ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 124 นามสกุลเฉิน
บทที่ 124 นามสกุลเฉิน
เขาเข้าใจมาโดยตลอด การที่เสี้ยเมิ่งเหยาร่างกายอ่อนแอทำให้เป็นหวัดอยู่บ่อยครั้ง เกิดจากโรคที่เธอเคยเป็นตอนเด็กๆ แต่ดูจากตอนนี้แล้วนั้น มันไม่ใช่เลยสักนิ!
ทว่ากลับเป็นเพราะคนที่ชื่อตู้จื่อเยว่ ยัยนั่นโยนเธอลงไปในทะเลสาบจินโปในช่วงฤดูหนาว จึงทำให้เธอป่วย!
เฉินเฟิงกำหมัดแน่น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโมโห เขาไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ เสี้ยเมิ่งเหยาที่ร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยง่ายนั้น ตอนที่เธอตะเกียกตะกายในน้ำที่หนาวเย็นสะท้านกระดูกในทะเลสาบ จะสิ้นหวังแค่ไหน ผู้หญิงใจคอโหดร้ายคนนั้น ตอนนั้นที่เธอโยนเสี้ยเมิ่งเหยาลงไปในทะเลสาบ ต้องการจะฆ่าคนชัดๆ!
เมื่อก่อนเขาคิดไม่ออก ทำไมแต่งงานด้วยกันมาสามปี เสี้ยเมิ่งเหยาจึงพูดถึงเรื่องเพื่อนๆในมหาวิทยาลัยน้อยมาก มองจากตอนนี้แล้วนั้น ไม่ใช่เพราะเสี้ยเมิ่งเหยาไม่อยากพูดถึง แต่เป็นเพราะเธอไม่กล้า!
เพราะชีวิตในช่วงมหาวิทยาลัยของเธอ เต็มไปด้วยความทรงจำที่เจ็บปวด!
ตู้!จื่อ!เยว่!
ดีมาก!
เฉินเฟิงกัดฟันกรอด สิ่งที่ทำให้เขาโมโหมากกว่านั้นก็คือ ความชั่วร้ายที่ผู้หญิงสารเลวคนนั้นทำกับเสี้ยเมิ่งเหยา แต่เสี้ยเมิ่งเหยากลับไม่คิดที่จะแก้แค้นเธอ ทว่าผู้หญิงสารเลวคนนี้ กลับยังไม่ยอมรามือจากเสี้ยเมิ่งเหยา!
ทั้งๆที่ตอนนี้ก็เรียนจบมหาวิทยาลัยไปสามปีแล้ว แค่คิดรู้แล้ว ผู้หญิงสารเลวอย่างตู้จื่อเยว่มีใจคิดอยากจะแก้แค้น มากมายแค่ไหน!
เฉินเฟิงไม่เคยเกลียดผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้มากก่อน อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่เขาไม่เคยเจอหน้ามาก่อน!
“ไอ้คนบ้านนอก ตอนนี้พี่เยว่ของพวกฉันอยู่ที่คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง แกกล้าไปไหม?” เมื่อเห็นเฉินเฟิงโมโหอย่างเห็นได้ชัด หลี่เสว่ก็ยิ่งได้ใจ เธอเริ่มเทน้ำมันลงไปเพื่อยั่วยวนเฉินเฟิง
เฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก :“นำทาง!”
“เฉินเฟิง อย่าไป…….” เสี้ยเมิ่งเหยาอ้าปากขึ้นเล็กน้อย เธอพูดอย่างอ้อนโวน ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เธอไม่ยอมพูดถึงเรื่องตู้จื่อเยว่ เพราะเธอรู้ดี ตระกูลตู้มีอำนาจมากแค่ไหน ต่อให้ตระกูลเซี้ยสิบตระกูลมารวมกัน ก็ไม่สามารถเทียบได้กับเศษเล็บของตระกูลตู้
เฉินเฟิงทำเพื่อเธอมามากพอแล้ว เธอไม่อยากให้เฉินเฟิงต้องมีเรื่องกับตระกูลที่ทรงอิทธิพลอย่างตระกูลตู้ เพราะเธอเป็นต้นเหตุ
“เสี้ยเมิ่งเหยา แกกลัวอะไร? สามีของแกกำลังจะแก้แค้นเอาคืนพี่เยว่ร้อยเท่า ในสิ่งที่พี่เยว่เคยรังแกแกในตอนนั้น แกควรจะดีใจถึงจะถูก”หลี่เสว่หัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น คุณมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยรึเปล่า?” เฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น มองดูหลี่เสว่ด้วยสายตาเย็นชา
หลี่เสว่สั่นเทาไปทั้งตัว เธอรีบพูดอธิบาย:“ฉัน……ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เฉินเฟิง ฉันจะบอกอะไรแกนะ เรื่องทั้งหมดนี้พี่เยว่เป็นคนทำ ถ้าแกเป็นผู้ชายละก็ไปหาพี่เยว่ มารังแกฉันแบบนี้มันไม่เรียกว่าความสามารถหรอกนะ”
“พี่เยว่บ้าบออะไรที่คุณพูดถึง ผมจะไปหายัยนั่นแน่นอน แต่ถ้าผมรู้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เกี่ยวข้องกับคุณ ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่!”เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ในเมื่อวันนี้หลี่เสว่ได้พลิกเปิดบัญชีเก่าๆออกมาแล้ว เขาจะคิดบัญชีพวกนั้นให้เคลียร์ทุกบัญชี สามปีก่อน ไอ้พวกคนที่เคยรังแกเสี้ยเมิ่งเหยา เขาจะไม่ปล่อยไปสักคน!
หลี่เสว่เบะปากด้วยความดูถูก ยังจะมาหาเรื่องฉัน? แกผ่านด่านพี่เยว่ให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากัน
เมื่อเห็นเฉินเฟิงดึงดันจะไปคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ภายในใจของสวีตงเหลียงก็ดีใจขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เขายังเป็นกังวลว่าจะไม่สามารถทำตามคำสั่งของตู้จื่อเยว่ได้ ทว่าเฉินเฟิงกลับทำได้ดี คิดที่จะไปคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงเพื่อรนหาที่ตายด้วยตนเอง
ภายในใจของสวีตงเหลียงหัวเราะอย่างเย็นยะเยือก เขารู้ดี ตู้จื่อเยว่เป็นคนโหดร้ายแค่ไหน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอก็เป็นผู้หญิงที่ไม่กลัวกฎระเบียบไม่กลัวฟ้า ไม่พอใจอะไรนิดหน่อยก็ทำให้ผู้หญิงคนอื่นต้องเสียโฉม แต่เป็นเพราะเธอได้รับความชื่นชอบจากทุกคนในตระกูลตู้ ไม่ว่าเธอจะทำความผิดร้ายแรงแค่ไหน ตระกูลตู้ก็จะคอยปกป้องเธอเอาไว้
ครั้งนี้ เสี้ยเมิ่งเหยาไป เกรงว่าถ้าไม่ตายก็คงโดนถลกหนังแน่ๆ
“มีใครจะไปคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงอีกไหม?” สวีตงเหลียงหัวเราะแล้วมองดูเพื่อนๆทุกคนที่อยู่รอบๆ
ทุกคนหวั่นใจ แต่พอนึกถึงค่าใช้จ่ายสูงลิ่วของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ก็หดหัวกันหมด
สวีตงเหลียงส่ายหน้าไปมา นัยน์ตาส่วนลึกของเขามีความดูถูกฉายออกมาครู่หนึ่ง เป็นพวกบ้านนอกกันหมด แต่ถ้าคนพวกนี้ไม่ไปละก็ เดี๋ยวก็ไม่มีใครเห็นเฉินเฟิงขายหน้า เมื่อคิดถึงตรงนี้ สวีตงเหลียงจึงคลายยิ้มแล้วพูดขึ้น:“ลืมบอกกับทุกคน ถ้าหากทุกคนไปคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ค่าใช้จ่ายในคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ฉันจะเป็นคนจ่ายเอง ตอนแรกฉันจะเลี้ยงข้าวทุกคน แต่เฉินเฟิงขี้เกรงใจไปหน่อย เขาเป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ ฉันก็ไม่สามารถไม่แสดงอะไรสักนิด ค่าใช้จ่ายที่ทุกคนไปสนุกที่คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงฉันเป็นคนจ่ายทั้งหมด”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีตงเหลียง แววตาของทุกคนเป็นประกายขึ้นมาทันที มีคนให้เอาประโยชน์ แน่นอนว่าพวกเขาต่างก็รู้สึกยินดี เพราะถึงอย่างไรที่นั่นก็เป็นถึงคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง สถานบันเทิงที่หรูหราที่สุดในจินหลิง
ไปที่นั่นสักครั้ง ถ่ายรูปไม่กี่รูป แล้วโพสต์ในกลุ่มเพื่อนของตนเอง ก็สามารถเอาไปโอ้อวดได้หลายปีแล้ว
“พี่เหลียงใจกว้างจริงๆ ทำเอาพวกเราเกรงใจกันหมดเลยค่ะ” หวังเจียเมิงพูดด้วยน้ำเสียงเขินอาย ภายในใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกพอใจสวีตงเหลียงมากยิ่งขึ้น นี่เป็นคนที่รวยมากจริงๆ เธอจะต้องจับเขาให้ได้
“มีอะไรให้เกรงใจ ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด พาทุกคนไปเปิดโลก เป็นสิ่งที่ควรทำ” ภายนอกของสวีตงเหลียงนั้นยิ้มแย้ม แต่ข้างในกลับไม่ได้เกรงใจหวังเจียเมิง มือใหญ่ของเขาลอบจับสะโพกของหวังเจียเมิง ใบหน้างดงามของหวังเจียเมิง แดงระเรื่อ อีกทั้งที่แห่งนั้นของเธอ ก็มีรอยเปียกเล็กน้อย
“ไม่พูดมาก พี่เยว่รอพวกเราอยู่ ทุกคนรีบไปกันเถอะ” สวีตงเหลียงลดมือที่จับสะโพกของหวังเจียเมิงลง จากนั้นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อืมๆ” ทุกคนรีบพยักหน้า จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็ทยอยออกจากคฤหาสน์หัวฉี
“ท่านชิง คนทางนั้น คล้ายว่าจะเป็นคนที่มีเรื่องกับคุณที่คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงในครั้งนั้น?” ขณะที่พวกเฉินเฟิงเดินออกไปจากประตูใหญ่ของคฤหาสน์หัวฉี ก็มีใครบางคนจับเฉินเฟิงได้
“คนที่มีเรื่องกับฉัน?” หยางชิงนิ่งค้างไปพักหนึ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก:“คนที่นายพูดถึงคือคุณชายเฉิน?”
“คุณชายเฉิน?” เห็นได้ชัดว่าลูกน้องของหยางชิงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อจากนั้น เขาแปลกใจเล็กน้อยที่หยางชิงเรียกฝ่ายนั้นแบบนั้น
หยางชิงเองก็ไม่ได้อธิบาย เขารีบมองไปตามทางที่ลูกน้องมองไป กลับพบว่า คนกลุ่มนั้นที่พึ่งเดินออกไป ได้แยกย้ายกันขึ้นรถแล้ว ไม่เห็นเงาของเฉินเฟิง
เห็นหยางชิงคล้ายว่าเป็นกังวลอย่างมาก ลูกน้องคนนั้นจึงพูดขึ้นอีก:“ท่านชิง คุณชายเฉินที่คุณพูดถึงนั้น คล้ายว่าเมื่อกี้มากินข้าวที่คฤหาสน์หัวฉีของพวกเราครับ คุณสามารถดูกล้องวงจรปิดได้ เพื่อเช็คดูว่าใช่หรือไม่ใช่”
“ไปกันเถอะ!”หยางชิงผายมือขึ้น แล้วรีบเดินเข้าประตู ถ้าหากว่าเฉินเฟิงมากินข้าวที่คฤหาสน์หัวฉีจริงๆ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เกินความคาดหมาย เพราะถึงอย่างไรคฤหาสน์หัวฉีเป็นถิ่นของเขา เขาไม่ได้ออกหน้าเชิญมา มันยากที่จะรับประกันว่าเฉินเฟิงไม่ได้คิดมาก
“ท่านชิง”
เมื่อเห็นหยางชิง ท่าทางของหลิวโป๋ก็เปลี่ยนเป็นเคารพอย่างมากจนไม่สามารถเปรียบกับอะไรได้
“คนพวกนั้นที่เดินออกไปกินข้าวเมื่อกี้ มีคนนามสกุลเฉินไหม?” หยางชิงถามด้วยความกังวล
“นามสกุลเฉิน?” หลิวโป๋นิ่งค้าง คนโหดที่ดื่มเหมาไถไปแปดขวดคนนั้น เหมือนว่าจะนามสกุลเฉิน
“ท่านชิง คนนามสกุลเฉินคนนั้น ทำผิดต่อคุณหรอครับ?” หลิวโป๋ถามด้วยความระมัดระวัง หลังจากที่เฉินเฟิงไปแล้วนั้น เจิ้งเจียจึงจะกล้าบอกกับเขา ที่ยั้งสติไม่อยู่นั้น เป็นเพราะในการ์ดของเฉินเฟิงมีเงินอยู่พันล้านหยวน ตอนนั้นเขานิ่งค้างไป การที่ในบัตรมีเงินหมุนเวียนอยู่สิบล้านหยวน เช่นนั้นสินทรัพย์ของคนๆนั้น ต้องมีมากกว่าหมื่นล้านหยวนอย่างแน่นอน เฉินเฟิงต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!ดังนั้นเขาจึงต้องถามให้มั่นใจ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจถูกว่าควรจะตอบหยางชิงยังไง