเหยา เป็นแค่พนักงานส่งของ จะลงมาจากรถเฟอร์รารีได้อย่างไรกัน” เจียเมิงพูดขึ้น
หลี่เสว่ถอนหายใจโล่งอก พูดต่อ “อื้ม ฉันคงมองผิดไป ไอ้หมอนั่น ตอนนี้คงยังอยู่บนรถของซุนเลี่ยง ยังมาไม่ถึง”
หวังเจียเมิงพยักหน้าลง พูดขึ้น “เราไปกันก่อนเถอะ ตามนางจิ้งจอกเมิ่งเหยาไป อย่าให้หล่อนได้โอกาสใกล้ชิดกับพี่เหลียงตอนพวกเราไม่อยู่”
“ใช่ๆ รีบตามไปเถอะ” เมื่อพูดจบ ทั้งสองรีบเดินตามไปทันที
หลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไปในร้าน จึงพบว่าเฉินเฟิงนั่งรออยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ก่อนแล้ว และด้านข้างของเขาก็ไม่มีพวกซุนเลี่ยงอยู่ด้วย
หลี่เสว่รู้สึกสงสัยมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะถาม : “ทำไมนายมาถึงเร็วจัง? ซุนเลี่ยงล่ะ?”
“พวกเขาตามมาด้านหลัง ฉันมาถึงก่อน” เฉินเฟิงตอบ
“อยู่ด้านหลัง? พวกนายมารถคันเดียวกันไม่ใช่เหรอ?” หลี่เสว่สงสัยมากขึ้น
“เปล่า รถของเขาเต็มแล้ว ฉันก็เลยนั่งแท็กซี่มา” เฉินเฟิงส่ายหน้าตอบ
“นั่งแท็กซี่เร็วกว่าพวกเราขับรถอีกเหรอ?” ”หลี่เสว่มองเฉินเฟิงด้วยความตกตะลึง ตอนนี้หล่อนมั่นใจได้ว่าคนที่ลงมาจากรถเฟอร์รารีสีชมพูคนนั้น ก็คือเฉินเฟิง หล่อนไม่ได้มองผิดไป
“ทำไมนั่งแท็กซี่จะมาเร็วกว่าพวกเธอไม่ได้?” เฉินเฟิงยักไหล่พลางถามกลับ
“นาย…” หลี่เสว่เริ่มไม่พอใจ ไอ้หมอนี่ยังกล้าเถียงฉันอีก
“พอแล้ว หลี่เสว่ไม่ต้องพูดแล้ว เข้าไปด้านในกันก่อนเถอะ” หวังเจียเมิงขมวดคิ้วพูดขึ้น
เฉินเฟิงปิดบังเช่นนี้ คงมีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ อีกอย่างรถเฟอร์รารีเมื่อครู่เป็นรถสีชมพู คนขับต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน
เฉินเฟิงลงมาจากรถของผู้หญิง ท่าทางลับๆล่อๆ เห็นได้ชัดว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นต้องมีความสัมพันธ์คลุมเครือแน่นอน หวังเจียเมิงไม่พูดออกมาตรงๆ หล่อนต้องตรวจสอบให้ชัดเจน จากนั้นใช้วิธีนี้มาสู้กับเสี้ยเมิ่งเหยา