ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 125 สมาชิกระดับทอง
บทที่ 125 สมาชิกระดับทอง
“กูถามมึงว่ามีหรือไม่มี มึงก็ตอบว่ามีหรือไม่มีก็พอแล้ว พูดอะไรเรื่อยเปื่อยให้มากมาย” หยางชิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“มีครับๆๆ!ท่านชิง เมื่อกี้มีคนนามสกุลเฉิน มากินข้าวที่ร้านของพวกเรา คนที่มากับเขา มีประมาณสี่สิบกว่าคน สุดท้ายเขาเป็นคนเลี้ยงทุกคนเองครับ อีกทั้งระหว่างนั้น เขาก็มีเรื่องกับคนกลุ่มนั้นด้วยครับ…….” หลิวโป๋ไม่กล้าบิดบัง พูดเรื่องทุกอย่างออกมาจนหมด รวมถึงเรื่องที่เฉินเฟิงกับสวีตงเหลียงดวลเหล้าด้วยกัน และรวมถึงเรื่องที่ตอนหลังเขาตบหลี่เสว่ ทั้งยังเล่าเรื่องที่ในบัตรของเขามีเงินร้อยล้านหยวนอีกด้วย
“คือคุณชายเฉินโดยไม่ต้องสงสัย” ได้ยินเรื่องอื่น หยางชิงยังไม่กล้าที่จะเชื่อ แต่พอได้ยินเงินหนึ่งร้อยล้านหยวนนั้น หยางชิงก็มั่นใจทันที คนๆนั้นคือเฉินเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากเฉินเฟิงแล้ว คนอื่นไม่มีใครมีเงินมากขนาดนี้
“คุณชายเฉิน?” หลิวโป๋และเจิ้งเจียอดไม่ถึงที่จะถลึงตาโต หูของพวกเขาไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม หยางชิงถึงขั้นเรียกคนๆนั้นว่าคุณชายเฉิน
หยางชิงไม่คิดที่จะพูดอธิบายให้คนทั้งสองคนฟัง เขาออกคำสั่งทันที :“หลิวโป๋ เดี๋ยวให้แผนกบัญชีถอนเงินออกมาหนึ่งล้านแปดแสนหยวน แล้วเอาคืนให้คุณชายเฉิน การที่คุณชายเฉินมากินข้าวที่นี่ ถือว่าเป็นการให้เกียรติคฤหาสน์หัวฉีของพวกเรา พวกเราไม่สามารถรับเงินคุณชายเฉินได้”
คำพูดของหยางชิงทำให้พวกเขาสองคนอ้าปากกว้าง แล้วกลายเป็นหิน คนหนุ่มคนเมื่อกี้ เป็นใครมาจากไหนกันแน่?!หยางชิงไม่กล้าแม้แต่จะรับเงินของเขา!
“อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ที่นี่ พวกมึงห้ามพูดออกไปแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้น รับผิดชอบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองแล้วกัน!”หยางชิงพูดข่มขู่เสียงเย็นยะเยือก ตอนนั้นทั่วทั้งจินหลิง รู้ว่าเฉินเฟิงเป็นใครมาจากไหน ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องรู้ว่าเฉินเฟิงเป็นใครมาจากไหนนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นก็ได้
“ครับ ท่านชิง”หลิวโป๋และเจิ้งเจียรีบพยักหน้า เมื่อได้ฟังน้ำเสียงของหยางชิง ที่มาที่ไปของเฉินเฟิงนนี้นั้น เห็นได้ชัดว่าใหญ่ไปคับฟ้า คนตัวเล็กๆธรรมดาอย่างพวกเขา จะกล้ามีปัญหาได้ยังไง
อย่างรวดเร็ว หยางชิงส่งข่าวเรื่องที่เฉินเฟิงไปคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงให้กับหยางไท่ หยางไท่โทรศัพท์ไปหาหุ้นส่วนหลักของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ประจวบเหมาะอาศัยโอกาสในวันนี้ ให้หุ้นส่วนหลัก รู้จักกับเฉินเฟิง เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เฉินเฟิงก็เป็นหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง
เฉินเฟิง เสี้ยเมิ่งเหยาและหลี่เสว่ ทั้งสามคนนั่งอยู่ท้ายรถของสวีตงเหลียง ส่วนหวังเจียเมิงนั้นได้แย่งที่นั่งข้างคนขับไป เธอพูดและหัวเราะกับสวีตงเหลียงตลอดทาง
“พี่เหลียง ได้ยินว่าถ้าอยากไปเที่ยวเล่นในคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ต้องมีบัตรสมาชิกของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ?” ตอนที่ใกล้จะถึงคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง หวังเจียเมิงถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อก่อนเธอเพียงแค่เคยได้ยินชื่อคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง แต่เธอไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน
สวีตงเหลียงส่ายหน้าไปมา ยิ้มแล้วพูดขึ้น:“ไม่ใช่ คฤหาสน์คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงถูกแบ่งเป็นหลายโซน มีโซนพักผ่อนทั่วไป ไม่ว่าจะมีบัตรสมาชิกหรือไม่มี ก็สามารถเข้าไปได้ แต่มีบางโซนที่หรูหราหน่อย ต้องมีบัตรสมาชิกเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้”
“เจียเมิง เธอไม่รู้หรอ โซนพักผ่อนระดับสูงของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ก็แบ่งเป็นอีกหลายระดับ โซนต่ำสุดคือสมาชิกระดับเงิน ซึ่งเข้าไปได้แค่โซนสมาชิกระดับเงิน สมาชิกระดับทอง จึงจะสามารถเข้าไปยังโซนสมาชิกระดับทองได้ อยู่บนนั้น ยังมีสมาชิกระดับทองคำขาว คนที่เป็นสมาชิกระดับทองคำขาว ถึงจะสามารถเข้าไปโซนหลักของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงได้ อย่างเช่นล่าสัตว์และสนามยิงปืนเป็นต้น” หลี่เสว่พูดเหมือนเป็นคนที่รู้ ทั้งที่ความเป็นจริงเธอไม่เคยเข้าไปที่คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงมาก่อน แต่ว่ากลับได้ยินมามากมาย จึงเอามาโอ้อวดให้หวังเจียเมิงฟัง
“การแบ่งสมาชิกของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงซับซ้อนขนาดนี้เชียว?” หวังเจียเมิงตกใจเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันเธอก็สงสัย อยากจะรู้ว่าสวีตงเหลียงเป็นสมาชิกระดับไหน
“ใช่แล้ว ตอนแรกที่ก่อตั้งคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ก็เพื่อเป็นคฤหาสน์ของชนชั้นสูง ทำเพื่อบริการคนระดับสูงในสังคม คนธรรมดาทั่วไป อยากจะเข้าไปยังคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ไม่มีทางที่จะเข้าไปได้” ขณะที่หลี่เสว่พูดคำนี้ เธอก็ปรายตามองเฉินเฟิง คล้ายว่าจงใจพูดให้เขาฟัง
“จริงด้วย พี่เหลียง พี่คงเป็นสมาชิกในคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงใช่ไหมคะ?” จู่ๆหลี่เสว่ก็ถามขึ้น โดยมีความประจบประแจงแอบแฝง
สวีตงเหลียงพยักหน้า พูดอย่างได้ใจ:“ผมเป็นสมาชิกระดับทองของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง”
“สมาชิกระดับทอง?” หลี่เสว่เอามือมาปิดปากด้วยความตกใจ จากนั้นพูดขึ้น:“พี่เหลียง สมาชิกระดับทองต้องจ่ายค่าสมาชิกปีล้ะห้าแสนหยวนเลยใช่ไหมคะ?”
สวีตงเหลียงยังคงพยักหน้าต่อ สีหน้าของเขาได้ใจมากกว่าเดิม:“ใช่ ต้องจ่ายปีล้ะห้าแสนหยวน หากรวมเงินที่ใช้ในการมาเที่ยวเล่นในคฤหาสน์ด้วยแล้วนั้น ไม่เพียงแค่ห้าแสนหยวน”
“พี่เหลียง เมื่อไหร่พวกเราถึงจะรวยเหมือนพี่บ้าง” หลี่เสว่พูดด้วยความอิจฉา ตอนนี้เธอเป็นดีไซน์เนอร์ในบริษัทเล็กๆบริษัทหนึ่ง ทำงานทั้งปีแทบเป็นแทบตาย ก็ได้เงินประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนต่อไป ทว่าสวีตงเหลียงทำแค่บัตรสมาชิก แค่ค่าบัตรสมาชิกก็แปลหนึ่งห้าแสนหยวนแล้ว ความแตกต่างระหว่างคนกับคนนั้น ทำไมมันถึงมากขนาดนี้
สวีตงเหลียงกระแอมไอสองครั้ง แล้วพูดขึ้น:“หลี่เสว่ เธอต้องมองให้ไกลหน่อย ตอนนี้ฉันเป็นแค่สมาชิกระดับทองของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง เธอก็รู้สึกว่าฉันรวยแล้ว ถ้าหากว่าพรุ่งนี้ฉันกลายเป็นสมาชิกระดับทองคำขาวของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง เธอคงเห็นว่าฉันเป็นคนที่รวยที่สุดไปแล้ว”
คำพูดของสวีตงเหลียงเป็นการพูดโอ้อวดโดยนัยว่า ปีหน้าตนเองจะเป็นสมาชิกของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง
และหลี่เสว่เองก็รู้หน้าที่เป็นอย่างดี เธอรีบพูดขึ้น:“พี่เหลียง สมาชิกระดับทองคำขาวของที่นี่ต้องจ่ายปีละเท่าไหร่คะ?”
“ม่มาก ก็แค่ปีละหนึ่งล้านหยวนเท่านั้น!”สวีตงเหลียงพูดเสียงเรียบเฉย เงินหนึ่งล้านหยวนถูกเขาพูดออกมาเหมือนเงินหนึ่งร้อยหยวน
“ว้าว พี่เหลียง หนึ่งล้านหยวนยังไม่มากอีกหรอคะ?” สีหน้าของหลี่เสว่เต็มไปด้วยความนับถือสวีตงเหลียง จากนั้นก็พูดขึ้นอีก:“พี่เหลียง เงินหนึ่งล้านหยวนของพี่ กับคนบางคนทั้งชีวิตนี้ก็หาไม่ได้”
“เฉินเฟิง แกส่งอาหารแบบนี้ถ้าอยากจะหาเงินให้ได้หนึ่งล้านหยวน ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?” หลี่เสว่พูดพาดพิงถึงเฉินเฟิง ทว่าหวังเจียเมิงมุ่งเป้าไปที่เฉินเฟิงไปตรงๆ เพราะถึงอย่างไรบนรถก็มีผู้ชายนั่งอยู่แค่สองคนเท่านั้น หนึ่งคือสวีตงเหลียง และอีกหนึ่งก็คือเฉินเฟิง อีกทั้งเมื่อกี้เฉินเฟิงก็พึ่งมีปัญหากับสวีตงเหลียง เวลานี้ แน่นอนว่าต้องให้เฉินเฟิงตกที่นั่งลำบาก
“สิบปีมั้ง” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ คำนวณตามเงินเดือนหกพันหยวนต่อเดือนแล้วนั้น ต้องส่งอาหารโดยที่ไม่กินไม่ดื่มถึงสิบปีกว่าจะรวบรวมเงินได้หนึ่งล้านหยวน
“สิบปี?” หวังเจียเมิงหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน แล้วพูดขึ้น :“ในสิบปีนี้แกคงต้องไม่จ่ายทั้งค่ากิน ค่าที่พักและค่าเสื้อผ้าใช่ไหม?”
“ถ้าอย่างนั้นก็หลายสิบปีมั้ง เธอพอใจรึยัง?” น้ำเสียงของเฉินเฟิงมีความเย้ยหยันเล็กน้อย หวังเจียเมิงอยากจะให้ตนเองขายหน้าไม่ใช่หรอ? เช่นนั้นตนเองก็จะทำให้เธอพอใจ
น้ำเสียงของหวังเจียเมิงนิ่งงัน เคล้าไปด้วยความไม่พอใจ ไอ้สวะคนนี้ กล้าทำให้ตนเองขายหน้า
“เฉินเฟิง ทำไมต้องพูดด้วยน้ำเสียงรุนแรงแบบนี้? เจียเมิงไม่ได้พูดผิดอะไรหนิ คงเป็นไปไม่ได้ที่แกจะไม่กินไม่ใช้เพื่อเก็บเงินหนึ่งล้านหยวนในสิบปีหรอก” หลี่เสว่พูดด้วยความไม่พอใจ
“อืม เป็นไปไม่ได้” เฉินเฟิงพยักหน้า ตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็รู้ดีว่า พูดหลักการกับคนโง่ไม่ได้ คนโง่พูดอะไร ตนเองก็ตอบไปแบบนั้นก็พอใจ ถ้าพูดหลักการกับคนโง่ จะทำให้ตนเองกลายเป็นคนโง่ไปด้วย
“หึ เมิ่งเหยาตาบอดไปแล้วจริงๆ ทำไมถึงได้หลงรักคนอย่างแก เป็นผู้ชายเหมือนกัน แกดููพี่เหลียงสิ สามารถใช้เงินหนึ่งล้านหยวนเพื่อเป็นสมาชิกของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง แล้วแกล่ะ ฉันก็ทำได้แค่หัวเราะแห้ง” หลี่เสว่พูดดูถูกอย่างไม่อ้อมค้อม
สีหน้าของเฉินเฟิงเย็นยะเยือก ดูถูกตนเองก็ช่างมันเถอะ นี่มาดูถูกเสี้ยเมิ่งเหยา เขาไม่สามารถทนได้