ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 115 คุณชายเฉินจ่ายบิล
ตอนที่ 115 คุณชายเฉินจ่ายบิล
พนักงานเดินนำพวกเขาเข้าไปในห้องVIP จากนั้นไม่นาน พวกซุนเลี่ยงและเพื่อนๆก็ตามเข้ามา
เมื่อเข้ามาในห้อง ซุนเลี่ยงเห็นเฉินเฟิงที่นั่งอยู่ด้านข้างเสี้ยเมิ่งเหยา เขาทำสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที ไอ้หมอนั่นนั่งแท็กซี่มาไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงเร็วกว่าตัวเองอีกล่ะ?
แม้ว่าจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ซุนเลี่ยงก็ไม่ได้ถามอะไรเขา
ทุกคนค่อยๆนั่งลง แน่นอนว่าเสี้ยเมิ่งเหยาต้องนั่งข้างเฉินเฟิง แต่สวีตงเหลียงกลับไม่สนใจ นั่งลงด้านข้างเสี้ยเมิ่งเหยาทันที เปิดศึกอันเร่าร้อนระหว่างเฉินเฟิงกับเขา
หวังเจียเมิงนั่งติดกับสวีตงเหลียง คอยใช้หน้าอกอันเอิบอิ่มของตัวเอง ไปชนแขนของสวีตงเหลียงอยู่ตลอด เพื่อหวังที่จะทำให้เขาเกิดอารมณ์ขึ้นบ้าง
ภายในห้องมีทั้งหมดสี่โต๊ะ โต๊ะของเฉินเฟิง นอกจากเขากับเมิ่งเหยา คนอื่นๆที่สนิทกับสวีตงเหลียงเป็นอย่างดี รวมถึงเพื่อนทั้งสองคนของสวีตงเหลียง คือซุนเลี่ยงและหวังเชาต่างพากันประหลาดใจ
“น้องๆ เอาไวน์Lafiteมาเสริ์ฟก่อน” สวีตงเหลียงบอกพนักงาน
“อีกอย่าง ทุกคนอยากกินอะไร สั่งกันเองได้เลยนะ ไม่ต้องช่วยฉันประหยัดเงินนะ ฉันบอกแล้วว่าฉันเลี้ยงเอง” สวีตงเหลียงยิ้มและกวาดสายมองทุกคน
“พี่เหลียง งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”
“เคยได้ยินมานานแล้วว่าอาหารที่นี่คือที่สุดแล้วในเมืองมหาวิทยาลัยจินหลิง เมื่อก่อนจ่ายไม่ไหว วันนี้พึ่งน้ำใจของพี่เหลียง ฉันก็เลยมีโอกาสได้กินสักที ฮ่าๆ”
“เมิ่งเหยา ฉันมักจะมากินที่นี่บ่อยๆ เนื้อวัวแองกัสที่นี่ดีมาก ฉันสั่งให้หนึ่งที่นะ” สวีตงเหลียงหยิบเมนูขึ้นมา พูดขึ้นด้วยความตั้งใจ
เสี้ยเมิ่งเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย อยากจะปฏิเสธ แต่เฉินเฟิงกับเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน : “ไม่เป็นไร เมิ่งเหยาไม่ชอบกินเนื้อวัว หล่อนชอบกินปลามากกว่า สั่งปลาราดพริกดีกว่านะ”
สวีตงเหลียงโมโหเล็กน้อย: “ฉันกำลังสั่งอาหารให้เสี้ยเมิ่งเหยาอยู่ เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”
เฉินเฟิงหัวเราะ พูดขึ้น : “เมิ่งเหยาเป็นภรรยาของฉัน นายบอกว่าเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? ถ้าไม่เชื่อก็ถามดูสิ ตัวเมิ่งเหยาเอง ชอบทานอะไร?”
“สั่งปลาราดพริกก็ดีค่ะ ฉันชอบทานปลามาก” เสี้ยเมิ่งเหยาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
สวีตงเหลียงสีหน้าย่ำแย่มากขึ้น ไหนบอกว่าชีวิตหลังแต่งงานของเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ดีนักไม่ใช่เหรอ? ยังไปเป็นเมียน้อยของคนอื่นอีกด้วย ทำไมตอนนี้ยังกล้าอยู่ข้างเฉินเฟิง?
หรือหล่อนไม่รู้ว่า ตอนนี้ตัวเองมีมรดกเป็นร้อยล้าน!
“นี่ เจียมตัวเองหน่อยได้ไหม วันนี้คนที่เลี้ยงข้าวคือพี่เหลียง ไม่ใช่นาย จะมาแสร้งเอาหน้าทำไม?” หลี่เสว่ทนดูต่อไปไม่ไหว วางแก้วในมือลงอย่างเต็มแรง จากนั้นพูดสั่งสอนเฉินเฟิง
“ฉันบอกให้เขาเลี้ยงงั้นเหรอ?” เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ความหมายชัดเจนมากกว่า ฉันสามารถออกเงินเองได้ ไม่ต้องให้คนอื่นมาเลี้ยง
“ไร้ยางอาย! พี่เหลียงเลี้ยงข้าว เพราะไว้หน้านายนะ ไม่เช่นนั้นพนักงานส่งของจนๆอย่างนาย จะมีปัญญามากินข้าวที่นี่เหรอ?” ซุนเลี่ยงตบโต๊ะ มองเฉินเฟิงด้วยสายตาเยือกเย็น
“นั่นสิ อาหารที่นี่ ราคาหลักพันทั้งนั้น ไม่เหมือนกับร้านอาหารข้างทางราคาหลักสิบที่นายเห็นหรอกนะ ถ้าพี่เหลียงไม่พามาเลี้ยง อย่าพูดถึงเรื่องกินข้าวเลย แค่เหยียบเท้าเข้าประตูเข้ามาเห็นทีคงไม่ได้เช่นกัน” หลี่เสว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันไม่มีปัญญามากินข้าวที่นี่? ตาข้างไหนของพวกเธอเห็นว่าฉันไม่มีปัญญามากินข้าวที่นี่?” เฉินเฟิงยิ้มเย้ย มองตรงไปที่หลี่เสว่และซุนเลี่ยง ถ้าเขาอยากมา ไม่ต้องพูดถึงที่นี่ ซื้อกิจการทั้งคฤหาสน์หัวฉียังไม่มีปัญหาอะไร!
“โอ้โห ยังจะมาเสแสร้งอีก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของนาย นายมันก็แค่พนักงานส่งของ เงินเดือนก็แค่หกพัน แต่นายรู้บ้างรึเปล่าว่าอาหารของที่นี่มื้อละเท่าไหร่? อาหารดีหน่อยก็หลักหมื่น!”
“ถ้านายบอกว่าตัวเองมีปัญญากิน ก็ได้ เก่งจริงก็ดูแบบพี่เหลียง เลี้ยงข้าวพวกเราทุกคน ไม่ได้จ่ายให้ตัวเองเพียงคนเดียว ใครจะไปรู้ว่านายเอาเงินเดือนที่เก็บไว้หลายเดือนมาแสร้งทำเป็นมีเงินรึเปล่า” หลี่เสว่ดูถูกเหยียดหยาม แม้ว่าอาหารที่นี่จะแพง แต่ถ้านับเฉพาะเฉินเฟิงเพียงคนเดียว เขาสามารถกัดฟันเอาเงินเดือนสักสองเดือนมาแสร้งทำเป็นมีเงินได้ แต่หากจะให้เลี้ยงคนทั้งหมดนี้ เงินเดือนสองเดือนคงไม่สามารถช่วยอะไรได้ อย่างน้อยคงต้องใช้เงินเดือนรวมกันห้าถึงหกปี ประมาณสี่ห้าแสน!
“ถ้าฉันเลี้ยงข้าวทุกคนได้จริงๆ เธอจะทำอะไร?” เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ถ้านายเลี้ยงทุกคนได้จริง ฉันก็จะคุกเข่าต่อหน้านาย และเรียกนายว่าพ่อ” หลี่เสว่พลั้งพูดออกไป หล่อนไม่เชื่อว่า เฉินเฟิงจะมีเงินมากขนาดนั้นจริงๆ!
“แน่ใจ?” เฉินเฟิงยิ้มกรุ้มกริ่ม
“แน่ใจมาก!” หลี่เสว่พูดเสียงสูง เสื้อผ้าที่เฉินเฟิงใส่เป็นยังไง หล่อนเก็บรายละเอียดไว้หมดแล้ว อย่างมากคงไม่เกินสามร้อยหยวน คนแบบนี้ จะมีเงินหลักแสนมาเลี้ยงข้าวคนอื่น? ล้อเล่นอะไรกัน!
“โอเค หวังว่าเธอจะจำคำพูดของตัวเองไว้นะ เดี๋ยวทุกคนกินข้าวเสร็จแล้ว ฉันเป็นคนจ่ายเอง” เฉินเฟิงพูดด้วยสีหน้านิ่งขรึม
หลี่เสว่ตกใจตะลึง ไอ้หมอนี่เอาจริงเหรอ? เขาคงไม่ไปหาเงินหลักแสนมาหลอกกันหรอกนะ
“นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม พวกเรามากันเยอะขนาดนี้ ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำคงจะสี่ห้าแสน นายจ่ายไหวเหรอ?” หลี่เสว่เริ่มสงสัย หล่อนคิดว่าตอนนี้เฉินเฟิงคงทำเพื่อไม่ให้ตัวเองขายหน้า จึงพูดเช่นนี้ พอถึงตอนเช็คบิล เขาต้องหาข้ออ้างหนีไปที่อื่นแน่นอน
“รอให้ทุกคนกินข้าวเสร็จ เธอก็จะรู้เองว่าฉันมีปัญญาจ่ายรึเปล่า” เฉินเฟิงยังคงสงวนท่าทีนิ่งขรึมไว้
“ถ้าเรายังกินข้าวกันไม่เสร็จ แล้วนายหนีไปก่อนจะทำยังไง?” หลี่เสว่ยังคงไม่เชื่อว่าเฉินเฟิงจะมีปัญญาจ่ายจริงๆ
เฉินเฟิงส่ายหน้า หัวเราะ: “ภรรยาของฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะหนีไปไหนได้”
ตอนนี้ถึงคราหลี่เสว่กระวนกระวายใจบ้างแล้ว หล่อนรู้สึกว่าเฉินเฟิงพูดด้วยความมั่นใจ จากนั้นหลี่เสว่นึกถึงเรื่องเมื่อครู่ที่เฉินเฟิงลงมาจากรถเฟอร์รารีสีชมพูคันนั้นขึ้นมาได้ ไอ้หมอนี่คงไม่ได้มีเงินเยอะจริงๆใช่ไหม?
แต่ก็ได้แต่สงสัย หลี่เสว่รู้ดีว่าตอนนี้หล่อนจะหวาดกลัวไม่ได้ ถ้าเฉินเฟิงกำลังทำตัวเสแสร้งอยู่จริง หากหล่อนยอมแพ้ ก็จะพลาดโอกาสทองที่จะโจมตีเฉินเฟิงไป
“โอเค ฉันสัญญา ถ้านายเลี้ยงข้าวพวกเราทั้งหมดได้จริง ฉันจะคุกเข่าลงต่อหน้าและเรียกนายว่าพ่อ” หลี่เสว่พูดอย่างเด็ดขาด หากเฉินเฟิงไม่ได้หลอกลวง จ่ายเงินทั้งหมดได้จริง หล่อนก็แค่คุกเข่าและเรียกเขาว่าพ่อ แต่เงินที่เฉินเฟิงต้องจ่าย มีจำนวนมากถึงหลักแสน ดูจากกำลังของเฉินเฟิงแล้ว ไม่มีทางเทียบอะไรกับเศรษฐีได้เลย เงินหลักแสนคงเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตที่เขามี เอาเงินออมทั้งหมดมาเลี้ยงข้าวคนอื่น แม้จะแสร้งทำได้สำเร็จ กลับบ้านไปเฉินเฟิงคงต้องกรีดเลือดตัวเองแน่นอน
“โอเค งั้นเธอก็เตรียมเรียกฉันว่าพ่อได้เลย” เฉินเฟิงยิ้มเยาะ มองดูท่าทางของหลี่เสว่ ที่รู้สึกว่าเงินหลักแสนเป็นเงินที่เยอะมากสำหรับหล่อน แต่สิ่งที่หล่อนไม่รู้ก็คือ ในบัตรของเขามีเงินอยู่เป็นพันล้าน เงินพันล้าน แค่ดอกเบี้ยในแต่ละเดือนก็ได้เป็นแสนแล้ว
เสี้ยเมิ่งเหยานั่งเงียบมาโดยตลอด หล่อนไม่รู้ว่าเฉินเฟิงมีเงินเท่าไหร่กันแน่ แต่ไม่ต่ำกว่าหลักแสนแน่นอน หลี่เสว่คิดจะทำให้เฉินเฟิงรู้สึกขายหน้าเรื่องเงิน เกรงว่าหล่อนคงคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปแล้ว
“โอเค งั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในคืนนี้ คุณเฉินเป็นคนจ่าย” สวีตงเหลียงหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาไม่ถือที่จะให้เฉินเฟิงได้หน้าแทน ถ้าเฉินเฟิงคิดว่าเขาจ่ายบิลครั้งนี้แล้วคิดว่าจะลบคำสบประมาททั้งหมดได้ เขาคงมองโลกนี้ในแง่ดีเกินไป